ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 48 นักพรตเข้าเมือง
พวกอันหลินเดินเท้าอยู่ในป่า สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือไปยังจุดนัดหมาย
อันที่จริงตามหลักการแล้ว พิกัดที่พวกเขาจะร่อนลงน่าจะเป็นอารามเมฆขาวที่อยู่ชานเมืองหรงเฉิงแต่ตอนนี้แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่า พิกัดที่พวกเขาจะร่อนลงต้องคลาดเคลื่อนแล้วเป็นแน่ ทอดมองไปแล้วละแวกนี้มีอารามที่ไหนกัน
รอบตัวมีแต่ภูเขาเต็มไปหมด นอกจากต้นไม้เขียวชอุ่มแล้ว ก็ไม่มีอะไร!
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดยังไม่รู้เลย
เดินไปได้ราวๆ ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดอันหลินก็เจอทางหลวงเส้นหนึ่ง
เขาดีใจ หากว่ามีทางหลวง แค่ถามคนใช้รถใช้ถนน ก็รู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
ซ้ำยังใช้รถแทนการเดินเท้าได้ มุ่งหน้าไปที่อารามเมฆขาวได้โดยตรง
“เอ๊ะ มีมนุษย์ถูกจับตัว เป็นฝีมือของสัตว์มาร!”
สีหน้าของเซวียนหยวนเฉิงชะงักไป ร่างพุ่งออกไปข้างหน้าในพริบตา
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็ตกใจเช่นกัน รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
ตูม!
รถยนต์คันหนึ่งที่แล่นอยู่บนถนนถูกเซวียนหยวนเฉิงขวางด้วยมือเปล่า หัวรถถูกมือของเขาดันจนยุบลงไป!
จากนั้น เสียงแผดร้องของโลหะอันน่ากลัวก็ดังขึ้น
เคร้ง!
เซวียนหยวนเฉิงฉีกรถคันนั้นเป็นสองท่อนด้วยมือเปล่า จากนั้นก็ดึงแขนที่พันธนาการมนุษย์ออก กอดเขาไว้ในอกแล้วเคลื่อนตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว!
ตูม!
รถยนต์ระเบิด…
…
เซวียนหยวนเฉิงกอดผู้ชายคนนั้นไว้ ใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น “เกือบไปแล้ว เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
ชายคนนั้นเบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือก ริมฝีปากสั่นระริก “ผี…มนุษย์ต่างดาว…นี่นา…!”
เซวียนหยวนเฉิงถอนหายใจ ส่ายหน้าเบาๆ ในใจเข้าใจสภาวะของชายคนนั้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่า ชายคนนี้ตกใจกลัวสัตว์มารไม่น้อยเลย!
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานยืนอยู่ข้างถนน เมื่อเห็นฉากนี้ ก็อ้าปากเป็นตัวโอ
สวีเสี่ยวหลานตั้งใจเรียนวิชาแดนมนุษย์ สิ่งที่วิ่งอยู่บนถนนไม่ใช่สัตว์มาร แต่เป็นรถยนต์!
ส่วนอันหลิน เขาไม่เคยเห็นคนฉีกรถด้วยมือเปล่า…
แต่ว่า ตอนนี้พี่เฉิงแสดงการฉีกรถด้วยมือเปล่าให้เขาดูแล้ว!
คุณพระ ฉีกรถด้วยมือเปล่า! เขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร!
ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่าอันหลินกับสวีเสี่ยวหลานจะสงบสติอารมณ์ได้
“พี่เฉิง…” อันหลินเดินเข้าไป เตือนเขาอย่างจริงจังว่า “สิ่งที่วิ่งบนรถเมื่อครู่นี้ เรียกว่ารถยนต์ ไม่ใช่สัตว์มาร!”
เมื่อเซวียนหยวนเฉิงได้ยินคำพูดของอันหลิน ก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ
“อ๋อ…ข้านึกออกแล้ว เครื่องจักรกลที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือ ถึงว่าข้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของชีวิต!”
เซวียนหยวนเฉิงทำท่าเหมือนนึกอะไรออก แววตาเป็นประกายแล้วพูดขึ้นมา
จากนั้นเขาก็มองผู้ชายร่างท้วมในอ้อมอกด้วยความรู้สึกผิด พูดว่า “ต้องขออภัย เพราะข้าน้อยมุทะลุ ไม่ระวังเผลอฉีกรถของท่าน ครั้งหน้าข้าจะใช้คืน!”
