ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 488 แผ่นดินที่พังทลายน่ากลัวเหลือเกิน
- Home
- ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม
- ตอนที่ 488 แผ่นดินที่พังทลายน่ากลัวเหลือเกิน
“โธ่เสี่ยวน่า เจ้าอย่าเพิ่งตื่นเต้นปานนั้น อย่าวิ่งเพ่นพ่านสิ!”
“ตอนนี้ข้ายังอยู่ในช่วงหมดเรี่ยวแรง เก็บอาการก่อนได้หรือไม่”
ตอนนี้อันหลินถูกมือพลังปราณจับตัวไว้ประหนึ่งลูกเจี๊ยบที่ถูกอินทรีหิ้วปีก ไม่สบายไปทั้งตัว
“ไม่ต้องห่วง อีกฝ่ายพลังไม่แข็งแกร่ง อย่างมากก็แค่พลังระดับสวรรค์!” ดวงตาทีน่าเป็นประกายดุจว่าพบเรื่องราวที่แปลกใหม่อะไรบางอย่าง
อันหลินกลอกตา “พลังระดับสวรรค์บ้าบออะไรกัน อย่านำทฤษฎีรังเก่าของเจ้ามาถึงที่นี่”
เขามองร่างที่เดินเหินอยู่ไกลๆ แวบหนึ่งแล้วหรี่ตา ไกลเหลือเกิน มองเห็นไม่ชัดเจน สามารถแยกแยะได้รำไร คล้ายว่าจะเป็นร่างมนุษย์
“กรี๊ด! ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าเต็มไปหมดเลย!” ทีน่าอุทาน
อันหลินก็เห็นชัดเจนแล้วเช่นกัน นั่นเป็นมนุษย์ที่มีขนสีดำ ไม่ใช่กอริลลา แต่เป็นมนุษย์!
มนุษย์เหล่านั้นหน้าตาเฉื่อยชา ปากอ้ากว้างเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด คล้ายจะเห็นอันหลินด้วยเช่นกัน จึงอ้าปากกว้างทันใดแล้ววิ่งมาทางอันหลินกับทีน่าอย่างบ้าคลั่ง!
จำนวนของมนุษย์กลุ่มนี้มีเพียงร้อยคน พลังวนเวียนอยู่ระหว่างกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดแปดเท่านั้น
“ข้าสังหารพวกเขาได้หรือไม่” ทีน่าเอ่ยถาม
อันหลินส่ายหน้า “ช่างเถอะ พวกเขาไม่เป็นภัยคุกคามกับพวกเรา พวกเราประหยัดพลังงาน เหาะไปด้านหน้ากันเถอะ”
ช่วงเวลาที่เขาใช้พลังปราณอนธการค่อนข้างสั้น ด้วยเหตุนี้ระยะเวลาของผลข้างเคียงจึงไม่นาน ผ่านไปครู่เดียวก็ฟื้นฟู
ทีน่าพาอันหลินเหาะลึกเข้าไปในทิวเขาอันไกลโพ้นอย่างต่อเนื่อง หมายอยากหาสถานที่ที่พักผ่อนได้
แต่เมื่อเหาะเข้าไปลึกเรื่อยๆ พวกเขากลับพบว่าดูเหมือนจะอันตรายมากขึ้นทุกที
แผ่นดินจะปล่อยม่านพิษรูปแบบต่างๆ แมลงมีพิษนานาชนิดเช่นแมงมุมยักษ์ แมงป่องหรืองูยักษ์เลื้อยคลานบนพื้น
พวกมันล้วนมีลักษณะพิเศษนั่นก็คือ ผิวหนังล้วนมีขนสีดำที่สะดุดตา ขนดำเหล่านี้เป็นดั่งหมึกดำที่ดูดดึงแสงสว่าง ยากแท้หยั่งถึงภายใต้การส่องสะท้อนของแสงอาทิตย์
