ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 478 สวรรค์ประทานกองทัพ
เอ่อ…มันน่าอึดอัดเหลือเกิน
ไม่คิดเลยว่าเขาจะเผลอเหยียบราชาที่กำลังกรีธาทัพด้วยตัวเองของพวกเขาตายแล้วจริงๆ จะทำอย่างไรดี
เนื่องด้วยการเคลื่อนย้ายของมิติเป็นการสุ่ม เขาทำได้แค่โผล่มาที่นี่ตามการสุ่ม ความผิดนี้จะโยนให้เขาไม่ได้นะ
คนแคระบนพื้นยังโจมตีรองเท้าของเขาอย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นว่ามีปืนใหญ่สิบกว่าลำยิงรองเท้าของเขาไม่หยุดพัก ต่อให้รองเท้าของเขาเป็นวัสดุไม่ธรรมดา ตอนนี้ก็เล่นเอาดำไปจุดหนึ่ง งเหมือนกัน
อันหลินย่นคิ้วพูดว่า “อืม ข้าแค่ไม่ระวังมาโผล่ที่นี่ บังเอิญเหยียบราชาของพวกเจ้าเข้าพอดี พวกเจ้าทำเช่นนี้…เกินไปแล้วนะ! ว่ากันตามเหตุผลข้าก็บริสุทธิ์นะ!”
“เจ้าบริสุทธิ์งั้นหรือ แล้วความเจ็บปวดกับการตายของราชาของพวกเราใครจะแบกรับ! ใครจะรับผิดชอบ!” เย่หนานเทียนจ้องอันหลินเขม็ง ถ่มน้ำลายใส่นิ้วของอันหลิน
อันหลิน “…”
ชายชาตรีที่ไม่กลัวเกรงศัตรูดีๆ นี่เอง บีบให้ตายเลยดีไหม
อันหลินไม่ใช่คนที่กระหายเลือด ไม่อย่างนั้นก็ตบทหารพวกนี้ให้ตายยกกองทัพในฝ่ามือเดียวไปแล้ว
เรื่องนี้เขาควรจะรับผิดชอบสักหน่อยจริงๆ นั่นแหละ เพราะราชาของพวกเขากรีธาทัพมาเองอย่างทรงพลัง กลับไม่ระวังถูกยักษ์เหยียบตาย ปฏิกิริยาแรกของพลทหารย่อมต้องเอาคืนยักษ์ที่ทำให้ ราชาตายแน่นอน
อันหลินเหยียบราชาพวกเขาตายเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็เป็นความจริง
เขาใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วล้วงเข็มดอกสาลี่ต้องพิรุณ ศาสตราเวทขั้นสูงออกจากแหวนมิติ!
มีเข็มสีเงินขนาดเล็กทั้งสิ้นร่วมพันเล่ม ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์
“แม้ข้าจะไม่ได้เจตนา แต่ข้าก็เผลอเหยียบราชาของพวกเจ้าตายจริงๆ ใช้เข็มดอกสาลี่พันเล่มเหล่านี้เป็นของชดใช้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร” อันหลินกล่าว
“เจ้านึกว่ามอบอาวุธให้พวกเราแล้วจะให้อภัยเจ้าหรือ ชีวิตของราชาประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งใดก็แลกไม่ได้…” เย่หนานเทียนกำลังตะคอก แต่เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานก็หาย ยใจเข้าดังเฮือกทันใด
พลทหารหลายร้อยชีวิตบนพื้นก็พากันหยุดการโจมตี เหม่อมองเข็มเงินที่ส่องแสงแวววับกลางอากาศเช่นกัน
“ยักษ์ปีศาจเทพเจ้า เจ้า…เจ้าจะมอบให้ข้าหมดเลยหรือ เจ้าเกรงใจกันเกินไปแล้ว…ราชาแห่งความสำริดอะไรนั่นตายแล้วไม่เป็นไร เจ้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เปลี่ยนคนใหม่ก็สิ้นเรื่อง” เย ย่หนานเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
อันหลิน “…”
ตอนนี้ในใจเย่หนานเทียนเกิดคลื่นซัดสาดบ้าคลั่งนานแล้ว วัสดุ คลื่นพลังงานของเข็มเงินร่วมพันเล่ม…เทียบเท่ากระบี่เทพของเขาแล้ว! หากได้เข็มเงินร่วมพันเล่มเหล่านี้ มันก็เ เท่ากับว่าได้กระบี่เทพพันเล่มน่ะสิ!
มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ มันเท่ากับว่าเมื่อมีกระบี่เทพพวกนี้แล้ว เขาก็จะสร้างกองทัพเทวะที่มีชัยทุกสงครามได้!
ราชาคนหนึ่งสำคัญกับผีอะไร วันหน้าเขาจะนำกองทัพปกครองทั่วหล้า!