ชายร่างท้วมคนนั้นตกใจจนหน้าไม่มีสีเลือดนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินเซวียนหยวนเฉิงพูด ก็ส่ายหน้าราวกับเป็นป๋องแป๋ง “ไม่…ไม่ต้องชดใช้! ผมแค่ขอร้องพวกคุณให้ปล่อยผมก็พอแล้ว เนื้อของผมเลี่ยนเกินไปไม่อร่อย…ผมกินอาหารกระตุ้นฮอร์โมนทุกวัน สูบบุหรี่ทุกวัน เนื้อของผมมีพิษ!”
เซวียนหยวนเฉิง “…”
อันหลิน “…”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
คุณลุงท่านนี้เห็นพวกเขาเป็นปีศาจกินคนไปแล้วหรือไง
อันหลินถอนหายใจ เดินเข้าไปตรงหน้าคุณลุงท่านนั้น ใช้วิชาลบความทรงจำทันที
นี่เป็นวิชาที่นักพรตทุกคนจำเป็นต้องเรียนก่อนมาเยือนแดนมนุษย์ จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นตอนนี้
หลังความทรงจำของชายคนนั้นถูกลบก็หมดสติไป
เซวียนหยวนเฉิงวางเขาลงบนพื้น ใช้วิชารักษาและปลุกผู้ชายคนนั้นขึ้นมาอย่างให้ความร่วมมือ
คุณลุงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เมื่อเห็นคนแปลกหน้าสามคนที่ยืนตรงหน้า ก็อดทำหน้าแปลกใจไม่ได้ “ที่นี่ที่ไหน…ผมมาอยู่นี่ได้ยังไง”
คุณลุงรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เขาพยายามย้อนความทรงจำ จำได้แค่ว่าก่อนหน้านี้ยังขับรถอยู่ ทำไมจู่ๆ ถึงมานอนอยู่บนพื้น
ตอนนี้ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก็พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “คุณลุง คุณนอนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกเราเดินผ่านที่นี่พอดี พอคุณนอนอยู่ตรงนี้แล้วไม่วางใจ เลยเข้ามาดูคุณ แล้วก็ ข้างถนนนั่นใช่รถของคุณไหม”
ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปทางถนน
คุณลุงจึงมองไปทางถนน เมื่อเห็นซากที่มีควันโขมงผุดขึ้นมา และป้ายทะเบียนรถดำเกรียม ก็อ้าปากค้าง “คุณพระ! รถของฉันระเบิดเหรอ!”
“ใช่ น่าแปลกจริงๆ แถมคุณลุงก็ไม่บาดเจ็บด้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” อันหลินมองคุณลุง ถามอย่างสงสัย
เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานก็มองคุณลุงด้วยความฉงนใจ ราวกับเห็นเรื่องเหลื่อเชื่ออย่างไรอย่างนั้น
ไม่พูดไม่ได้ว่า ฝีมือการแสดงของพวกเขาช่างดีเสียจริง…
คุณลุงมองทั้งสามคนอย่างงุนงง พบว่าพวกเขาก็จ้องตัวเองด้วยความสงสัยเช่นกัน
สุดท้าย เขาก็ล้วงมือถือออกมาเนื้อตัวสั่นเทา กดถ่ายรูปรถยนต์ จากนั้นแจ้งตำรวจ…
…
เพราะคุณลุง พวกอันหลินถึงพลอยได้อานิสงค์ติดรถของตำรวจจราจรไปด้วย
อันหลินพูดว่าพวกเขาเป็นวัยรุ่นใจดีที่ลงรถระหว่างทาง จากนั้นจึงช่วยคุณลุงไว้
หลังพูดคุยกันแล้ว เขาก็ทำให้คุณลุงซาบซึ้งจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อซาบซึ้งเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่มคุยกันอย่างสนุกสนานขึ้นมา
เจอกับความซึ้งใจและคำขอบคุณของคุณลุงตรงหน้า เซวียนหยวนเฉิงที่เป็นตัวการฉีกรถก็หน้าแดงระเรื่อ รู้สึกละอายใจ
“อันหลิน ถึงเวลาพวกเราหาวิธีชดใช้ให้คุณลุงคนนี้หน่อยเถอะ”
เซวียนหยวนเฉิงกระซิบข้างหูอันหลิน
