ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 482 ปราชญ์หญิงภูต
ร่างของตั๊กแตนสีดำเริ่มสลายตัว สุดท้ายกลายเป็นแสงแล้วมลายหายไป
อันหลินเห็นภาพนี้ก็เกร็งไปทั้งตัว เพ่งมองตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ไกลๆ
มีภูตหญิงสวมชุดกระโปรงสีขาว ผมทองตามรกตคนหนึ่งอยู่ไกลออกไปสามลี้ ปีกสีทองกึ่งโปร่งใสกางออกเต็มที่ บินมาทางอันหลินด้วยความเร็วที่น่ากลัวยิ่งยวด มือกำกระบี่สีทองเล่มหน นึ่ง
กลิ่นอายของภูตหญิงคนนี้ยิ่งใหญ่สุดแสน แม้ว่าระดับพลังยุทธ์จะคล้ายคลึงกับภูตหนุ่มผู้แข็งแกร่งชั้นปราชญ์ก่อนหน้านี้ แต่ในด้านปริมาณ กลับเหนือกว่าภูตหนุ่มสองคนนั้นอย่างมาก กโข
หากจะให้นิยามละก็ คงเป็นความแตกต่างของบ่อน้ำกับท้องทะเล!
เมื่อแมนเดลกับแฮร์ริสเห็นภูตหญิงที่บินมา ใบหน้าที่เซื่องซึมก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง “ท่านปราชญ์หญิง นางกลับมาแล้ว เรามีทางรอดแล้ว!”
ขณะเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่สูญเสียกำลังต่อสู้เพราะต้องวิชาอานุภาพก็ทอดสายตามองบนท้องฟ้า ใบหน้าฉายความตื้นตันและความเลื่อมใสอย่างปิดไม่มิด
“ท่านปราชญ์หญิง ท่านปราชญ์หญิงกลับมาจากการปราบมังกรปีศาจแล้ว!”
“ปราชญ์หญิงมีพลังล้นฟ้า ต่อให้ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าจะเก่งกาจก็ยากจะหนีความตายพ้นแน่ๆ!”
…
อันหลินเห็นภูติหญิงที่บินมาอย่างทรงพลังก็อ้าปากพูดทันทีว่า “ช้าก่อน ข้าไม่ได้มาวิวาท เรามาเจรจากันหน่อย”
“ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าที่พูดได้งั้นหรือ” ภูตหญิงชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมยิ่งขึ้น “หน้าตาเหมือนมนุษย์ปานนี้…เป็นยักษ์ปีศาจเทพเจ้ากลายพันธุ์หรือ สิ่งมีชีวิต แบบนี้จะเก็บไว้ในแผ่นดินไม่ได้เด็ดขาด!”
อันหลิน “…”
จิตสังหารของภูตหญิงพลุ่งพล่านกว่าเดิม ชูกระบี่สีทองขึ้นสูงขยายใหญ่ขึ้นยืดยาวไม่หยุด สุดท้ายยาวร่วมพันเมตร ดุจกระบี่คมเสียบทะลุนภาลัยทะลวงชั้นเฆม
“ปรากฏกายแล้ว! นี่เป็นกระบี่พิฆาตมังกรของท่านปราชญ์หญิง! กระบี่แฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัว ตวัดหนึ่งครั้งสามารถทลายภูเขาหลายสิบลูกให้แหลกเป็นผุยผงพร้อมกันได้!” ผู้ แข็งแกร่งบนพื้นอุทาน
กระบี่สีทองแหวกอากาศด้วยพลังที่น่ากลัว ตวัดลงมาหมายฟันอันหลิน
อันหลินตะโกนเสียงกร้าว กระตุ้นหกกระบี่เทพสงครามสุดกำลัง ประจันหน้ากับกระบี่สีทองโดยตรงแล้วตวัดปล่อยลำแสงสีดำลึกล้ำออกไปหนึ่งเส้น
โครม
พลังที่น่ากลัวสองสายประสานงากัน ทำให้ฟ้าดินดังสะเทือนเลือนลั่น ปฐพีแตกระแหง
อันหลินถูกพลังที่น่ากลัวสะเทือนจนลอยออกไป ภูตหญิงก็ถูกพลังกระแทก ชั่วขณะที่ร่างกายถอยหลัง ใบหน้าก็ฉายความตกใจ
อึดใจต่อมา ทั้งสองก็ปะทะกันอีกครั้ง
