ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 477 ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าอันหลิน
อันหลินก้าวเข้าไปในประตูสีทอง พบว่าข้างในเป็นอุโมงค์สีทองยาวเหยียดมองไม่เห็นปลายทาง
เขาเดินหน้าไม่หยุด ก้าวไปข้างหน้าในอุโมงค์ที่ไร้ความรู้สึกถึงพื้นที่ไม่หยุดไม่หย่อน
สุดท้ายไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน จู่ๆ โลกก็หมุนขึ้นมาทันใด
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มาถึงป่ารกร้างผืนหนึ่ง
อันหลินมองดินแดนผืนนี้ด้วยความสงสัยแล้วพบว่ามีดวงอาทิตย์สองดวงลอยอยู่กลางนภา ดวงหนึ่งเป็นสีทอง อีกดวงเป็นสีแดง สีสันของท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินกับม่วง มองแล้วพิเศษอย่างยิ่ง
พื้นราบเรียบ และมีเนินดินเตี้ยๆ โผล่ขึ้นมาจำนวนมาก
เสียงที่ดังจอแจวนเวียนในโสตประสาท และมีเสียงดังตึงตังอีกด้วย
อันหลินเบนสายตามองข้างๆ ของตน ถึงได้อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ
เขามองเห็นมดมากมายก่ายกองบนพื้น…ไม่สิ! เป็นมนุษย์จำนวนมากต่างหาก!
ในตอนนั้นเอง ก็มีอาการเจ็บแปลบบนใบหน้า
“โอ๊ย! ยุงที่ไหนกัดข้า!” อันหลินเจ็บจนทำหน้าเหยเกพลางใช้มือตบเข้าที่หน้า
ปรากฏว่าตบไม่โดนยุง กลับพบว่ามีคราบเลือดเปื้อนบนมือของตน
เขามองเงาดำที่อยู่ห่างตนไปไกล มันใช่ยุงที่ไหนกัน นั่นมันมนุษย์ที่มีปีกไอสีขาวคนหนึ่ง!
ยุงตัวนั้นคือมนุษย์ที่มีขนาดเท่ายุง มือถือกระบี่สีน้ำเงิน พูดอย่างตกใจว่า “ไม่คิดเลยว่าต้องกระบี่เทพสังหารของเย่หนานเทียน หนึ่งในสิบมือกระบี่แห่งแคว้นสำริดอย่างข้ายังสุขกายสบายดี สมกับเป็นยักษ์ปีศาจเทพเจ้า!”
อันหลิน “…”
อีกฝ่ายพูดภาษาอนารยชนโบราณ บวกกับอันหลินเริ่มแผ่พลังจิตของตนแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรกันแน่…
สิบมือกระบี่ กระบี่เทพสังหาร ยักษ์ปีศาจเทพเจ้างั้นเหรอ
อันหลินกะพริบดวงตาที่งุนงงปริบๆ จู่ๆ ก็รู้สึกปวดนิ้วโป้งเท้าขึ้นมาตงิดๆ
เมื่อเขาก้มหน้ามองก็พบว่ามีคนหลายร้อยคนกำลังใช้ปลายดาบฟันรองเท้าผ้าของตนอย่างแรง
ช่วยไม่ได้ พวกเขาเหาะไม่ได้นี่นา ทำได้แค่ฟันรองเท้า…
บางส่วนที่มีฝีมือก็ใช้วิชาเปลวเพลิงเผารองเท้าของตนเป็นรูใหญ่ จากนั้นฟันนิ้วโป้งของตนอย่างแรง เสียดายที่ร่างระดับแปลงจิตของเขาหาใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปจะทลายได้ การโจมตีแทบจะทั้งหมดล้วนเหมือนกำลังจักจี้เขา
ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าพุ่งใส่เสื้อขาวของอันหลิน จากนั้นถูกเสื้อขาวดีดออก
อา เขาพบว่าหลายคนที่อยู่รอบๆ รูรองเท้าน้ำลายฟูมปาก เหมือนว่าจะเหม็นจนตาย
เฮ้อ…ทำไมต้องลำบากด้วยนะ…
“ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตายเสียเถอะ!”
