ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 479 พลังอันทำลายล้าง
เนี่ยฮ่าวมองเย่หนานเทียนด้วยความงุนงง เมื่อขยี้ตาพบว่ายังเป็นแผ่นหลังอันคุ้นเคย เพียงแต่ดูเหมือนจะสูงใหญ่กว่าเดิมแล้ว
แม่ทัพแคว้นวารินสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว ชูกระบี่ขึ้นสูงแล้วตะโกนลั่นว่า “เร็ว! กองทัพของเย่หนานเทียนกับทหารเฝ้าเมืองแยกกัน เป็นโอกาสที่จะฆ่ากองทัพนี้ให้เหี้ยน! พวกเราบุกเ เข้าไป อย่าให้พวกเขาขึ้นกำแพงเมือง!”
พลทหารกับอสูรที่เหลือต่างๆ ก็ได้สติ กู่ร้องถาโถมใส่กองทัพที่ลงมาจากฟ้า
เนี่ยฮ่าวก็ตื่นจากภวังค์เช่นกัน ตะโกนลั่นว่า “เร็ว! ใช้พลังเพลิงปกป้องกองทัพนอกเมือง ให้พวกเขาถอยกลับเมือง!”
นอกเมืองมีกองทัพศัตรูนับพันกับอสูรที่โหดเหี้ยมร่วมพัน กองทัพแปดร้อยกว่าคนที่แม่ทัพเย่หนานเทียนนำทัพเทียบกับพวกมันแล้วมีความแตกต่างกันทางกำลังอย่างใหญ่หลวง จำต้องให้พว วกเขาถอยกลับเข้าเมืองก่อน
แต่ทว่าเย่หนานเทียนเพียงแค่แสยะยิ้ม ชูกระบี่ขึ้นสูงแล้วตะโกนว่า “นี่เป็นศึกแรกที่กองทัพหนานเทียนของเราจะสร้างชื่อ บุกไปพร้อมกับข้า!”
“บุก!”
พลทหารแปดร้อยกว่านายไร้ความหวาดกลัว มือถืออาวุธเทวะอย่างหอกดอกสาลี่ต้องพิรุณพุ่งไปหากองทัพใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า
แม่ทัพแคว้นวารินเห็นดังนั้นก็ชะงักก่อน จากนั้นก็ปีกไอก็ก่อตัวพุ่งตัวใส่เย่หนานเทียนด้วยความประหลาดใจ หัวเราะร่วนพูดว่า “เย่หนานเทียน นี่เจ้าจะรนหาที่ตายหรือ รอพลทหารไม่ก กี่ร้อยนายนั่นถูกกองทัพของข้าเหยียบราบเป็นหน้ากลองเถอะ!”
“เย่หนานเทียน นี่เจ้าทำอะไรน่ะ รีบถอยทัพสิ! ขอเพียงเรารักษาเมืองไว้ได้ ค่อยวางแผนตีกลับ!” เนี่ยฮ่าวตะโกนเสียงดัง
เย่หนานเทียนยิ้มบางๆ “ตอนนี้แหละโอกาสตีกลับ พวกเขาจบเห่แล้ว”
กองทัพแคว้นวารินเริ่มปะทะกับกองทัพหนานเทียน การประสานงากันดุเดือดไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เพราะกองทัพของแคว้นวารินถูกกองทัพหนานเทียนพุ่งแหวกเหมือนเต้าหู้!
หอกดอกสาลี่ต้องพิรุณของกองทัพหนานเทียนห้อมล้อมด้วยปราณสีขาว ดุจอาวุธเทวะที่ไร้เทียมทาน ทำให้ร่างของศัตรูขาดเป็นสองท่อนทันทีทั้งที่ยังไม่แตะปลายหอกด้วยซ้ำ!