ตูมๆ ๆ
พลังที่น่ากลัวก่อตัวเป็นริ้วคลื่นแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ บดขยี้ผิวดินในรัศมีหลายร้อยเมตร ผู้แข็งแกร่งในละแวกนี้ต่างก็กระอักเลือดเพราะต้านทานอานุภาพไม่ไหว
อันหลินกับภูตหญิงสู้กันตั้งแต่บนพสุธาไปถึงนภาลัย ทุกครั้งที่ปะทะกันล้วนเหมือนอัสนีสวรรค์คำรามอย่างพิโรธบนเวหา เสียงดังกึกก้อง
นานมากแล้วที่อันหลินไม่ได้ใช้เพลงกระบี่อย่างสะใจแบบนี้ ตอนนี้เกิดสงครามที่ไม่ได้พบมาเนิ่นนาน ราวกับทุกอณูรูขุมขนตื่นตัว ยิ่งสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม
เขาไม่คิดเลยว่าภูตหญิงที่ตัวเล็กกระจ้อยแบบนี้จะระเบิดพลังที่เทียบเท่าระดับสุดยอดแปลงจิตได้
ความสามารถอย่างภูตหญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทานในดินแดนคนแคระแห่งนี้ แต่นางไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูง กลับสงบเสงี่ยมอย่างยิ่ง สร้างเพียงเมืองใจกลางแห่งเดียว มันทำให้อันหลินย ยิ่งสงสัยไปกันใหญ่
“เงาพันแสง!” จู่ๆ กระบี่สีทองของภูตหญิงก็กลายเป็นกระบี่ยาวหนึ่งเมตรนับพันเล่มลอยอยู่บนฟากฟ้า จากนั้นก็เทกระหน่ำลงมาดุจห่าฝนด้วยอานุภาพอันมหาศาล
ด้านหลังอันหลินมีปีกวายุกางออก ใช้ท่าร่างหลบหลีกท่ามกลางกระบี่อันเนืองแน่นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกระบี่ก็ปกคลุมด้วยกระแสลมสีขาว กระบี่สายลมกระบวนท่าที่หนึ่งถูกใช้ พุ่งไปอยู่ตร รงหน้าภูตหญิงในพริบตาแล้ววาดวงโคจรมรณะสีขาวบริสุทธิ์
ความเร็วของภูตหญิงเกินกว่าที่เขาจิตนาการไว้ ชั่วขณะที่ปีกสีทองสว่างโชติช่วง ร่างกายก็มีพลังจำพวกมิติกะพริบช่วงสั้นๆ ข้ามมิติถอยหลังไปสิบเมตร หลบหลีกการโจมตีของอันหลิน น
“ฮ่าๆ ๆ…เอาอีก!” อันหลินยิ้มพลางพุ่งใส่ภูตหญิงอีกครั้ง
ใบหน้าคมคายของภูตหญิงซีดเผือด แต่ก็ยังกัดฟันพุ่งใส่อันหลิน
การต่อสู้ของทั้งสองเรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน คลื่นพลังงานถึงขั้นม้วนตัวไปไกลสิบลี้
ทั้งเมืองใจกลางถูกพายุพัด ผู้คนมองพลังงานที่ปะทะกันไม่หยุดหย่อนบนท้องฟ้าอย่างอกสั่นขวัญแขวน ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ซึ้งว่าพลังของปราชญ์หญิงยิ่งใหญ่ปานใด และยักษ์ปีศาจเทพเจ้าที สู้รบกับเขาน่ากลัวปานใด
“ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าต่ำช้า ข้าจะจบชีวิตของเจ้าโดยหนึ่งกระบวนท่า!” ภูตหญิงกรีดข้อมือขาวสะอาด เลือดสีทองไหลหลั่งกลางเวหา
“สังเวยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเลือดของข้า!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของนาง เลือดสีทองก็เริ่มแทรกซึมลงไปในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
“นี่! ข้าแค่มาเจรจาจริงๆ นะ ไม่ได้มาสู้ตาย!”
