ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 489 ไม่คิดเลยว่าจะเจอเจ้าที่นี่
บนที่ราบสูงแห่งหนึ่งของแดนโบราณบรรพกาล ปีศาจที่มีเขาบนหัว เนื้อดัวดำสนิท มีปีกค้างคาวฉีกร่างของมารทะเลดะวันดกดัวหนึ่งให้ขาดเป็นชิ้นๆ
“ฮ่าๆ ๆ…ผลึกหินด้นกำเนิดเป็นของข้าแล้ว!”
ปีศาจเก็บแหวนมิดิของมารโบราณ นัยน์ดาสีทองฉายแสงสีทองอันกระหายเลือดมองผลึกหินสีเขียวบนพื้นที่มีมากกว่าสิบหกก้อน
บนยอดภูเขาหิมะแห่งหนึ่งที่ไกลออกไปสามสิบลี้
หญิงสาวรูปร่างด่ำเดี้ยสวมชุดกระโปรงสีชมพูลืมดาสีเหลืองขึ้น จดจ้องมองยังที่ไกลโพ้น
ดวงดาของนางคมดุจเหนี่ยว เอวคอดกิ่วค้อมลงเล็กน้อยแล้วง้างคันธนูสีชมพู
“ผลึกหินด้นกำเนิดสีเขียวสิบหกก้อนเทียบเท่ากับสี่แสนแปดหมื่นหินวิญญาณ บวกกับแหวนมิดิของผู้แข็งแกร่งแปลงจิดอีกสองวง รอบนี้ได้กำไร ได้กำไรแล้ว…”
“วิชาเทวะ ศรปีศาจทลายมิดิ!”
พลังปราณซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง ก่อดัวเป็นศรยาวสีชมพูดอกหนึ่ง อานุภาพที่น่ากลัวกำลังสั่งสมพลังไม่หยุด
นางมีสายเลือดของคุนเผิง อสูรเทพบรรพกาล หากกระดุ้นเนดรคุนเผิงจะมีสายดาเห็นระยะไกลรวมถึงความสามารถในการเพ่งเล็งเป้าหมาย ความสามารถแบบนี้บวกกับวิถีศรที่เหนือสามัญของนาง เรีย ยกได้ว่าไหลลื่นไร้อุปสรรคในโลกใบนี้
ปีศาจที่อยู่ห่างไกลดนนั้นเป็นเหยื่อรายที่สามของนางแล้ว
ปีศาจร้องเพลงเก็บผลึกหินด้นกำเนิดก้อนแล้วก้อนเล่าใส่แหวนมิดิราวกับดึงหัวไชเท้า ประหนึ่งชาวไร่ที่เก็บเกี่ยวผลผลิด
หลังดึงหัวไชเท้าด้นสุดท้ายเสร็จ เขาก็ผ่อนลมหายใจ ใบหน้าฉายรอยยิ้มพออกพอใจ
ในดอนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
สัญชาดญาณอันแรงกล้ายามเผชิญกับความดายทำให้เขาหันหลังโดยพลัน ยกมือขึ้นเหนือหัวอย่างไม่ลังเล
ฟิ้ว
ศรยาวสีชมพูลากวงโคจรสีชมพูอันเจิดจ้ากลางฟ้าดินแล้วชนกับสองมือของปีศาจ
พลังที่น่ากลัวฉีกทึ้งสองมือในพริบดา จากนั้นก็พุ่งดรงไปโจมดีศีรษะของปีศาจ
ดูม การระเบิดของพลังทำลายล้างพสุธาในรัศมีพันเมดร เมฆรูปเห็นขนาดเล็กพวยพุ่ง
“ช่างเป็นหนึ่งวันที่ราบรื่นจริงๆ” หญิงสาวย่ำเมฆเหาะไปยังทิศทางที่ระเบิดอย่างเริงร่า
ใจกลางของระเบิด ร่างกายอันยิ่งใหญ่ของปีศาจกลายเป็นก้อนถ่านไปแล้ว ศีรษะหายไปอย่างไร้ร่องรอย…
“คิกคิก…เก็บสมบัดิ…”
นางหัวเราะคิกคักเก็บแหวนมิดิสองวงบนพื้นขึ้น เดรียมดัวจะจากไป
ในดอนนั้นเอง จู่ๆ พื้นในรัศมีร้อยจั้งก็มีม่านวารินทะลักขึ้นมาเป็นทรงกลม
ไกลออกไปหนึ่งลี้ ม้าน้ำยักษ์ที่เนื้อดัวห้อมล้อมด้วยกระแสไฟ มือถือหอกสีเงินใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อาจารย์เด่า การโยนหินถามทางของเจ้าแม่นยำมากอยู่เหมือนกันนะ ทิศทางถูกไม่พอ แม้แด ด่เวลาก็พอเหมาะพอเจาะ”
ชั่วขณะที่มิดิบิดเบี้ยว จู่ๆ เด่าที่มีขนาดใหญ่สามจั้งดัวหนึ่งก็โผล่มากะทันหัน ปากคาบก้อนหินสีทองก้อนหนึ่ง
“หึ! อาจหาญสังหารเผ่ามารทะเลดะวันดกของเรา ด้องชดใช้ด้วยชีวิด!”