เป็นดังที่คาด พลทหารบนพื้นก็ไม่โจมตีอันหลินแล้ว ต่างพากันจ้องเข็มเงินเหล่านั้นด้วยสายตาที่เร่าร้อน แววตาทอความปรารถนาอย่างใหญ่หลวง
ในปฐพีที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเช่นนี้ มีเพียงพละกำลังเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งให้พวกเขามีชีวิตรอด เมื่อประจันหน้ากับอาวุธเทวะมากมายปานนี้ สุดท้ายพวกเขาก็หวั่นไหวอยู่ดี
อันหลินคลายนิ้วที่คีบเย่หนานเทียนออก
เย่หนานเทียนใช้ศาสตราวุธมิติเก็บเข็มนับพันเล่มเหล่านั้นอย่างว่าง่าย
อันหลินกลับไม่รู้สึกเสียดาย ก็แค่ศาสตราวุธขั้นสูงเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นอาวุธวิเศษเลยด้วยซ้ำ คนกลุ่มนี้กลับมองว่ามันเป็นอาวุธเทวะ คิดๆ แล้วก็น่าขำอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคนแคระที่อ่อนแอขนาดนี้อยู่รอดในโลกใบนี้ได้อย่างไร
“จริงสิ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าผลึกต้นกำเนิดดินแดนอยู่ที่ไหน แล้วก็ข้าต้องการข้อมูลของขุนเขาแสงดาวด้วย” อันหลินมองพลทหารแคระตรงหน้าแล้วถามด้วยความสงสัย
“ผลึกต้นกำเนิดดินแดน ขุนเขาแสงดาวงั้นหรือ” เย่หนานเทียนทำหน้างุนงง
อันหลินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วอธิบายว่า “ผลึกต้นกำเนิดดินแดนก็คือผลึกหินที่แฝงด้วยพลังดั้งเดิมของโลกที่มีสีขาว สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดงและสีทอง”
เย่หนานเทียนเกาหัว จากนั้นก็นำวัตถุที่มีสีขาว สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดงและสีทองออกจากศาสตราวุธมิติมากองใหญ่แล้วพูดว่า “ใช่พวกนี้หรือไม่”
อันหลิน “… นี่มันเพชร ไม่ใช่ผลึกหิน!”
เอาละ ดูท่าทางคนแคระพวกนี้จะไม่รู้อะไรเลย
ก็จริง พวกเขาอ่อนแอปานนี้ จะคลุกคลีกับของแบบนี้ได้อย่างไร
“งั้นช่วยบอกข้อมูลทั้งหมดของดินแดนแห่งนี้ที่เจ้ารู้ให้ข้าฟังสักหน่อยเถอะ” อันหลินเอ่ยต่อ
“ไม่มีปัญหา ยินดีให้บริการ” เย่หนานเทียนเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งแคว้นสำริด ข้อมูลที่เขารู้เยอะกว่าราชาเสียอีก
เขากำลังจะอ้าปาก จู่ๆ ดวงแสงสีขาวก็กะพริบแปลบปลาบขึ้นมา
เย่หนานเทียนย่นคิ้วเล็กน้อยแล้วใช้พลังกระตุ้น จากนั้นก็มีเสียงอันร้อนรนแว่วมา “แย่แล้วท่านแม่ทัพเย่หนานเทียน! อสูรปีศาจแห่งเขาเหนือวิชนกับกองทัพแคว้นวารินอาศัยจังหวะที่ ราชากรีธาทัพ ร่วมมือกันบุกรุกเมืองหลวงของแคว้นเรา ใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว! พวกท่านรีบกลับมาให้ความช่วยเหลือ!”
“อะไรนะ พวกเดรัจฉานของแคว้นวารินร่วมมือกับอสูรปีศาจงั้นหรือ ใจกล้าเหลือเกิน! ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้!” เย่หนานเทียนพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
แสงสว่างของดวงแสงสีขาวมลายไปทันใด เย่หนานเทียนมองอันหลินด้วยความลำบากใจ
อันหลินพูดอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “อยากกลับแคว้นสำริดหรือ ข้าไปส่งพวกเจ้าดีไหม”
“ท่าน…ท่านจะมาช่วยแคว้นสำริดของเราหรือ” เย่หนานเทียนมองอันหลินแล้วพูดด้วยนัยน์ตาที่ตื้นตัน
“ช่วยสังหารศัตรูหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่พาพวกเจ้ากลับแคว้นสำริดน่ะไม่มีปัญหา” อันหลินยิ้ม
“ดีเหลือเกิน! ท่านไม่เหมือนยักษ์ปีศาจเทพเจ้าทั่วไป ท่านเป็นคนดี!” เย่หนานเทียนพูดอย่างซาบซึ้ง
อันหลินแน่นหน้าอกทันใด ตอนนี้คนแคระก็นิยมแจกการ์ดคนดีด้วยเหมือนกันเหรอ
เขาขยายก้อนอิฐสีดำให้ใหญ่ขึ้น จากนั้นใช้เวทมนตร์ขนย้ายทหารหลายร้อยชีวิตบนพื้นมาอยู่บนก้อนอิฐ จากนั้นพุ่งขึ้นฟ้า!