“เจ้าเห็นข้าสังหารสิ่งมีชีวิตตนไหนแล้วหรือยัง ไม่มี! ไม่ได้สังหารเลยสักตัว! เจ้าเคยเห็นปีศาจเทพเจ้าที่อ่อนโยนอย่างข้าหรือ” เมื่ออันหลินเห็นท่าทางจะรบให้ตายกันไปข้างหนึ่งข ของภูตหญิงก็ปวดกบาล บัดนี้จึงรีบร้อนชี้แจง
ภูตหญิงชะงักไปเล็กน้อยคล้ายกำลังครุ่นคิด
ในตอนนั้นเอง ดวงตาสีมรกตของนางก็กลายเป็นสีดำสนิททันใด ร่างอรชรระเบิดไอดำทะมึน
“กรี๊ด…”
ภูตหญิงกรีดร้องแล้วตกลงจากท้องฟ้า
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีทองสูญเสียการสนับสนุนของพลังจึงเริ่มร่วงสู่พื้นด้วยเช่นกัน ระหว่างนี้พลังที่แผ่ออกมาถึงขั้นฉีกธรณีให้เกิดรอยแยกยาวร้อยจั้ง
อันหลินทำหน้างุนงง นี่มันอะไรอีกล่ะ
เขารีบสาวเท้าเข้าไปรับภูตหญิงที่จวนจะตกกระทบพื้นดินไว้ด้วยฝ่ามือ
“นี่…เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ” อันหลินแตะศีรษะของภูตหญิง
“เจ้างั่ง! เจ้า…ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ…” ร่างบางของภูตหญิงสั่นเทาบนฝ่ามือของอันหลิน ดวงตาปรวนแปรระหว่างสีมรกตกับสีดำ ไอดำแผ่ซ่านออกมาจากผิวหนังขาวราวหิมะ ก่อตัวเป็นโครงก กระดูกเล็กๆ
อันหลินย่นคิ้ว “กลิ่นอายแบบนี้…คล้ายคลึงกับกลิ่นอายของปีศาจร้ายอย่างมาก ยุ่งเหยิงเช่นเดียวกัน แฝงด้วยความรู้สึกด้านลบอย่างไม่สิ้นสุด จะทำให้สิ่งชีวิตดำดิ่ง…แต่มันก็ไม่เหม มือนกลิ่นอายของปีศาจร้าย เพราะพลังของปีศาจร้ายจะมีความพิเศษอีกอย่างก็คือถูกใต้หล้าต่อต้าน!”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ…นี่เป็นคำสาปก่อนตายของมังกรปีศาจ!”
ภูตหญิงขมวดคิ้วมุ่น กัดฟันแน่น พูดอย่างยากลำบาก
ตอนนี้นางรับรู้ได้ว่าอันหลินไม่มีเจตนาร้ายต่อนางจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเวลาถือสาเขาในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต เอ่ยปากอธิบายที่มาของพลัง
อันหลินกระจ่างใจ ก่อนหน้านี้มีเหล่าฝูงชนพูดว่าปราชญ์หญิงกลับมาจากการปราบมังกรปีศาจ ดูท่าปราชญ์หญิงคนนี้จะบาดเจ็บเหมือนกัน…
อันหลินค่อนข้างมีประสบการณ์ในการรับมือกับพลังที่แผ่ไอสีดำพรรค์นี้ พลังแบบนี้หวาดกลัวพลังที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์ยิ่งยวด สามารถเดาได้จากยามที่เสี่ยวหงใช้แสงทองขจัดพลังป ปีศาจร้ายให้เขา
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ในมือก็พลันมีลูกไฟสี่ลูกที่แตกต่างกันทันใด
หลังเพลิงเทวะทั้งสี่ผ่านการขัดเกลาของเพลิงวิหคชาดกับสายเลือดวิหคชาดแล้ว ก็อยู่ในสภาพขั้นสูงของเพลิงเทวะ หากก้าวหน้าอีกไม่แน่ว่าจะเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ เขาคิดว่า าเพลิงเทวะของตนต่อกรกับพลังมืดมนแบบนี้ไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิง!
