ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 492 ภารกิจล่าบนเขามังกรคด
อันหลิน ทีน่าและหลิวฉู่ฉู่เริ่มออกเดินทาง
ก่อนหน้านี้หลิวฉู่ฉู่พบตำแหน่งของหุบเหวกาฬเวท พิกัดที่ชัดเจนบนแผนที่
และเพราะหุบเหวแห่งนี้นี่เองที่กำหนดตำแหน่งของพวกเขาว่า ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแดนโบราณบรรพกาล
ตอนนี้พวกเขาเริ่มเหาะไปทางเหนือ ที่นั่นมีเขามังกรคดที่ความเป็นไปได้ที่ผลึกหินจะปรากฏนั้นสูงมาก
หลิวฉู่ฉู่ยืนอยู่บนก้อนอิฐสีดำของอันหลิน นัยน์ตาเป็นประกายประหนึ่งสามารถมองทะลุมิติเห็นทัศนียภาพอันไกลโพ้นได้ “เขามังกรคดเป็นคำเรียกขานเขตหนึ่งของแดนโบราณบรรพกาล ที่นั่น นมีสิ่งมีชีวิตเผ่ามังกรโบราณ ภายในร่างกายของพวกมันจะมีผลึกต้นกำเนิดดินแดนรวมตัวอยู่ในปริมาณพอสมควร สถานที่พิเศษในเขตอื่นๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะมีผลึกต้นกำเนิดถือกำเนิด และเนื่องด้วยที่แห่งนั้นมีผลึกต้นกำเนิดมหาศาล ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในสมรภูมิรบที่การต่อสู้ของแต่ละอิทธิพลดุเดือดที่สุด เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่งเลยละ”
“ไม่เสี่ยงก็ไม่ร่ำรวย” อันหลินกล่าว
“ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือ” ทีน่าพูดตาม สามารถพูดเป็นสำนวนได้แล้ว
“วางใจเถอะ ตอนนี้สภาพร่างกายของข้าสมบูรณ์พร้อม ไม่กลัวใครหน้าไหน” อันหลินพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจ
“อย่ามองว่าข้าตัวเล็ก ความสามารถของข้าไม่เล็กนะ” ภาษาบรรพกาลของทีน่าเริ่มพูดได้แม้แต่ร้อยกรองด้อยศิลป์แล้ว
หลิวฉู่ฉู่ “…”
หลิวฉู่ฉู่ฟังอันหลินกับทีน่าพูดกันคนละประโยคแล้วเบะปากเล็กน้อย
นางได้ยินข่าวลือของอันหลินมาไม่น้อย รู้สึกว่าออกจะแตกต่างจากที่จินตนาการนิดหน่อย
เหาะได้ไม่นาน แผ่นดินสีดำที่มียอดเขาตั้งตระหง่านก็ปรากฏตรงหน้าของทั้งสาม
ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีพืชเจริญเติบโตบนผืนพสุธา เพียงแต่ว่าพืชพรรณเหล่านี้ล้วนเป็นสีแดง แลดูค่อนข้างประหลาดบนผืนดินสีดำ
“พวกเจ้าสองคนคุ้มกันข้า ข้าจะไปดูรอบๆ หน่อยว่ามีศัตรูหรือไม่” หลิวฉู่ฉู่เหาะขึ้นไปบนยอดเขาของเขาลูกหนึ่ง กระโปรงสีชมพูพลิ้วไหวตามแรงลม ประหนึ่งดอกโบตั๋นสีสดงดงามดอกหนึ่ง ที่เบ่งบานบนยอดสิงขร
นัยน์ตาของนางฉายประกายวาบ ดวงตาสีเหลืองกลายเป็นเฉียบแหลมอย่างยิ่ง กวาดมองสภาพแวดล้อมรอบข้าง
อันหลินยืนระแวดระวังการเคลื่อนไหวรอบกายข้างๆ นาง
ขอบเขตการมองเห็นของเนตรคุนเผิงของหลิวฉู่ฉู่จำกัดเพียงสามสิบลี้ เป็นระยะทางที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะขอบเขตการรับรู้ของระดับแปลงจิตทั่วไปจะมีเพียงไม่กี่ลี้ แม้จะเป็นสุดยอดแป ปลงจิต ขอบเขตที่รับรู้ได้ก็ไม่เกินสิบลี้
สามารถพูดได้ว่าหากศัตรูมีเพียงหนึ่ง ถ้าหลิวฉู่ฉู่ตั้งใจโจมตีผู้ที่ไม่ทันตั้งตัวมันต้องแม่นยำอย่างแน่นอน
สิบห้านาทีต่อมา ร่างของหลิวฉู่ฉู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาที่เฉียบแหลมไม่แปรผันราวกับกำลังจดจ้องบริเวณหนึ่ง
อันหลินอดพูดไม่ได้ว่า “เป็นอย่างไรบ้าง พบอะไรหรือไม่”
หลิวฉู่ฉู่ไม่พูดอะไร แต่หยิบคันธนูออกมาแล้วค่อยๆ ง้างออกช้าๆ
ตอนนี้นางเป็นเหมือนเทพเจ้าผู้บงการชะตาของผู้อื่น สูงส่งเลือนรางและเปี่ยมด้วยจิตสังหาร
พลังปราณกระเพื่อม พลังงานรวมตัวเป็นศรสีชมพูดอกหนึ่ง คลื่นอันน่ากลัวกระจายตัวออกรอบทิศ
“วิชาเทวะ ศรปีศาจทลายมิติ!”