อันหลินได้ฟังก็ยิ้มกริ่มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศจะช่วยตามล้างตามเช็ดให้พวกเรา หากเจอผู้ต้อนรับ ยกให้พวกเขาจัดการก็พอแล้ว”
เมื่อเซวียนหยวนเฉิงได้ยินประโยคนี้ของอันหลินก็โล่งอก ความรู้สึกผิดในใจลดลงบ้างแล้ว
คุณลุงชื่อเจิ้งหงปัง เป็นคนเมืองหรงเฉิงพอดี
จุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากเมืองหรงเฉิง ห่างเพียงห้าสิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น หลังพวกเขาใช้เวลานั่งรถหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
อันหลินไม่มีเวลาไปทำบันทึกที่สถานีตำรวจ ด้วยเหตุนี้จึงใช้วิชาลบความทรงจำกับทุกคนในรถ
เมื่อทุกคนบนรถหมดสติไปแล้ว เขาก็พาเซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานลงจากรถ
เมืองหรงเฉิงเป็นเมืองอันดับหนึ่งของตะวันตกเฉียงใต้ ได้ฉายาดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์
บ้านเกิดอันหลินอยู่ในเมืองซานเฉิง ไม่ไกลจากเมืองหรงเฉิง
ปกติหากเขาว่างก็มักจะมาเดินเล่นที่เมืองหรงเฉิง นับว่ารู้จักสถานที่แห่งนี้พอสมควร เมื่อลงจากรถจึงพาสวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงเดินเล่น
เมืองหรงเฉิงมีตึกรามบ้านช่องมากมาย เมื่อเดินมาถึงย่านถนนชุนซี ก็ยิ่งครึกครื้นผิดธรรมดา
ร้านรวงต่างๆ ประดับประดาเต็มถนน อาหารและเครื่องดื่มนับไม่ถ้วนล้วนสะดุดตา กับผู้คนที่เดินขวักไขว่บนท้องถนนอย่างคับคั่ง เป็นภาพที่ดูคึกคัก
สวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงมาเยือนแดนมนุษย์ครั้งแรก เห็นเรื่องแปลกใหม่ละลานตา กวาดสายตามองดูรอบๆ ตาโตอย่างประหลาดใจ
ยังดีที่พวกเขามาจากตระกูลชื่อดังของแดนบำเพ็ญเซียน แม้จะตกใจกับเรื่องราวแปลกใหม่เหล่านี้ การแสดงออกก็ยังดูไม่ใหญ่โตมากนัก
อย่างน้อย เรื่องที่ฉีกรถด้วยมือเปล่าแบบเซวียนหยวนเฉิงไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแน่นอน…
“จริงสิ อันหลิน ตอนนี้พวกเราไม่ต้องไปเจอผู้ต้อนรับที่อารามเมฆขาวก่อนหรือ”
เตร็ดเตร่อยู่นาน สวีเสี่ยวหลานเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพวกเขายังไม่ไปพบผู้ต้อนรับเลย…
เมื่ออันหลินได้ฟังก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “ก่อนมา อาจารย์ที่ปรึกษาเคยบอกพวกเราแล้วว่า อารามเมฆเป็นอารามที่ลึกลับอย่างยิ่ง คนทั่วไปไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอารามเมฆขาว จุดที่พวกเราร่อนลงผิดพลาด ไม่รู้เหมือนกันว่าอารามเมฆขาวอยู่ที่ไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ หากจะให้เราไปหาผู้ต้อนรับ สู้ให้พวกเขามารับเราดีกว่า!” อันหลินพูดต่อ
เซวียนหยวนเฉิงก็พยักหน้าเช่นกัน “อืม ที่นี่เป็นสถานที่ดีจริงๆ ขอเพียงพวกเราสร้างปรากฏการณ์บางอย่าง คิดว่าหน่วยสำรวจ น่าจะเป็นฝ่ายตามหาสถานที่ที่พวกเราอยู่ หมดห่วงไม่เปลืองแรง”
“เอาแบบนี้แหละ! คืนนี้เราค่อยปฏิบัติการ กลางวันก็เที่ยวเล่นกันให้สนุกเถอะ!” อันหลินพูดยิ้มๆ
…………………………..