สัตว์มีพิษเหล่านี้ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง จะพ่นพิษใส่ทีน่ากับอันหลินที่อยู่บนท้องนภา
พลังงานของทีน่าก็ผลาญไปมากโขแล้วตอนที่ข้ามดินแดนหนาวเหน็บ บัดนี้นางยังต้องแยกสมาธิมาหลบหลีกการโจมตีเหล่านี้อีก ในใจจึงอดหงุดหงิดไม่ได้
จากนั้นแร้งเปลวไฟ ค้างคาวแดงกระหายโลหิต อินทรีปีศาจ…สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนานาชนิดถาโถมเข้ามาหาทีน่า
“ฮือ…ทำไมสิ่งมีชีวิตของโลกใบนี้ถึงได้น่ากลัวปานนี้ ทำไมพวกมันถึงได้ตัวใหญ่ขนาดนี้ แข็งแกร่งเช่นนี้ น่าขยะแขยงเพียงนี้ ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย…” ทีน่ามองสิ่งมีชีวิตที่ดุร้า ายเหล่านี้ โลกที่แห้งแล้งเต็มไปด้วยม่านพิษ เริ่มบ่นไม่หยุดด้วยสีหน้าที่ละห้อยและหงุดหงิด
“ภาพบนวัตถุสี่เหลี่ยมของเจ้าล้วนแต่หลอกคนหรือ ทิวทัศน์ที่งดงามเล่า สัตว์น้อยที่น่ารักเล่า” นางมองอันหลิน ใบหน้าที่เจ็บแค้นประหนึ่งถูกหลอกลวงอย่างไรอย่างนั้น
อันหลินฉีกยิ้มแล้วชี้แจงว่า “ภาพในมือถือของข้าเป็นภาพของแผ่นดินบรรพกาล ไม่ใช่ภาพของแผ่นดินที่กำลังพังทลายผืนนี้ แผ่นดินนี้เป็นอย่างไรกันแน่ บอกตามตรงว่าข้าก็ไม่รู้เช่ นกัน”
ทีน่ายู่ปากแล้วทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แววตากวาดมองโลกใบนี้ไม่หยุดไม่หย่อน ประดุจว่าแม้จะเป็นดินแดนที่อัปลักษณ์เช่นนี้ แต่ก็ยังมีวัตถุเรื่องราวที่ดึงดูดสายตาของนางได้อยู่ดี
“โอ้โฮ! ช่างเป็นภูเขาที่ใหญ่เหลือเกิน!” ทีน่าอุทานแล้วเริ่มเปลี่ยนทิศทาง บินไปยังภูเขาที่เป็นสีเหลือง
อันหลินมองภูเขาลูกนั้นแวบหนึ่ง มันสูงเพียงหนึ่งร้อยกว่าจั้ง อย่างมากก็นับว่าชันนิดหน่อย ภูเขาแบบนี้ถือว่าสูงได้ด้วยเหรอ เฮ้อ ด้อยประสบการณ์ก็น่าสงสารแบบนี้แหละ ตกอกตกใจไป ปได้
ทีน่าพาอันหลินเหาะไปตรงหน้าภูเขาลูกนั้น เมื่อเห็นว่าภูเขาลูกนี้ไม่มีไอพิษผุดออกมา ซ้ำยังไม่มีสัตว์น่าขยะแขยงอะไร จึงตัดสินใจจะใช้ที่นี่เป็นที่พักผ่อน
ขณะนั้นเอง นัยน์ตาสีแดงคู่หนึ่งก็ปรากฏบนครึ่งบนของภูเขา จากนั้นภูเขาก็สั่นสะเทือนแตกทลาย เผยให้เห็นปากใหญ่ที่ลึกล้ำกำลังจะตะครุบทีน่าและอันหลิน!
“กรี๊ด!” ทีน่ากรีดร้องแล้วพาอันหลินหันหลังแล้วเผ่นแน่บ!