“ท่าเทพสังหาร กระบี่เหินนภา!”
เย่หนานเทียนคนนั้นตะโกนลั่น จู่ๆ กระบี่ก็ปล่อยปราณกระบี่ยาวสิบเซนติเมตรออกมา ดุจว่าจะแหวกท้องนภา!
เขาเคลื่อนไหวตามกระบี่ พุ่งไปหมายแทงหว่างคิ้วของอันหลิน!
มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ ใช้นิ้วมือบีบปราณกระบี่สิบเซนติเมตรนั่นทันใด ปราณกระบี่แหลกสลาย…
“อะไรกัน!” เย่หนานเทียนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงพรึงเพริดอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้ามาปะทะหน้า บดบังแสงสว่างของฟ้าดิน!
ใบหน้าของเย่หนานเทียนฉายความสิ้นหวัง พลังของยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนนี้น่ากลัวมากเหลือเกิน เขาคิดว่าความรุ่งโรงจน์ทั้งชีวิตของตนจะกลายเป็นจุดจบของเขาในสงครามนี้แล้ว
ร่างของเขาถูกพลังอันยิ่งใหญ่มหาศาลบีบอัด ทำให้กระดิกกระเดี้ยไม่ได้
ขณะที่เขานึกว่าตนจะตายในวินาทีต่อไปแล้วนั้น เขาพบว่าความตายไม่ได้มาเยือนแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ถูกยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนนั้นใช้นิ้วคีบแล้วยกขึ้นตรงหน้าของยักษ์
หรือข้าจะถูกกิน
เย่หนานเทียนสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม จินตนาการว่าร่างกายของตนถูกยักษ์ที่น่ากลัวเคี้ยว เขาก็ตัวสั่นงันงักไม่หยุด
“ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าเคยสังหารเยอะโขจริงๆ แต่ข้าเย่หนานเทียนจะยอมให้ถูกดูหมิ่นที่นี่ได้อย่างไร!” เย่หนานเทียนตะโกนลั่น สายฟ้ากลางนภาถูกเขาชักนำให้ฟาดหน้าผากของตน!
เขายอมตายตอนนี้ทันทีดีกว่ากลายเป็นอาหารให้กับยักษ์ปีศาจเทพเจ้า!
แต่ภาพที่เขาไม่อาจเข้าใจได้บังเกิดแล้ว จู่ๆ สายฟ้าสวรรค์ที่ฟาดลงมาก็วกกลับขึ้นฟ้าอีกครั้ง ระเบิดแสงกลางนภาอย่างใหญ่หลวงประหนึ่งดอกไม้ไฟสีน้ำเงิน
“นี่มัน…” เย่หนานเทียนสิ้นหวังยิ่งแล้ว
ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก!
อันหลินสำรวจเย่หนานเทียนในมือด้วยความสงสัย เย่หนานเทียนสูงแค่หนึ่งเซนติเมตรกว่า เป็นลักษณะหลังเขาหดตัวเล็กลงหนึ่งร้อยเท่า เป็นคนแคระขนานแท้
“นี่ ข้าถามอะไรหน่อย ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนไหนอ่อนแอถึงขั้นถูกเจ้าสังหาร” อันหลินพูดด้วยความอยากรู้
เห็นได้ชัดว่าเย่หนานเทียนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในคนกลุ่มนี้ เมื่อครู่เขาบอกว่าอันหลินแข็งแกร่งกว่ายักษ์ปีศาจเทพเจ้าที่เคยสังหารเยอะโข…
อันหลินสงสัยเหลือเกินว่าตัวละครอ่อนด้อยตัวไหนถูกคนแคระกลุ่มนี้ฆ่ากันนะ อ่อนแอเกินไปแล้วมั้ง!
เย่หนานเทียนฟังเสียงที่ดังบาดแก้วหู ใบหน้าประหวั่นพรั่นพรึง “ยักษ์…ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าอย่างเจ้าพูดได้ด้วยหรือ!”
