ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 491 ทีมฆ่าชิงทรัพย์ก่อตัว
หลิวฉู่ฉู่เก็บแหวนมิติของม้าน้ำขึ้นแล้วโยนให้อันหลิน ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าให้เจ้า ศึกนี้พวกเจ้าช่วยข้าไว้ สิ่งนี้ก็ควรจะเป็นของเจ้า”
อันหลินไม่อิดออดแต่อย่างใด เมื่อรับแหวนมิติมาก็ขัดเกลาทันที ดูว่าข้างในมีของดีอะไร
ทีน่าหยิบหอกยาวสีเงินของม้าน้ำกลับมา ของสิ่งนี้เป็นอาวุธวิเศษขั้นสูง นับว่าเป็นศาสตราวุธที่ดียอดแล้ว แม้นางจะจ้องตาเป็นมัน แต่ก็นำไปให้ข้างๆ อันหลินอย่างว่าง่ายอยู่ดี
อันหลินมองเข้าไปในแหวนมิติแล้วพบว่าไม่มีผลึกหินต้นกำเนิดสีทอง ในใจเสียดายเล็กน้อย ทว่าผลึกหินต้นกำเนิดสีขาวน่ะมีอยู่หกชิ้น เป็นประเภทที่มีระดับขั้นต่ำที่สุด
เขาหยิบผลึกหินต้นกำเนิดออกมาหมายจะกระตุ้นกำลังภายใน ดูดซึมพลังที่แฝงอยู่ข้างใน ไม่คิดเลยว่าจะไร้การตอบสนอง
ดูดซึมได้แค่พลังของผลึกต้นกำเนิดสีทองเหรอ...
อันหลินส่ายหน้าแล้วสำรวจข้างในต่อไป
ในแหวนมิติมีหินปราณสามสิบหกก้อน อาวุธวิเศษสามชิ้น ยาวิเศษห้าเม็ด รวมถึงวัสดุจิปาถะอีกเป็นกอง
อาจเป็นเพราะเขาร่ำรวยเกินไปละมั้ง เห็นแหวนมิติของใครก็รู้สึกว่าคนคนนั้นยากจนข้นแค้น ในใจไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“เป็นอะไรไป ข้างในไม่มีของดีหรือ” หลิวฉู่ฉู่เห็นใบหน้าของอันหลินไม่มีความปีติยินดีใดเลย จึงอดถามไม่ได้
“ไม่มี แม้แต่อาวุธเซียนยาเซียนก็ไม่มี ยากจนเหลือเกิน” อันหลินทอดถอนใจ
หลิวฉู่ฉู่ “…”
อาจเพราะมุมมองความมั่งคั่งของทั้งสองไม่เหมือนกัน หลิวฉู่ฉู่ไม่อยากพูดอะไรเลยจริงๆ
อันหลินเก็บสิ่งของเหล่านี้ใส่แหวนมิติ จากนั้นหยิบกระบี่ยาวที่แผ่ไอเย็นยะเยือกเล่มหนึ่งออกมา พลังที่เย็นเฉียบทำให้มิติทั้งผืนหนาวเหน็บอย่างที่สุด
“ทีน่าเจ้าทำได้ดี กระบี่เหมันต์หทัยบงกช อาวุธเซียนขั้นต้นเล่มนี้มอบให้เจ้า อาวุธเซียนชิ้นนี้ขยายใหญ่เล็กได้ตามใจชอบ อันที่จริงเหมาะสมกับเจ้ามาก อย่างอื่นเจ้าต้องการอาวุธอะ ะไรก็บอกข้ามาได้เต็มที่” อันหลินยื่นกระบี่ในมือให้ทีน่า
ทีน่ามองกระบี่ยาวในมืออย่างเหม่อลอย “ยักษ์อันหลิน นี่…ให้ข้าจริงๆ หรือ”
นางสัมผัสได้ว่าอาวุธชิ้นนี้มีระดับขั้นสูงกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
“แน่นอนว่าเก็บไว้ในแหวนมิติของข้าก็เป็นของตาย ไม่สู้มอบให้เจ้าเพิ่มพลังต่อสู้ การต่อสู้ก่อนหน้านี้กระชั้นชิดเกินไป ข้าไม่ทันได้มอบให้เจ้า ตอนนี้เจ้ารับไว้เถอะ!” อันหลินพูด ดยิ้มๆ
ทีน่าขัดเกลาอาวุธเซียนชิ้นนั้น จากนั้นมันก็เริ่มหดเล็กลงตามความคิดของทีน่า
ด้ามจับมีดอกบัวสีน้ำเงินเบ่งบาน ดูแล้วค่อนข้างงดงาม
ทีน่ารักจนไม่อยากวาง เข้าไปกอดอันหลินอย่างแนบแน่นด้วยความตื้นตัน
หมับ
แม้อันหลินจะไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ยังยิ้มด้วยความรักใคร่เอ็นดู
