ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 49 ท่านทูตเซียนมาเยือน!
อันหลิน สวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิง เที่ยวเล่นในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งหนึ่งวันเต็มๆ
ภายใต้การนำเที่ยวโดยเจ้าถิ่นอย่างอันหลิน พวกเขาเที่ยวอย่างสนุกสนาน ใช้เงินในกระเป๋าทั้งห้าใบจนเกลี้ยง
หา ถามว่ากระเป๋าเงินมาจากไหนน่ะเหรอ
เมื่อเซวียนหยวนเฉิงปล่อยพลังจิตออกมา มักจะพบนักเลงที่แอบหาเรื่องในมุมมืดบางส่วน
จึงปรากฏตัวแล้วผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ จากนั้นก็ชิงทรัพย์สินและของมีค่าไป ง่ายดายเช่นนั้นแหละ!
นิสัยกำราบสัตว์ประหลาดแล้วริบทรัพย์ ชิงสมบัติ เป็นธรรมเนียมของแดนบำเพ็ญเซียนมาตลอด
เมื่อมาถึงแดนมนุษย์ ย่อมต้องส่งเสริมการสืบทอดอันดีงามนี้ให้รุ่งเรืองต่อไป คุณว่าใช่หรือเปล่า
พวกอันหลินหาเสื้อผ้าตามสมัยนิยมไม่กี่ชุด จากนั้นก็กินหม้อไฟหม่าล่ามื้อใหญ่อย่างสบายอารมณ์ ตามด้วยเดินเล่นหลังอาหาร
กระทั่งสี่ทุ่ม พวกเขาถึงได้ตัดสินใจจะเริ่มสร้างความฮือฮาสักหน่อย
บนดาดฟ้าของตึกสูงหลังหนึ่ง มีคนสามชีวิตกำลังยืนท้าลมอยู่
ย่านนี้คึกคักยิ่งนัก แสงสีวูบวาบชวนให้ลายตากะพริบแปลบปลาบ ไม่มีใครสังเกตว่าคนสามคนยืนอยู่เหนือศีรษะพวกเขา
“มาเถอะ เชิญเริ่มการแสดงของเจ้าได้เลย!” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
สวีเสี่ยวหลานยิ้มจางๆ ยกมือขึ้นประสานมือ
ทันใดนั้น พลังปราณก็ซัดสาดรอบกายอย่างบ้าคลั่ง
เสียงคำรามเบาๆ แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ต่อมา หงส์เปลวอัคคีขนาดหนึ่งจั้งตัวหนึ่งก็พุ่งขึ้นฟ้า ระเบิดกลางอากาศ
ตูม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตามมาหลังเปลวไฟระเบิด ส่องสะท้อนให้ผืนฟ้าในรัศมีสามจั้งแดงฉาน
ผู้คนนับไม่ถ้วนบนพื้นดินถูกเสียงและแสงไฟดึงดูดสายตา พากันแหงนหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็เห็นภาพที่ชวนให้ตะลึงพรึงเพริด
“คุณพระ ฉันฝันไปหรือไง ทำไมท้องฟ้าถึงไฟไหม้ล่ะ!”
“ไม่ใช่แค่ไฟไหม้นะ เมื่อกี้ฉันเห็นฟีนิกส์ตัวหนึ่งบินขึ้นท้องฟ้าก่อน ถึงได้เกิดภาพแบบนี้ขี้น!”
“แกโม้ล่ะสิท่า แกคิดว่าเอ็กซ์เมนในมาร์เวลวิ่งมาต่อสู้กันที่นี่หรือไง ยังจะมาฟีนิกส์อีก!”
“แต่เปลวไฟบนฟ้ามันยังไงกันแน่ เหนือจริงเกินไปหรือเปล่า!”
เพราะฉากนี้หงส์ไฟบินขึ้นฟ้าเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป จึงมีคนเห็นไม่เยอะ
แต่ฉากที่เปลวไฟแผ่กระจายกลางอากาศ กลับมีคนไม่น้อยที่เห็นประจักษ์แก่สายตา แถมยังมีบางคนที่มือไว หยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ โพสต์ลงในโซเชียล!
เพียงชั่วพริบตา ข่าวก็แพร่กระจายในแวดวงโซเชียลอย่างรวดเร็ว
แม้คนมากมายจะคิดว่ารูปพวกนี้เป็นรูปปลอม แต่ก็ห้ามให้รูปถูกแชร์ว่อนโซเชียลอย่างบ้าคลั่งไม่ได้ เพราะภาพนี้มันช่างสมจริงเหลือเกิน!