ครั้นคนแคระที่โจมตีรองเท้ากับกางเกงของอันหลินบนพื้นไม่หยุดได้ยินเสียงก็ตกใจจนหยุดโจมตี มองอันหลินด้วยความตกใจ
“พวกเจ้าพูดภาษาอนารยชนโบราณ ข้าพอรู้นิดหน่อย…” อันหลินพยักหน้า
“เหลวไหล นี่เป็นภาษาบรรพกาลแท้ๆ!” เย่หนานเทียนตวาดลั่น
“ก็ได้ๆ…เจ้าตัวเล็ก เจ้าพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น ตอบคำถามของข้ามาตามตรง ข้าจะไว้ชีวิตไม่ฆ่าพวกเจ้า” อันหลินพูดยิ้มๆ
เย่หนานเทียนได้ฟังก็สะดุ้งโหยง กัดฟันพูดว่า “มันเป็นยักษ์ปีศาจเทพเจ้าที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าเจ้านิดหน่อย เพียงแต่ว่ามันมีขนยาวสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า แขนขาจรดพื้น กล้ามเนื้อกำยำ หมัดทลายขุนเขา เท้าสะเทือนปฐพี น่ากลัวยิ่งนัก…แต่ก็ยังถูกกระบี่เทพสังหารของข้าปลิดชีพอยู่ดี!”
มุมปากของอันหลินกระตุกเมื่อได้ฟัง ที่นายว่ามันกอริลลาหรือเปล่า ต้องเป็นกอริลลาแน่ๆ! อยู่มานานเนิ่นขนาดนี้ไม่เคยเห็นกอริลลาเหรอ!
เย่หนานเทียนมองอันหลินแล้วพูดต่อว่า “รูปลักษณ์ของเจ้าเหมือนมนุษย์อย่างพวกเรามากกว่า อีกอย่างเจ้าก็พูดได้ด้วย ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าก็วิวัฒนาการได้จริงๆ ด้วย…”
“วิวัฒนาการกับผีอะไร! นี่มันคนละเรื่อง!”
“ไม่สิ…น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน มนุษย์ก็วิวัฒนาการมาจากกอริลลาไม่ใช่เหรอ คำพูดนี้ไม่มีอะไรผิดปกตินี่นา”
อันหลินฉุกคิดได้แล้วเอ่ยปาก
เย่หนานเทียน “…”
เหล่าคนแคระ “…”
“แต่ข้ากับพวกเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมเจ้าต้องรบราฆ่าฟันตั้งแต่ครั้งแรกเจอ แถมยังใช้กระบี่แทงข้าด้วย” อันหลินบ่นอุบ
รองเท้าของเขาถูกแทงเป็นรูแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องเปลี่ยนรองเท้าอีกแล้ว
หารู้ไหมว่าเมื่อสิ้นประโยคนี้ของเขา คนแคระหลายร้อยคนบนพื้นก็โวยวายขึ้นมาทันที มีอีกมากมายที่สถบด่า บางส่วนที่ใจกล้าก็ใช้หอกยาวแทงรองเท้าของเขาต่อ
เย่หนานเทียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่า ตะคอกว่า “เจ้ากับพวกเราไม่มีความแค้นต่อกันงั้นหรือ เจ้ากล้าพูดหรือว่าไม่มีความแค้นต่อกัน เจ้าฆ่าราชาที่กรีธาทัพด้วยตัวเองของพวกเรา ความแค้นที่ใหญ่หลวงแบบนี้…ยังกล้าพูดอีกหรือว่าไม่มีความแค้นต่อกัน!”
“ข้าฆ่าราชาของพวกเจ้างั้นหรือ” อันหลินกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
“ลองดูใต้ฝ่าเท้าเจ้าสิ!” เย่หนานเทียนตวาดเสียงกร้าว
อันหลินยกเท้าซ้ายขึ้น ไม่มีอะไรเลยนี่นา
เขาคิดๆ แล้วก็ยกเท้าขวาขึ้น
อืม…บนพื้นมีมดสีทองหลายตัวที่ถูกเหยียบจนแบน
อ้อ…มีผู้ชายสวมชุดจักรพรรดิสีทองอีกคนที่ถูกเหยียบจนลมหายใจดับดิ้นไปแล้ว…