อันที่จริงเมื่อทีน่ายอมรับคำชี้แนะของเขา เสี่ยงอันตรายเข้าไปรบกับม้าน้ำและเต่าทะเล เขาก็มองทีน่าเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว
หลิวฉู่ฉู่เห็นว่าแค่อันหลินปาออกไปก็เป็นอาวุธเซียนแล้ว มุมปากจึงกระตุกเล็กน้อย
“สหายอันหลิน ต่อไปเจ้าวางแผนว่าอย่างไร” นางครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็พูดออกมา
“ตามหาเขาแสงดารา ค้นหาผลึกต้นกำเนิด” อันหลินพูดอย่างไม่ลังเล
มุมปากของหลิวฉู่ฉู่ยกขึ้นน้อยๆ “ถ้าอย่างนั้นข้ากับพวกเจ้าเคลื่อนไหวพร้อมกันดีไหม”
อันหลินพยักหน้า พูดอย่างเห็นพ้องต้องกัน “เจ้าเองก็คิดว่าข้าเป็นชายที่เชื่อใจได้มากคนหนึ่งใช่ไหม”
ใบหน้างดงามของหลิวฉู่ฉู่กระตุกน้อยๆ ฝืนใจพูดว่า “ข้าพบข้อเสียของตัวเองในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้ข้าจะเชี่ยวชาญการโจมตีศัตรู แต่พอเป็นระยะประชิดกลับมีอันตรายถึงชีวิต สิ่งมีชีวิต ที่เข้ามาในแดนโบราณบรรพกาลได้ ไม่มีผู้ที่อ่อนแอเลย ดังนั้นข้าเลือกจะร่วมมือกับเจ้า ข้าทำหน้าที่โจมตี เจ้าทำหน้าที่รบระยะประชิดกับคุ้มกัน การร่วมมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ต้อง ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากแน่ๆ!”
อันหลินพยักหน้า “เข้าใจแล้ว เจ้า ADC[1] ข้าเป็นแทงค์[2]”
หลิวฉู่ฉู่ “…อืม จากนั้นฆ่าคนชิงทรัพย์เอาแหวนมิติ ข้า เจ้ากับเจ้าตัวเล็กแบ่งกันตามลำดับ ถ้าได้ผลึกต้นกำเนิดก็แบ่งเท่ากัน เจ้าว่าอย่างไร”
ตาของอันหลินลุกวาว ของของทีน่าก็คือของของเขา ข้อเสนอนี้ไม่เลวเอาเสียเลย
“ฆ่าชิงทรัพย์กับการบำเพ็ญเซียนเป็นเรื่องสนุก การเชื้อเชิญสร้างกลุ่มของเจ้าข้ารับไว้ ต่อไปพวกเราก็เป็นคนกลุ่มเดียวกันแล้ว!” อันหลินพูดยิ้มๆ
หลิวฉู่ฉู่ได้ฟังก็โล่งใจไปที ยื่นมือขาวปลอดออกไปอย่างยิ้มแย้ม
อันหลินยื่นมือออกไปแปะมือกับนางอย่างรู้กัน
ทีน่าไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน กำลังเล่นกระบี่หทัยบงกชในมือด้วยความดีอกดีใจ
อันหลินคิดๆ แล้วก็โยนคู่มือฝึกภาษาบรรพกาลให้ทีน่าเล่มหนึ่ง มันเป็นตำราเรียนรู้ที่ทำขึ้นเพื่อให้เผ่าอนารยชนฝึกฝนภาษาบรรพกาลโดยเฉพาะตอนที่หมาป่าดาบขาวฝึกภาษาบรรพกาลกับต้า ไป๋
สองมือของทีน่าชูตำราที่ใหญ่กว่านางหลายสิบเท่าด้วยใบหน้างุนงง “ยักษ์อันหลิน นี่…เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“อืม เวลาเบื่อก็อ่านให้มาก ต่อไปคนที่เจ้าพบเจอล้วนจะพูดแต่ภาษาบรรพกาล ถ้าไม่อยากกลายเป็นคนด้อยปัญญาก็ตั้งใจศึกษาตำราเล่มนี้ให้ถ่องแท้!” อันหลินอธิบายอย่างอ่อนโยน
ทีน่า “…”
ด้วยบารมีของยักษ์อันหลิน ทีน่าทำได้เพียงพลิกตำราอย่างระมัดระวัง ด้านบนมีทั้งตัวอักษรที่คุ้นเคยและแปลกหน้า และการออกเสียง คำอธิบายความหมาย
ทีน่าเริ่มอ่านออกเสียงตามด้านบน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการศึกษาภาษาพูดบรรพกาลให้คล่องแคล่ว
อันหลินเห็นทีน่าที่ตั้งใจเล่าเรียน ในใจก็ปลาบปลื้มขึ้นมาทันที