ฟิ้ว
ศรหลุดออกจากสายพร้อมกับพายุที่พัดกรรโชก
ศรดอกนั้นทะลุออกไปไกลโพ้นในพริบตา ทิ้งวงโคจรดุจหางสีชมพูกลางนภาไว้เป็นทางเท่านั้น สุดท้ายระเบิดแสงที่เจิดจ้าในที่แสนไกลซึ่งอันหลินเห็นไม่ชัดราวกับไข่มุกที่พร่างพราย
เมื่ออันหลินเห็นภาพนี้ก็อดใจระส่ำระสายไม่ได้
เขาเพิ่งเคยเห็นการล่าในระยะไกลอย่างยิ่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก ภาพนี้เท่สุดๆ ไปเลย!
“ไป ไปเก็บสมบัติกัน!”
หลิวฉู่ฉู่กระโดดขึ้นก้อนอิฐของอันหลินแล้วชี้ไปยังทิศทางนั้นด้วยนิ้วมือเรียวขาวอย่างยิ้มแย้ม
อันหลินพยักหน้า ก่อนจะขี่ก้อนอิฐเหาะไปยังตำแหน่งที่ระเบิด
ตำแหน่งระเบิดที่ไกลออกไปยี่สิบกว่าลี้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ร่างไร้ศีรษะอันโอฬารกลายเป็นถ่านดำ อันหลินมองร่างนี้แล้วสามารถวิเคราะห์ได้รางๆ ว่ามันมีขาที่กำยำมากสี่ขา เนื้อตั วเต็มไปด้วยหนานแหลม คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทอสูรที่ยิ่งใหญ่
“มันเป็นสัตว์ปราณของขุมนรกอสูรร้าย” หลิวฉู่ฉู่ย่างฝีเท้าอันเบาหวิวเดินไปหาร่างนั้น หยิบวงแหวนสีทองอร่ามขึ้นมา นั่นคงเป็นอุปกรณ์มิติที่ไว้เก็บสมบัติ
“เรียบร้อย! ฆ่าคนชิงทรัพย์เป็นอะไรที่ชอบที่สุดแล้ว!”
“ตื่นเต้นกว่าตามหาผลึกต้นกำเนิดเยอะเลย!” หลิวฉู่ฉู่กล่าว
อันหลินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาร่ำรวยจากการฆ่าคนชิงทรัพย์นี่แหละ อ้อ ขายซาลาเปาด้วย
เขาเบนสายตามองอสูรปราณด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เฮ้อ อสูรปราณระดับแปลงจิตกลับต้องมาตายโดยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แบบนี้ น่าสลดใจจริงๆ…”
“โลกก็แบบนี้แหละ กำปั้นเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถฝืนได้ ที่นี่เต็มไปด้วยศัตรูทุกแห่งหน หากไม่อยากถูกสังหารก็จำต้องชิงลงมือก่อน” ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มของหลิวฉู่ฉู่ออกอาการขอ องผู้ที่ผ่านโลกมาโชกโชน
อันหลินพยักหน้า เขาไม่ใช่คนที่คร่ำครึ ก่อนมาจักรพรรดิจื่อเวยเคยพูดแล้วว่า นอกจากเมืองพุทธ สวนเอเดน หอสร้างโลก วังมังกรทะเลบูรพา เทือกเขานภาเหนือและทะเลสาบหลิงหู สิ่งมี ชีวิตของอิทธิพลที่เหลือก็คือศัตรูของพวกเขา
หากคุณใจอ่อนปรานีศัตรู เช่นนั้นก็เท่ากับให้โอกาสพวกมันฆ่าคุณ
หลิวฉู่ฉู่เก็บอาวุธมิติชิ้นนี้แล้วพาอันหลินล่าเหยื่อต่อไป
เขามังกรคดมีผู้แข็งแกร่งดำรงชีพอยู่ไม่น้อยเลย ผ่านไปสามชั่วยาม หลิวฉู่ฉู่ใช้ธนูสังหารวิหคสองเศียรของแคว้นปีกแดนใต้กับผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตแห่งเผ่าปีกทมิฬ