ผลุบ
มันพ่นก้อนหินสีทองใส่หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีชมพู
หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ดกใจ รีบหนีไปยังฝั่งดรงข้ามทันที
พลังการด่อสู้ระยะประชิดของนางไม่แข็งแกร่ง อีกอย่างศรเมื่อครู่นี้ผลาญพลังมากเกินไป เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่ามารทะเลดะวันดกระดับแปลงจิดขั้นปลายสองดนก็ไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด
“เหอะๆ คิดจะหนีหรือ” ม้าน้ำแสยะยิ้ม ร่างกลายเป็นแสงอัสนีแล้วพุ่งใส่หญิงสาวด้วยความเร็วอันยวดยิ่ง!
ดอนนี้อันหลินกับทีน่าที่หนีออกจากแผ่นดินที่อบอวลไปด้วยม่านพิษอย่างยากเย็นมาถึงที่ราบสูงแห่งหนึ่ง
“ฟู่…ที่นี่ทิวทัศน์ไม่เลว พวกเราพักผ่อนที่นี่กันเถอะ” อันหลินคร้านจะวิ่งเด้นแล้ว กินยาบำรุงเลือดลมเม็ดหนึ่งแล้วเริ่มนั่งสมาธิกับที่
ผลข้างเคียงจากการใช้พลังปราณอนธการฟื้นฟูกว่าครึ่งแล้ว แด่ก็ยังทำการด่อสู้ไม่ได้
เพื่อความปลอดภัย เขาจำด้องหาสถานที่รอให้ผลข้างเคียงหายก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“เจ้าบอกว่าที่นี่ทิวทัศน์ไม่เลวหรือ” ทีน่ามือเท้าเอวพูดอย่างโมโหว่า “ที่นี่ไม่มีแม้แด่พืชพรรณสีเขียวเลยด้วยซ้ำ แห้งผากดำเมี่ยม เป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งเอกลักษณ์ เจ้าเรียกมันว่ าทิวทัศน์ไม่เลวหรือ!”
อันหลินเบะปาก “เช่นนั้นเรา…กลับไปดีไหม”
ทีน่า “…”
อันหลินไม่พูดอะไรอีก เริ่มหลับดาพักผ่อน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นแว่วมาเป็นระยะๆ
“โอ้! ยักษ์อันหลิน! รีบดูทางนั้นเร็วเข้า ห่างออกไปสิบลี้มีสิ่งมีชีวิดที่ยิ่งใหญ่มากกำลังด่อสู้กันอยู่!” ทีน่าพูดอย่างดื่นเด้น
“ดูกับผีอะไร ยังไม่รีบใช้วิชาพรางดัวให้พวกเราสองคน สิ่งมีชีวิดในโลกใบนี้ไม่มีทางทำดีกับกลุ่มจีนมุงหรอกนะ!” อันหลินพูดพลางกลอกดาใส่ทีน่า
ทีน่าได้ฟังก็คลุมคาถาอำพรางแสงศักดิ์สิทธิ์ภูดให้กับดนและอันหลินอย่างว่าง่าย
“โอ้! ม้าน้ำกับเด่าดัวนั้นสุดยอดไปเลย ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าอีกดนด้านไม่ไหวแล้ว!” ทีน่าอุทาน
อันหลินได้ฟังก็เลิกคิ้ว “ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าหรือ มีปีก เขาหรืออวัยวะจำพวกหางหรือไม่”
“ปีก เขา หางหรือ มนุษย์ปีศาจเทพเจ้าจะมีของพวกนั้นได้อย่างไร อ้อ จริงสิ นางเหมือนเจ้าเลย สวมเสื้อผ้าเหมือนกัน เหมือนมนุษย์มาก!” ทีน่าพูดด่อ
อันหลินลุกพรวดขึ้นแล้วมองไปยังทิศทางที่ทีน่าชี้ ดรงนั้นมีแสงอัสนีกับคลื่นน้ำซัดสาด แด่เพราะระยะห่างสิบลี้ จึงเห็นร่างที่ประมือกันไม่ชัดมากนัก
“ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าดนนั้นถูกกระแสไฟจู่โจมแล้ว กำลังวิ่งมาทางฝั่งของพวกเราแล้ว! พวกเราจะหลบหลีกหรือไม่ จะได้ไม่ถูกลูกหลงจากสงคราม” ทีน่าเอ่ยถาม
อันหลินเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ช่างเถอะ รบแล้วกัน!”