เหล่าพลทหารแคว้นวารินต่างก็งงงวย อาวุธ ชุดเกราะ โล่ของพวกเขาต่างก็แหลกสลายประหนึ่งเต้าหู้เมื่อประจันหน้ากับหอกยาวสีน้ำเงินนั่น ไม่มีกำลังต้านทานเลยสักนิด
อสูรมด อสูรเต่าทอง อสูรหนอนที่โหดเหี้ยมทารุณก็ถูกหอกยาวที่น่ากลัวนั่นฉีกทึ้งอย่างง่ายดาย ชุดเกราะอสูรที่พวกมันภาคภูมิใจที่สุดเปราะบางเหลือเกินเมื่อเผชิญหน้ากับหอกดอกสา าลี่ต้องพิรุณ
แม่ทัพแคว้นวารินที่กำลังประมือกับเย่หนานเทียนเบิกตากว้าง พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “หรือหอกพวกนี้จะเป็น…อาวุธเทวะทั้งหมด!”
“ฮ่าๆ ๆ…ใช่แล้ว! ซือถูเฒ่าตายเสียเถอะ![1]” เย่หนานเทียนหัวเราะเสียงดัง ปราณกระบี่พุ่งไปหาซือถูหล่างดุจมังกรไม่ขาดสาย!
“เย่หนานเทียนไปพบโชคดีอะไรมากันแน่…” เนี่ยฮ่าวพึมพำ
บนพื้น พลทหารหนานเทียนฟันทหารของแคว้นวารินกับอสูรจนล้มตายประหนึ่งผักปลา ไร้เทียมทาน ไร้สิ่งกีดขวางราวกับกองทัพแห่งราชัน
ทหารแคว้นวารินกับอสูรต่างก็ตกใจเสียขวัญ เข่นฆ่าเพียงครู่เดียว เลือดก็นองทั่ว แถมยังเป็นเลือดของพวกเขาทั้งนั้น ทหารหนานเทียนบาดเจ็บล้มตายน้อยยิ่งนัก
ชั่วขณะที่คิดว่ามีชัยชนะแล้ว จู่ๆ พยับเมฆก็ลอยมากลางนภา พร้อมกับเสียงสายฟ้าคำรามดังกึกก้อง
เห็นตั๊กแตนสีดำตัวหนึ่งพุ่งออกจากพยับเมฆ มือใบมีดของมันหนีบร่างของชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีขาวคนหนึ่ง หัวเราะลั่นพูดว่า “เว่ยหลง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแคว้นสำริดสิ้นแล้ว ว พวกเจ้ายังไม่ยอมศิโรราบอีกหรือ!”
เสียงของตั๊กแตนดังก้องสมรภูมิรบ ทหารนับไม่ถ้วนแหงนหน้ามองฟ้า
สีหน้าของเย่หนานเทียนกับเนี่ยฮ่าวเปลี่ยนไปพร้อมกัน มองชายหนุ่มในมือของตั๊กแตนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความตะลึงพรึงเพริด
“เป็นไปได้อย่างไร…เว่ยหลงพ่ายแล้วหรือ…เขาเป็นยอดฝีมือขั้นเทพเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นเรา…” เนี่ยฮ่าวพึมพำ
“เสร็จกัน ไม่คิดเลยว่าในหมู่อสูรจะมีขั้นเทพด้วย แถมยังสังหารเว่ยหลงแล้ว” ใบหน้าของเย่หนานเทียนเจือความเคียดแค้นและเจ็บใจ
พลังของพวกเขาแบ่งเป็นชั้นมนุษย์ ดิน ฟ้าและเทพ พลังของบุคคลชั้นเทพเพียงพอจะตัดสินชะตาของสงครามหลายพันชีวิต ให้เวลาเย่หนานเทียนอีกไม่กี่ปี เขาก็มีโอกาสเลื่อนเป็นชั้นเทพ พเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้…
“วะฮ่าๆ…หากพวกเจ้าไม่ยอมจำนน ข้าจะกินพวกเจ้าให้เกลี้ยงแล้วกัน…” ตั๊กแตนสีดำหัวเราะอย่างชั่วร้าย เริ่มเขมือบร่างของเว่ยหลงลงท้องต่อหน้าพลทหาร!