เมื่อเห็นว่าบรรลุเป้าประสงค์แล้ว เซวียนหยวนเฉิงก็สร้างค่ายกลที่สามารถปล่อยคลื่นพลังปราณขึ้นมา
หากเป็นนักพรตที่มีพลังยุทธิ์ จะสามารถตามหาต้นตอของคลื่นพลังปราณ และหาพวกเขาเจอ
เป็นดังที่คาดการณ์ไว้ หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงดังมาจากใต้ตึก
ผู้มาเยือนมีกันเจ็ดแปดคน ระดับพลังยุทธ์เฉลี่ยที่กายแห่งมรรคขั้นห้า สำหรับโลกมนุษย์แล้ว นับว่าเป็นความสามารถที่ไม่เลวแล้ว
มีหญิงสาวผมยาวร่างสูงระหง สวมชุดดำคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มพวกเขา
ระดับพลังยุทธ์ของหญิงสาวคนนั้นไม่ด้อย บรรลุกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดแล้ว
เธอน่าจะเป็นผู้นำของคนกลุ่มนั้น เมื่อเห็นพวกอันหลิน แม้ใบหน้าจะมีความคลางแคลงใจ แต่กลับนิ่งสงบอย่างมาก เอ่ยปากพูดว่า “ฉันชื่อหวงซานซานหัวหน้ากลุ่มสองของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของประเทศ ไม่ทราบว่าพวกท่านมีเหตุอันใดถึงต้องปล่อยวิชาเซียนยิ่งใหญ่ที่นี่”
“เจ้าคือหวงซานซานเองหรือ” ผู้ต้อนรับในภารกิจครั้งนี้ของอันหลินก็คือหวงซานซาน พอเขาได้ยินชื่อนี้ ก็หยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาจากแหวนมิติแล้วพูดว่า “พวกเราเป็นทูตจากสรวงสวรรค์ เดินทางมายังอารามเมฆขาว เมืองหรงเฉิง”
เมื่อหวงซานซานเห็นป้ายอันคุ้นเคย ก็ไม่มีความเคลือบแคลงใจอีก ค้อมตัวคำนับแล้วพูดว่า “ที่แท้ก็ท่านทูตเซียนมาเยือนนี่เอง ข้าน้อยต้อนรับไม่เหมาะสม หวังว่าท่านทูตเซียนจะอภัย!”
เมื่อเธอพูดจบ ผู้ติดตามเจ็ดแปดคนข้างหลังนั่นก็พากันทำความเคารพ การกระทำพร้อมเพรียงกันมาก
สำหรับเหตุผลที่พวกอันหลินโผล่มาที่นี่ ไม่ใช่อารามเมฆขาว หวงซานซานไม่มีทีท่าอยากถามเลยแม้แต่นิด กลับจัดการที่พักและอาหารการกินให้พวกเขาทันที
ทำให้พวกเซวียนหยวนเฉิงอดมองหวงซานซานคนนี้เปลี่ยนไปไม่ได้
ทูตเซียนเป็นฝ่ายปล่อยพลังเซียน เพื่อให้เธอทราบพิกัด นั่นหมายความว่าพิกัดที่ร่อนลงของพวกเขาผิดพลาด
สำหรับเรื่องนี้ เธอสามารถคาดเดาได้ในใจ
ยากตรงที่เธอไม่มีความคิดที่อยากจะแสดงออกว่าอยากรู้สาเหตุของเรื่องนี้เลย เพียงแค่พยายามจัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ดี สามารถมองได้จากจุดนี้ว่า ผู้หญิงคนนี้ปราดเปรียวเก่งกาจ
หวงซานซานยื่นบัตรธนาคารให้พวกเขาสามคนคนละใบ
ในบัตรมีเงินหนึ่งพันล้านหยวน สามารถใช้จ่ายได้ตามใจชอบ
หากว่าเงินหมด ให้แจ้งเธอ เธอจะรีบเติมเงินให้ทันที
ทูตเซียนช่วยกำจัดมารขับไล่ปีศาจ พวกเธอย่อมไม่มีทางให้เงินๆ ทองๆ มาผูกมัดการเคลื่อนไหวของทูตเซียน
สำหรับเรื่องโลกีย์เหล่านี้ เซวียนหยวนเฉิงเพียงแค่เก็บบัตรใส่แหวนมิติอย่างไม่ยี่หระ
สวีเสี่ยวหลานกลับตาลุกวาว วันนี้ทั้งวันนางใช้เงินไปแค่ไม่กี่พันหยวน ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้ว่าพันล้านนับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่แล้ว!
สามารถซื้อได้อย่างถึงอกถึงใจ สำหรับผู้หญิงแล้ว ล้วนเป็นเรื่องที่มีความสุข
อันหลินก็เก็บบัตรด้วยความพึงพอใจ
ราชารับหิ้ว…เขาเป็นแน่นอน!