คอของภูเขาลูกนี้ยืดยาวได้ ดีดผึงออกมาประหนึ่งงูเหลือมที่ตัวใหญ่โอฬาร
ในมุมมองของทีน่าก็คือปากที่ใหญ่เหมือนขุนเขากำลังอ้าปากจะตะครุบตน
นางหาได้เคยพบเจอเหตุการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน พลันก็ตกใจจนหน้างามถอดสี
“ใจเย็นๆ! มันแค่ตัวใหญ่ก็เท่านั้น สู้เจ้าไม่ได้หรอก!” อันหลินตะโกนลั่น
ทีน่าได้ฟังก็ปล่อยระเบิดแสงภูตออกไปตามสัญชาตญาณ
ระเบิดแสงสีขาวระเบิดภายในโพรงปากอันใหญ่โตแล้วปะทุอย่างรุนแรง แรงระเบิดทำให้ปากที่ดำเมี่ยมกลายเป็นสีขาวโพลนไปทั่ว
ภูเขาใหญ่สั่นสะเทือนระลอกหนึ่ง ปากนั่นหดกลับไป
อันหลินโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ภูเขาใหญ่นี่อยู่แค่ในระดับแปลงจิตขั้นต้น แต่ทีน่ากลับเทียบเทียมสุดยอดแปลงจิตนานแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูพรรค์นี้ หากนางตกใจจนหมดสิ้นความฮ ฮึกเหิม มันคงน่าขายหน้าเกินไป
ทีน่ามองขุนเขาที่หดตัวถอยหลังไปด้วยความตกใจพลางพึมพำว่า “ทั้งๆ ที่ตัวใหญ่ออกขนาดนั้น ทำไมอ่อนแอขนาดนี้…”
“ใครทำให้เจ้าเกิดความคิดว่ายิ่งตัวใหญ่จะยิ่งแข็งแกร่งกันนะ” อันหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ทีน่าตอบว่า “เจ้าอย่างไรเล่า”
อันหลิน “…”
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะจากไปนั้น จู่ๆ ท้องนภาก็สั่นสะเทือนขึ้นมา
จากนั้นรอยแยกสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นบนเวหามากมาย เนืองแน่นมองไม่เห็นปลายทาง
อย่างน้อยในสายตาของอันหลิน รัศมีสิบกว่าลี้ล้วนแต่มีสภาพแบบนี้
รอยแยกเหล่านี้เป็นเหมือนตาข่ายสีดำที่มหึมาห่อหุ้มไปทั่วทั้งผืนฟ้า
จากนั้นรอยแยกก็แยกออก มีของเหลวสีดำเมี่ยมหลั่งไหลออกมา ของเหลวเหล่านี้หนืดข้นล้ำลึก เทลงบนพื้นดุจใบมีดสีดำ
“เอ๊ะ นี่มันอะไร” ทีน่ายื่นมือออกไปด้วยความฉงน อยากจะตรวจสอบของเหลวสีดำเหล่านี้ดูสักหน่อย
อันหลินเห็นดังนั้นก็ตะลึงงัน “อันตราย! รีบหลบของเหลวพวกนี้เสีย!”
อันหลินกลายเป็นผู้อาวุโสที่มากความรู้ไปแล้วในใจทีน่า ด้วยเหตุนี้เมื่อนางได้ยินคำพูดของอันหลินแล้ว จึงลบล้างความคิดตรวจสอบไปโดยที่ไม่แม้แต่จะคิด ลากอันหลินหลบหลีกของเหลวสีด ดำเหล่านั้นไม่หยุด
ปานว่าขุนเขาใหญ่ประสบพบเจอกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คล้ายว่าจะเตี้ยลงกว่าเดิมแล้ว แถมยังมีม่านแสงสีทองประหนึ่งร่มขวางอยู่เหนือยอดเขาอีกด้วย
ของเหลวสีดำหยดลงพสุธา ทะลวงพื้นผิวอย่างไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ทิ้งรอยแยกที่น่ากลัวมากมายหลายทาง สิ่งมีชีวิตบนพื้นที่หลีกไม่ทันถูกของเหลวสีดำหั่นร่างกายสะบั้น กรีดร้องโหยหวนบน พื้น
“ของ…ของเหลวนี่มันอะไรกัน…” ทีน่าตกใจจนหน้าซีดเผือด
ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้ไม่มีคลื่นพลังใดเลย แต่กลับแฝงด้วยพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะอันหลินห้ามปรามนางทันท่วงที เกรงว่ามือน้อยๆ ของนางคงถูกตัดไปแล้ว
“พลังแรกกำเนิดแผ่ซ่านมาถึงดินแดนผืนนี้ ดินแดนที่พังทลายผืนนี้ไม่สามารถคงสภาพให้ตัวเองมั่นคงได้อีกแล้ว” อันหลินถอนหายใจ
มองจากข้อมูลที่เขาได้มาแล้ว แผ่นดินนี้ถูกลดทอนพื้นที่ไปหนึ่งในร้อยแล้ว สถานที่มากมายหวนสู่ความว่างเปล่า ดูท่าทางแล้วที่นี่ก็กำลังตกอยู่ในขั้นตอนของการพังทลายเหมือนกัน…
ทีน่าสำแดงท่าร่างหลบหลีกของเหลวสีดำอย่างต่อเนื่อง แต่พื้นที่ของภูเขาลูกนั้นใหญ่มากเหลือเกิน เผชิญหน้ากับของเหลวสีดำเหล่านี้ก็ทำได้เพียงต่อต้าน ม่านแสงสีทองที่มีรูปร่างคล้ ายร่มก็ยังพอขัดขวางของเหลวสีดำเหล่านี้ได้บ้าง
แต่ไม่รู้ว่าจู่ๆ มีรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏบนท้องฟ้าตั้งแต่เมื่อใด ของเหลวสีดำก้อนใหญ่หลั่งไหลออกจากรอยแยก เทกระหน่ำลงจากยอดเขามหึมาราวกับธารน้ำสายเล็ก พลังงานที่น่ากลัวตัดร่ม มสีทองในพริบตา
ของเหลวสีดำดุจดาบที่คมกริบที่สุด ส่วนร่างของขุนเขาใหญ่กลับถูกตัดเป็นสองท่อนอย่างเรียบเนียนประหนึ่งก้อนเนย…
ภูเขาใหญ่ไม่มีแม้แต่โอกาสโหยหวนเลยด้วยซ้ำ ร่างกายก็กลายเป็นสองท่อน ของเหลวสีขาวแผ่กระจายไปทั่วราวกับกระแสน้ำ นั่นของเป็นเลือดละมั้ง เลือดออกปริมาณมาก...
จากนั้นร่างอันโอฬารก็ถูกของเหลวที่ไหลลงมาตัดฟันอย่างต่อเนื่อง มันเป็นขั้นตอนเหมือนชำแหละศพ ร่างของภูเขาใหญ่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ อนาถเกินทน
ร่างอรชรของทีน่าสั่นเทิ้ม ในสายตาของนาง ของเหลวสีดำกำลังแผ่กลิ่นอายมรณะที่น่ากลัวอย่างยิ่งแผ่คลุมไปทั่วร่างกายของนาง
โชคดีที่หายนะครั้งนี้ดำเนินไปไม่นานมากนัก
อานุภาพฟ้าดินที่สะท้อนกลับซ่อมแซมตัวเองปรากฏขึ้น ทำให้รอยแยกสีดำบนท้องฟ้าค่อยๆ หดตัวและสมานกัน
ทุกอย่างคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ใช่แล้ว แผ่นดินทั้งผืนคล้ายกับว่าถูกชะล้าง เงียบสงัดไปทั่ว
ร่องน้ำบนผืนพสุธา รอยแยกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นพวกนี้ก็เริ่มสมานกันช้าๆ สุดท้ายกลับมาราบเรียบเหมือนบาดแผลสมานกัน
สิ่งมีชีวิตที่มืดมนบางส่วนกำลังเลื้อยขยุกขยิก แพร่พันธุ์บนพื้น ราวกับว่าฟื้นฟูพลังชีวิตแล้ว…
“ที่แท้โลกภายนอกฝนตกก็เป็นเช่นนี้นี่เองหรือ…น่ากลัวจังเลย…น่ากลัวเหลือเกิน…” ทีน่าบ่นไม่หยุด
อันหลิน “…”
ทำไมสมองของผู้หญิงคนนี้จินตนาการไปถึงขั้นนี้ได้นะ ฟังที่เขาเพิ่งอธิบายไปเมื่อครู่หรือเปล่า
“น่ากลัวจังเลย…แต่…ตื่นเต้นมาก...” เสียงที่สั่นระริกและปะปนด้วยความตื่นเต้นดังขึ้น
อันหลิน “…”
สรุปแล้วนางกำลังตื่นตัวแล้วใช่ไหม