เหล่าพลทหารและแม่ทัพของแคว้นสำริดต่างก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นัยน์ตามีไฟโทสะลุกโชน
พลทหารแห่งแคว้นวารินออกอาการดีใจ พวกเขามองเห็นความหวังจะชนะแล้ว!
“หึๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีอาวุธชั้นดีมากมายปานนี้ ข้าจะไม่เกรงใจละนะ…”
ตั๊กแตนสีดำเบนสายตามองกองทัพหนานเทียนบนพื้น นัยน์ตาพราวระยับ หน้าตาละโมบอย่างยิ่ง
ครืน ตั๊กแตนสีดำระเบิดพลังปราณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง กลายร่างเป็นพายุสีดำพุ่งเข้าไปในกองทัพจำนวนแปดร้อยกว่านายแล้วเข่นฆ่ากองทัพหนานเทียนบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง
“ถอย!” เย่หนานเทียนตะโกนเสียงดัง
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียง ‘เอ๊ะ’ แว่วมาจากท้องฟ้า
ก้อนอิฐสีดำอันใหญ่โตมโหฬารแหวกชั้นเมฆ มันกว้างถึงสองจั้ง มืดฟ้ามัวดิน!
พลทหารในสมรภูมิรบต่างก็รู้สึกว่าฟ้าดินมืดลงเล็กน้อย
ฟิ้ว ก้อนอิฐหายไปแล้ว ร่างที่โอฬารกระโดดลงพสุธา สองเท้าย่ำพื้น ทำให้ผิวดินสั่นสะเทือนไปทั่ว
ทุกผู้ทุกคนเบิกตากว้างมองร่างที่ยืนค้ำฟ้าร่างนั้น
มีพลทหารบางส่วนตกใจจนอาวุธร่วงกระทบพื้น มองยักษ์ตนนั้นอึ้งๆ “ยักษ์…เทพเจ้าปีศาจ”
อันหลินมองตั๊กแตนสีดำกลางนภาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กายเจ้ามีพลังที่ข้าสนใจ มานี่ มาคุยกันหน่อย”
ฝูงชนได้ฟังก็ตกใจ ปีศาจเทพเจ้าตนนี้พูดได้ด้วยหรือ!
ตั๊กแตนสีดำเพ่งสายตามอง จากนั้นขยับกรงเล็บดุจเคียวกระหายเลือดของมันยื่นไปหาอันหลิน
“คุยกับผีน่ะสิ ใช่ว่าข้าจะไม่เคยสังหารยักษ์ปีศาจเทพเจ้าเสียหน่อย ตายเสียเถอะ!”
ว่าแล้วกรงเล็กของตั๊กแตนสีดำก็ระเบิดพลังที่น่ากลัว หมอกดำคลอเคลียระหว่างกรงเล็บทั้งสอง ก่อตัวเป็นลำแสง ยืดยาวไปหลายเมตรราวกับกระบี่คมสีดำแหวกอากาศ พุ่งไปจะเฉือนลำคอของอั นหลินพร้อมกับเสียงดังระลอกหนึ่ง!
รวดเร็วนัก!
เนี่ยฮ่าวกับเย่หนานเทียนใจกระตุกพร้อมกัน
“หุบปาก” อันหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ตบตั๊กแตนสีดำไปหนึ่งฝ่ามือ
แรงมือรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด แฝงด้วยพลังมหาศาล ฝ่ามือยังไม่ทันสัมผัสตั๊กแตน สายลมที่น่ากลัวก็ทลายลำแสงสีดำแล้ว จากนั้นกระแทกร่างของตั๊กแตน
“อ๊าก...ผลุบ!” ตั๊กแตนสีดำกรีดร้อง กระอักเลือดกระเด็นออกไป
ทหาร แม่ทัพของแคว้นสำริดและแคว้นวารินต่างก็ตะลึงพรึงเพริด มองตั๊กแตนที่ถูกตบจนลอยออกไปด้วยความตกใจ
ผู้แข็งแกร่งชั้นเทพกลับต้านทานหนึ่งฝ่ามือของยักษ์ปีศาจเทพเจ้าไม่ได้งั้นหรือ!
ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนนี้น่ากลัวกว่ายักษ์ตนอื่นที่ผ่านมาหลายเท่านัก!
“ล่าถอย!” หลังแม่ทัพแคว้นวารินตะโกนแล้วก็หลบหนีไปไกลก่อนใคร
พลทหารกับอสูรที่เหลือเห็นยักษ์ปีศาจเทพเจ้าที่น่ากลัวก็หมดสิ้นซึ่งจิตวิญญาณการต่อสู้ วิ่งหนีสุดชีวิต
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกใจก็คือ ทหารของเย่หนานเทียนไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งหนีเลยสักนิด พวกเขาไม่กลัวยักษ์ปีศาจเทพเจ้าตนนี้หรือ
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ อันหลินก็เบนสายตามองอสูรที่กำลังวิ่งหนี อ้าปากแล้วถ่มน้ำลาย…
น้ำลายขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นกระแสน้ำที่โหมซัด ท่วมท้นอสูรหลายร้อยตัวที่กำลังหลบหนีในพริบตา จากนั้นพลังงานที่น่ากลัวก็เริ่มปะทุ ฉีกร่างของอสูร…
พลทหารทั้งหลายต่างก็หายใจดังเฮือกเมื่อเห็นฉากนี้ แค่ถ่มน้ำลายก็เอ่อท่วมกองทัพใหญ่ได้ นี่มันเป็นพลังอะไรกัน!
ทหารของแคว้นวารินตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง แต่ก็ยังวิ่งหนีไปไกลอย่างทรหด
ตั๊กแตนสีดำชั้นเทพที่ถูกตบจนตัวลอยตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น เมื่อเห็นอันหลินสำแดงเดชแล้วก็ตกใจจนลากสังขารอันสะบักสะบอมหลบหนีไปไกลเช่นกัน
อันหลินเห็นตั๊กแตนที่หลบหนีก็แสยะยิ้ม ชักดาบเล่มใหญ่ออกมายืดยาวสี่สิบเมตร
ทุกคนเงยหน้ามองดาบใหญ่ที่แทบจะทะลุชั้นฟ้าเล่มนี้แล้วตะลึงอ้าปากค้างอีกครั้ง
เย่หนานเทียนพึมพำว่า “คุณพระ ดาบขยายใหญ่ได้ขนาดนี้เลยหรือ”
“เจ้าตั๊กแตน ข้าจะให้เจ้าหนีไปก่อนสามสิบเก้าเมตร แต่เมื่อถึงตอนนั้น…อย่าโทษว่าดาบของข้าไม่ปรานีละ” มุมปากของอันหลินยกขึ้น ส่งยิ้มชั่วร้าย
ตั๊กแตนสีดำเหลียวมองข้างหลัง เมื่อเห็นดาบสะเทือนฟ้าที่ส่องแสงเย็นเยียบนั่นแล้วก็ฉี่ราดทันที
มันหยุดฝีก้าวทันใด คุกเข่ากับพื้นดังตุบ อ้อนวอนเสียงดังว่า “ท่านปีศาจเทพเจ้าโปรดไว้ชีวิตด้วย! ท่านอยากคุยอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอร้องท่านอย่าฆ่าข้าเลย”
อันหลินยิ้มพอใจ เก็บดาบใหญ่ยาวสี่สิบเมตรของเขา “หึๆ มันต้องแบบนี้สิ”
[1] ซือถู แปลว่าผู้ดูแลศิษย์ คือ เจ้ากรมการศึกษา