หวงซานซานพาพวกอันหลินเข้าพักในโรงแรมคราวน์พลาซ่าเมืองหรงเฉิง นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว เป็นกิจการของสกุลเจิ้ง ตระกูลอันหนึ่งของตะวันตกเฉียงใต้
เจิ้งหงยี่ ผู้นำตระกูลเจิ้ง รอต้อนรับพวกอันหลินที่หน้าโรงแรมตั้งนานแล้ว
ในฐานะผู้นำตระกูลของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งตะวันตกเฉียงใต้ เขาก็มีสิทธิ์จะรู้เรื่องที่ปกปิดอำพรางบางส่วน และเป็นเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงเคารพพวกอันหลินเป็นอย่างยิ่ง ไม่กล้าดูแคลนเลยแม้แต่นิด
“ท่านทูตเซียน เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างที่จำเป็นในภารกิจแดนมนุษย์ รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน ผมเตรียมไว้ให้พวกคุณในห้องเพรสซิเด้นท์สวีทแล้ว หากว่ามีความต้องการอะไรอีก ให้บอกเสี่ยวเจิ้งได้เลย เสี่ยวเจิ้งจะพยายามสนองความต้องการของพวกคุณให้เต็มที่!” เจิ้งหงยี่โค้งตัวน้อยๆ แขม่วพุงใหญ่โต ทำหน้าประจบประแจง
คุณลุงวัยสี่สิบห้าปีเรียกแทนตัวเองว่าเสี่ยวเจิ้งอย่างนั้นเสี่ยวเจิ้งอย่างนี้อยู่ตลอด อันหลินรู้สึกไม่ค่อยชินเลย
แต่เมื่อได้ยินชื่อของเจิ้งหงยี่ จู่ๆ ก็มีชื่อผุดขึ้นมาให้สมองของเขากะทันหัน
“เสี่ยวเจิ้ง ไม่ทราบว่าเจ้ารู้จักคนที่ชื่อเจิ้งหงปังหรือไม่” อันหลินเห็นรูปร่างภายนอกของพวกเขาคล้ายคลึงกัน จึงเอ่ยปากถามเช่นนี้
เมื่อเจิ้งหงยี่ได้ยินประโยคนี้ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “รู้จักสิครับ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง!”
อันหลินได้ฟังก็ตาเป็นประกาย “อ้อ อย่างนี้นี่เอง วันนี้พวกเราไม่ระวังเผลอฉีกรถของน้องชายเจ้า ข้ามีบัตรธนาคารอยู่ เจ้าช่วยโอนเงินซื้อรถดีๆ สักคันให้น้องชายเจ้าหน่อยสิ”
เมื่อเจิ้งหงยี่ได้ฟังคำพูดของอันหลิน แม้เขาจะเป็นคนเก่าคนแก่ก็ตกใจมากทีเดียว
บัดซบ! ทูตเซียนฉีกรถได้ด้วยมือเปล่างั้นเหรอ!
เจิ้งหงยี่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว พูดอย่างนอบน้อมทันควันว่า “น้องชายผมอยากเปลี่ยนรถนานแล้ว รถคันนั้นเขาอยากทิ้งนานแล้ว ท่านทูตเซียนฉีกมันทิ้ง ผมต้องขอบพระคุณเป็นอย่างสูง จะกล้ารับเงินได้อย่างไร!”
เมื่ออันหลินได้ยินประโยคนี้ รู้ว่าเจิ้งหงยี่ไม่รับเงิน จึงทำได้แค่เก็บบัตรธนาคารด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
ขณะนั้นเอง เจิ้งหงยี่ก็ยิ้มอย่างเอาใจ “หากท่านทูตชอบฉีกรถด้วยมือเปล่าละก็ พรุ่งนี้ผมส่งรถหนึ่งร้อยคันมาให้พวกคุณฉีกเล่นดีไหม ไม่ต้องห่วง! ต้องการฉีกรถยนต์รุ่นไหน ผมมีทุกอย่าง!” เจิ้งหงยี่พูดพลางตบหน้าอก
“พรืด!” เมื่อสวีเสี่ยวหลานได้ยินประโยคนี้ก็หลุดขำ
ส่วนอันหลินกลับโบกมืออย่างกระอักกระอ่วน บ่งบอกว่าอย่าลำบากเลย
ส่วนต้นเรื่องอย่างเซวียนหยวนเฉิง ใบหน้าหล่อเหล่าของเขาแดงระเรื่อ เริ่มเบนหน้ามองทางอื่น…
…………………………………