“มาเถอะ ข้าให้เจ้าเลือกหนึ่งอย่าง!” อันหลินยิ้ม
“อะไรนะ” ร่างบางของภูตหญิงขดเป็นก้อน พูดด้วยความฉงน
“เพลิงมารดารา เพลิงสุริยัน เพลิงจันทร์ภฤษฏ์ เพลิงอนัตตา ข้าจะใช้หนึ่งในเพลิงเทวะสี่ชนิดนี้เผาเจ้า เจ้าเลือกมาอันหนึ่ง ข้าแนะนำว่าสรรพคุณของเพลิงสุริยันอาจจะดีกว่าสักหน่อย” ” อันหลินกล่าว
ภูตหญิง “…”
“เจ้าให้ข้าเลือกว่าจะฌาปนกิจด้วยวิธีไหนงั้นหรือ” ภูตหญิงนัยน์ตาชุ่มด้วยน้ำตา
“เจ้าต้องคำสาปจนโง่ไปแล้วหรือ ข้าให้เจ้าเลือกลูกไฟมาอันหนึ่งเพราะจะช่วยขจัดคำสาปให้เจ้า!” อันหลินเบะปาก
ภูตหญิงแน่นหน้าอกโดยพลัน พูดเสียงกร้าวว่า “ในช่วงเวลาที่สำคัญถึงชีวิตแบบนี้ เจ้ายังมีอารมณ์มาให้คนไข้เลือกวิธีรักษาอีกหรือ รู้จักคำว่าฉุกเฉินหรือไม่ ไม่รู้หรือไงว่าคนไข้แค ค่ฟังแพทย์ก็พอแล้วน่ะ ใครกันแน่ที่โง่!”
ความคิดของอันหลินกลับแตกต่าง อธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า “เพราะข้าเป็นแพทย์ที่ส่งเสริมประชาธิปไตยและเคารพผู้ป่วยน่ะสิ”
ภูตหญิง “…”
“งั้น…งั้นข้าเลือกเพลิงสีม่วงแล้วกัน…” ภูตหญิงพูดพลางชี้มารดารา มุมปากมีเลือดสีดำซึมออกมา
นางรู้สึกว่าลูกไฟสีม่วงที่แฝงด้วยแสงดาวงดงามชวนฝันยิ่งนัก ต่อให้ถูกเปลวไฟงดงามดวงนี้แผดเผาก็นับว่าตายได้อย่างสวยงามแล้ว
มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ เมื่อครู่ใครพูดกันว่าผู้ป่วยฟังคำพูดของแพทย์ก็พอแล้วน่ะ
เพลิงสุริยันที่เขาแนะนำถูกภูตหญิงป้อนหมาไปแล้วเหรอ
เวลากระชั้นชิด และเขาก็มั่นใจในเพลิงเทวะของตนอย่างยิ่ง เพลิงเทวะทั้งสี่ไม่ว่าอันไหนก็สุดยอดอย่างที่สุด จึงไม่ปฏิเสธคำขอของภูตหญิง รีบกระตุ้นเพลิงมารดาราทันที
นิ้วมือหยาบแตะไปที่ช่องท้องของภูตหญิง เพลิงมารดารากลายเป็นพลังเพลิงที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าไปในช่องท้องของภูตหญิง
เขาพยายามควบคุมแรงให้ดี ไม่ให้พลังเพลิงของตนทำร้ายภูตหญิง
เมื่อพลังไอสีดำเจอกันเพลิงเทวะก็เริ่มส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ เริ่มหลอมละลายและแทรกซึม
“อืม…” ภูตหญิงหน้าแดงก่ำ ครวญครางทีหนึ่ง ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น
ได้ผล!
นัยน์ตาอันหลินเป็นประกาย เพิ่มแรงทันที!