อิทธิพลเหล่านี้ล้วนไม่ได้อยู่ในบัญชี อันหลินไม่ทำอะไรเลย คอยตะโกนสู้ๆ อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ได้สมบัติในแหวนมิติสองวงมา…
เขาค้นดูสมบัติที่อยู่ภายใน มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยห้าหินปราณ อาวุธวิเศษเจ็ดชิ้น ยาวิเศษสิบกว่าเม็ด รวมถึงผลึกต้นกำเนิดสีขาวยี่สิบก้อน สีเขียวสามก้อน
น่าเสียดายมากที่ไม่มีผลึกต้นกำเนิด
ในส่วนของทีน่าแน่นอนว่าอันหลินเป็นคนดูแลแทนนาง
เพราะนางตัวเล็กปานนั้น จำต้องมีผู้ใหญ่คนหนึ่งช่วยดูแลของดีเหล่านี้แทน
ทั้งสามจึงได้รับแหวนมิติของสามอิทธิพลทั้งที่ยังไม่เห็นผลึกต้นกำเนิดด้วยประการฉะนี้…
มันนับเป็นวิธีการก้าวหน้าที่ประหลาดอย่างหนึ่ง แต่ทั้งสามยังเริงร่ามากทีเดียว
ตามหาผลึกต้นกำเนิดอย่างยากลำบากงั้นเหรอ ไม่มีผลึกต้นกำเนิด ศัตรูช่วยหาให้พวกเขา พวกเขาเพียงแค่ปล้นศัตรูก็พอแล้ว สะดวกรวดเร็ว แถมยังมีความตื่นเต้นตอนเปิดสมบัติด้วย…
ADC ของเรายืนบนยอดเขาสูงอีกครั้ง นัยน์ตาเฉียบแหลมสอดส่ายมองสมรภูมิรบรอบกาย สุดท้ายเพ่งสายตาไปยังตำแหน่งหนึ่ง
อันหลินเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาว คิดในใจว่าในที่สุดก็มีเหยื่ออีกแล้ว
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้หลิวฉู่ฉู่จะไม่ได้ง้างธนู แต่ขมวดคิ้วมุ่นแทน
“เป็นอะไรไป” อันหลินถาม
“ทางนั้นมีแดนทะเลสาบขาว ข้าพบเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด แต่มีจำนวนทั้งหมดห้าตน…” หลิวฉู่ฉู่พูด
“ยิงพร้อมกันไม่ได้หรือ” อันหลินเอ่ยอย่างฉงนใจ
หลิวฉู่ฉู่กลอกตาแล้วบ่นว่า “ถ้ายิงพร้อมกันได้ ข้าจะเอาเจ้าไปทำไม”
“โดยปกติแล้ว วิชาเทวะ ศรพิฆาตมังกรคู่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับแปลงจิตขั้นปลายได้สองคนในเวลาเดียวกัน แต่พลังชีวิตของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดแข็งแกร่งนัก หากข้าต้องการสั งหารพวกมันจำต้องใช้ศรพิฆาตวิญญาณ สิ้นเปลืองพลังใจยิ่งนัก แถมฆ่าตนเดียวก็เต็มขีดจำกัดแล้ว” หลิวฉู่ฉู่พูด
อันหลินย่นคิ้วน้อยๆ อีกฝ่ายมีห้าตน
หลิวฉู่ฉู่ออกท่าครั้งเดียวก็สิ้นท่าแล้ว อย่างนั้นก็หมายความว่าเขากับทีน่าจำต้องรับมือกับผีดูดเลือดแปลงจิตสี่ตน แถมพวกนี้ยังไม่ใช่ผีดูดเลือดแปลงจิตทั่วไป แต่เป็นผู้โดดเ เด่นในหมู่แปลงจิต เช่นนั้นจะตกอยู่ในสงครามที่ลำบากแน่ๆ…
แต่จู่ๆ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เอ่ยถามว่า “เจ้ายิงศรห้าดอกแล้วโดนผีดูดเลือดห้าตนพร้อมกันได้ไหม”
“ได้สิ แต่อานุภาพทำให้พวกมันเหมือนโดนจักจี้เท่านั้น จะมีความหมายอะไร”
หลิวฉู่ฉู่กลอกตาใส่อันหลินอีกครั้ง
อันหลินหัวเราะร่า “เจ้าเคยได้ยินฉายาเจ้าแห่งพิษหรือไม่”