นึกถึงตอนนั้นที่เขาเห่าโฮ่งๆ แล้วรู้ภาษาบรรพกาล ตอนนี้เห็นคนอื่นทำได้เพียงตรากตรำร่ำเรียนจึงจะรู้ภาษาบรรพกาล ในใจก็มีปลื้มใจเพิ่มขึ้นมา
เพราะผลข้างเคียงจากพลังปราณอนธการยังไม่หมดสิ้น ทั้งสามจึงพักผ่อนอยู่กับที่
รูปร่างของหลิวฉู่ฉู่ค่อนข้างอรชร นั่งเอกเขนกอยู่บนก้อนหิน ขาสองข้างเรียวระหง สองมือแผ่แสงสีขาว เล่นคันธนูสีชมพูในมือของตนไม่หยุด
อันหลินไม่รู้สึกถึงคลื่นของอาวุธวิเศษและอาวุธเซียนจากคันธนูนั่นเลย แต่เป็นคลื่นพลังงานพิเศษที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน มันทำให้เขาถามถึงความเป็นมาของคันธนูด้วยความสงสัย
หลิวฉู่ฉู่ได้ฟังก็แย้มสรวล แถลงไขอย่างไม่ปิดบังว่า มันเป็นคันธนูที่นางสร้างขึ้นด้วยสายเลือดดั้งเดิมส่วนหนึ่ง แตกต่างกับอาวุธทั่วไป เป็นอาวุธสายเลือดชนิดหนึ่ง
อันหลินได้ฟังก็คิดว่าล้ำเลิศ
เพราะอาวุธสายเลือดเป็นอาวุธที่วิเศษอย่างยิ่ง เขาเคยเห็นอาวุธชนิดหนึ่งในตำราเท่านั้น
หากจะหลอมอาวุธประเภทนี้อันดับแรกสายเลือดจำต้องสุดยอดอย่างยิ่งก่อน แถมยังต้องสั่งสมเป็นเวลานานจึงจะก่อร่างได้
ข้อดีของมันคือสามารถหลอมรวมพลังสายเลือดกับอาวุธได้ในจำนวนที่มากที่สุด อานุภาพบรรลุขีดสูงสุด และสามารถใช้อาวุธได้ตามใจต้องการ ความคล่องแคล่วก็บรรลุขีดสูงสุด
ทว่าข้อเสียของมันก็ชัดเจนอย่างมากเช่นกันนั่นก็คือ อาวุธชิ้นนี้เชื่อมต่อกับสายเลือดของตน หากอาวุธได้รับความเสียหาย เช่นนั้นจะแว้งกัดสายเลือดของตน ถึงขั้นว่ามีความเสียหายที ไม่อาจกอบกู้ได้ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่อาวุธสายเลือดค่อนข้างหายาก เนื่องด้วยใครก็ไม่ต้องการให้สายเลือดของตัวเองเปิดเผยให้ผู้อื่นโจมตี
หลิวฉู่ฉู่ปล่อยพลังสกิลออกมาหมดเลยนี่นา! ไม่ใช่แค่ร่างกายอ่อนแอ แม้แต่อาวุธก็เปราะบางเหลือทน ถึงว่าอยากร่วมมือกับเขา…
สองชั่วยามต่อมา พลังของอันหลินก็ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ หลิวฉู่ฉู่ก็ปรับสภาพของตนให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน
“ไป ออกเดินทางกันเถอะ!” อันหลินกางแขนตะโกน
“ไป!” ทีน่าก็ร้องเสียงหวานตามไปด้วย
หลิวฉู่ฉู่มองทีน่าด้วยความตะลึงระคนสงสัย “เจ้าภูตน้อย เจ้าพูดได้แล้วหรือ”
ทีน่ามองหลิวฉู่ฉู่ด้วยความงุนงง “ลำบากเรียนมาตั้งสองชั่วยาม หากว่าแม้แต่พูดยังพูดไม่ได้ จะเรียกว่าภูตได้อย่างไร”
หลิวฉู่ฉู่ “…”
อันหลิน “…”
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความสามารถในการเรียนรู้ของภูตต่ำเกินไปหน่อยแล้ว ที่แท้ภาษาก็เรียนง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ
จู่ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมานิดหน่อย
[1] ADC คือ Attack Damage Carry หมายถึงตัวละครในเกมที่อาศัยการโจมตีระยะไกลเพื่อสร้างค่าเสียหาย
[2] แทงค์ คือตัวละครในเกมที่อึด ถึกและทน มีพลังชีวิตสูง ทำหน้าที่ป้องกัน