คราวนี้พลทหารทั้งหมดรวมถึงเย่หนานเทียนต่างก็ตะลึงงัน ต่างก็ตกใจกับฝีมือของอันหลิน
ปีศาจเทพเจ้าที่ใช้เวทมนตร์ได้…น่ากลัวนัก!
“ใต้เท้าปีศาจเทพเจ้าเหาะช้าหน่อย ท่านเหาะไวเกินไป…ข้ามองไม่เห็นทางแล้ว!” เย่หนานเทียนยืนตัวสั่นระริกอยู่ด้านหน้าสุดของก้อนอิฐสีดำ
เขาไม่คิดเลยว่ายอดฝีมือชั้นฟ้าอย่างตนจะมีวันที่เสียขวัญกับความเร็วในการเหาะเหินที่น่ากลัว
ระยะทางที่กองทัพกรีธาทัพเป็นระยะเวลาสิบกว่าวัน อันหลินใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเค่อด้วยประการฉะนี้
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาเป็นบ้านเรือนมินิทั้งหลายแหล่กับคนแคระมินิ
เขาถึงขั้นไม่กล้าให้ก้อนอิฐสีดำของตนลอยต่ำ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดลมคลั่งพัดพาบ้านเรือนไป
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงอาณาเขตของเมืองหลวงแคว้นสำริด
กำแพงของเมืองหลวงสูงตระหง่านอย่างยิ่ง สูงถึงสามสิบแปดเซนติเมตร!
ประตูเมืองทางเหนือเกิดศึกใหญ่ มดที่ถือหอกร่วมพันตัวกำลังทหารแคว้นวารินที่ถืออาวุธนานาชนิดร่วมพันชีวิตกำลังโจมตีกำแพงเมืองจากข้างนอกไม่หยุด
เนี่ยฮ่าว มือกระบี่ทั้งสิบแห่งแคว้นสำริด ขณะเดียวกันก็แม่หนึ่งในแม่ทัพรักษาการณ์อีกด้วย กำลังโบกมือตะโกนเหนือแนวกำแพงว่า “อดทนไว้ ข้าแจ้งเรื่องศึกของที่นี่กับฝ่าบาทและแม ม่ทัพเย่หนานเทียนแล้ว พวกเขาต้องกลับมาช่วยเหลือภายในสามวันแน่นอน!”
แตรรบกำลังขับขาน กลองรบดังสนั่น
เหล่าพลทหารต้านทานการรุกรานของอิทธิพลทั้งสองฝ่ายสุดชีวิต
“ฮ่าๆ ๆ…ระยะเวลาสามวันเพียงพอให้พวกเรายึดเมืองนี้แล้ว! คิดไม่ถึงล่ะสิว่าอสูรปีศาจจะร่วมมือกับพวกเรา!” นอกประตูเมืองมีแม่ทัพที่ถือกระบี่ยาวหนึ่งเซนติเมตรกำลังหัวเราะร่วน
ในตอนนั้นเอง ก็มีหมอกขาวลอยลงจากฟ้าทันใด
ร่างเลือนรางเริ่มปรากฏชัดในหมอกขาวอย่างเนืองแน่น...
การต่อสู้ที่ดุเดือดเริ่มเชื่องช้าลง ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่หมอกขาว
สายลมพัดมาระลอกหนึ่ง หมอกขาวมลายสิ้น
พลทหารแปดร้อยกว่านายปรากฏกายเหนือสมรภูมิรบ ทุกคนต่างก็ถือหอกสีเงินที่แผ่คลื่นอันน่ากลัว
แม่ทัพคนหนึ่งยืนตระหง่านกับที่ แผ่พลังปราณที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้พลางตะโกนกร้าวว่า “ใครอาจหาญรุกรานอาณาเขตของแคว้นเรา!”
ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือสหายร่วมกองทัพต่างก็มองกองทัพที่ลอยลงมาจากฟ้ากองทัพนี้ด้วยความอึ้ง หายใจเข้าดังเฮือก
เนี่ยฮ่าวที่เฝ้าเมืองทำหน้าหวาดผวา “เพิ่งผ่านไปหนึ่งเค่อเองไม่ใช่หรือ ทำไมกองทัพก็มาโผล่ที่นี่แล้ว เห็นผีแล้ว…”
“เย่…เย่หนานเทียน!” แม่ทัพของแคว้นวารินพูดด้วยใบหน้าที่มีแต่ความอึ้ง
เย่หนานเทียนถือกระบี่ขวางด้านหน้า นัยน์ตาเย็นเฉียบ ตอบเสียงเย็นชาว่า “ข้าเอง!”