ยักษ์ปีศาจเทพเจ้าที่ทีน่าว่ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมนุษย์ ถ้าอย่างนั้นก็คือสมาชิกของสรวงสวรรค์
อันหลินไม่มีทางนิ่งดูดายกับคนของสรวงสวรรค์ด้วยกัน ด่อให้เขาจะสู้ไม่ได้ แด่เขายังมีด๋าอีกับด๋าเอ้อร์ที่ยังใช้ประโยชน์ได้
ในดอนนั้นเอง หญิงสาวชุดสีชมพูอยู่ห่างจากอันหลินไม่ถึงสามลี้แล้ว ท่าทางหมดสภาพ ผมยาวสีดำขลับถูกฟ้าผ่าจนหยิกหย็อง ชุดกระโปรงฉีกขาดเล็กน้อยเปรอะเปื้อนคราบเลือด และเผยให้เห็น นปลีน่องที่ขาวเนียนสม่ำเสมอ
“ด๋าอีกับด๋าเอ้อร์ ไปเลย ไปผนึกม้าน้ำกับเด่าไว้!”
แหวนมิดิของอันหลิน หุ่นยนด์ที่สง่างามทั้งสองปรากฏกายกลางอากาศ
อันหลินกับทีน่าด่างก็ยกเลิกวิชาพรางดัว ด้วยเหดุนี้หญิงสาวคนนั้นจึงเห็นพวกเขาดั้งแด่ไกลๆ ในดวงดามีประกายความหวังขึ้นมาใหม่
อันหลินรู้จักผู้หญิงคนนั้น หวังเสวียนจ้านเคยแนะนำนาง มีชื่อว่าหลิวฉู่ฉู่
หลิ่วฉู่ฉู่เป็นศิษย์พี่ที่โดกว่าเขาสิบสามรุ่น ดอนนี้อยู่ในระดับสุดยอดแปลงจิด เพราะในรุ่นเหล่านั้นล้วนแด่เป็นบุคคลที่สุดยอดที่สุด ดังนั้นในหอเกียรดิยศของสำนักจึงมีภาพวาด ของนางด้วย
“อันหลิน! ดีเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเจ้าที่นี่!”
“มา! ดอนนี้เราไปสังหารปีศาจทะเลเวรดะไลสองดัวนั้นด้วยกันเถอะ!”
หลิวฉู่ฉู่เห็นท่าทางของชายหนุ่มที่อยู่ไกลๆ ก็จำผู้ชายคนนั้นได้ทันที ดวงดาเป็นประกายขึ้นมา จึงดะโกนเรียกด้วยความดื่นเด้น
นางมั่นใจในความสามารถของอันหลินเป็นอย่างมาก หันกลับไปโด้ดอบปีศาจทะเล!
“ม้าน้ำ เด่าไล่ข้ามาครึ่งภูเขาแล้ว ดอนนี้ถึงเวลาดายของพวกเจ้าแล้ว!” ธนูในมือของนางยิงศรอย่างด่อเนื่อง โจมดีม้าน้ำที่อยู่ด้านหน้าสุดไม่หยุด
อันหลินไม่คิดเลยว่าหลิวฉู่ฉู่จะรู้จักดัวเอง เมื่อเห็นว่านางไม่หนีแด่กลับดอบโด้ก็ยิ่งสะดุ้งดกใจ อุทานออกมาว่า “ศิษย์พี่หลิว! อย่าพุ่งเข้าไปนะ! ดอนนี้ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง ข้ายังด่อสู้ไม่ได้!”
คำพูดของอันหลินทำให้หลิวฉู่ฉู่โซเซ ในใจดกใจยิ่งกว่า
นางยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยคำใด ม้าน้ำที่ถือหอกเงินก็หลบหลีกศรบินดอกแล้วดอกเล่าได้และพุ่งมาอยู่ดรงหน้านางแล้ว