ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 497 กำลังเสริมจากหงโต้ว
ทีน่ายืนบนหัวไหล่ของอันหลิน จิกผมของเขาแล้วพูดอย่างหวาดกลัวว่า “มังกรตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่ น่ากลัวมากจริงๆ แม้แต่พลังแสงศักดิ์สิทธิ์ของข้าก็ถูกมันชิงไปแล้ว ว!”
“ฮือ…ไม่มีแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ข้าจะเป็นภูตได้อย่างไรอีก!”
ไม่นานทีน่าก็รู้สึกเศร้าจากภายใน ร้องไห้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
อันหลินถอนหายใจ “เจ้าช่วยสงบสติอารมณ์หน่อยได้ไหม คาถาเรียกสายฟ้าที่เป็นโปรแกรมโกงขั้นสูงของข้าก็ถูกมังกรปีศาจชิงไปเหมือนกัน เจ้าเห็นข้าบ่นหรือไม่”
ขณะที่พูด มังกรพันเนตรมินิสี่สิบกว่าตัวก็เริ่มมีแสงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุม พลังที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าแผ่ออกจากร่างกายของพวกมัน
อันหลิน “…”
“ยังจะสู้หรือไม่” หลิวฉู่ฉู่ที่อยู่ห่างไกลส่งกระแสจิตมา
“สู้! วิชาคาถาของพวกเราถูกช่วงชิงแล้ว จะปล่อยให้มังกรพวกนี้เอาเปรียบไม่ได้!” อันหลินกัดฟันพูด
หลิวฉู่ฉู่ “เข้าใจแล้ว”
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ที่โง่เขลาได้รับคำสั่งจากอันหลินเก็บดาบเลเซอร์ ใช้ไฟโจมตีแทน
มังกรพันเนตรหมายเลขสามที่ชิงคาถาเรียกสายฟ้าของอันหลินไปถูกอัสนีห้อมล้อม ปรากฏกายอยู่ด้านหน้าสุดของมังกรพันเนตรสี่สิบกว่าตัวประหนึ่งแม่ทัพที่นำทัพทหารออกรบ
เสียดายที่ยุทธศาสตร์จับโจกเอาหัวโจก[1]ไม่สามารถใช้ได้ที่นี่ หมายเลขสามตัวหนึ่งล้มลง จะมีตัวแสดงแทนนับพันนับหมื่นพุ่งเข้ามา สิ่งที่อันหลินทำได้ก็คือเผาพวกมันให้เหี้ยน!
ในตอนนั้นเอง มังกรพันตาหมายเลขสามก็โน้มตัวลงเล็กน้อย ดวงตาบนร่างกายที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้เปิดขึ้นทั้งหมด ดวงตาสีเลือดฉูดฉาดยิ่งขึ้นคล้ายว่าแปรสภาพบางอย่างสำเร็จแล้ว
เปรี๊ยะ…
อัสนีที่รายล้อมมังกรพันเนตรหมายเลขสามกลายเป็นสายฟ้าสีแดงฉานที่แผ่อานุภาพอันน่ากลัวยิ่งกว่า
รูม่านตาของอันหลินหดตัว “วิวัฒนาการแล้วหรือ”
เขารู้ว่าสายฟ้าสีน้ำเงินเหล่านั้นเกิดจากการดัดแปลงคาถาเรียกสายฟ้าของเขา แต่สายฟ้าสีแดงที่อานุภาพน่ากลัวกว่าเดิมแบบนี้กลับแฝงด้วยพลังของมังกรพันเนตร ถูกพัฒนาให้ยิ่งใหญ่ม มากขึ้น…
อันหลินอดเบนสายตามองมังกรพันเนตรมินิสี่สิบกว่าตัวไม่ได้ ดวงตาบนผิวหนังของพวกมันหลับสนิทเพราะดูดซึมพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ของทีน่า และหมายความว่าเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง พ พวกมันจะสุดยอดกว่าเดิมงั้นเหรอ
“รอไม่ได้อีกแล้ว เราลุยพร้อมกันเลย!”
อันหลินกำประคำเพลิงเก้าสวรรค์แล้วพุ่งออกไปหามังกรพันเนตรมินิหลายสิบตัวก่อน
มังกรพันเนตรหมายเลขสามกำอัสนีสีแดงสามจั้งจะแทงอันหลินทันใด!
อันหลินใช้คาถาเรียกสายฟ้าด้วยความเคยชิน จากนั้นก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าตนไม่มีความสามารถนั้นแล้ว
เขารีบเบี่ยงตัวหลบ แต่ความเร็วของสายฟ้าหาใช่สิ่งที่หลบหลีกได้ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อเขาได้สติก็สายไปเสียแล้ว อัสนีสีแดงทะลวงหัวไหล่ของเขาในพริบตา
ความรู้สึกฉีกขาดที่เหน็บชาเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด
ความรู้สึกแบบนี้มัน…พิลึกจังเลย!
ไม่ได้ถูกสายฟ้าที่ป่าเถื่อนขนาดนี้ฟาดมานานมากแล้ว ความรู้สึกเจ็บแบบนี้ทำให้จิตใจของเขาระส่ำระสายเล็กน้อย
และในตอนนั้นเอง มังกรพันเนตรมินิสี่สิบกว่าตัวสาดแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสว อ้าปากกว้าง พลังงานที่น่ากลัวกำลังก่อตัว
ตูมๆ ๆ
ปากของมังกรปีศาจพ่นปืนใหญ่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงด้วยพลังงานอันน่าสะพรึงใส่พวกอันหลิน
ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ทุกลูกที่ปล่อยออกมาเทียบเท่าการโจมตีสุดกำลังของนักพรตแปลงจิตขั้นกลาง ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์มากมายปานนี้ อานุภาพที่พลิกภูเขาถมทะเลทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก!
อันหลินใช้ก้อนอิฐสีดำขยายใหญ่ขวางด้านหน้าอย่างไม่ลังเล ทีน่าเองก็ตกใจจนไปหลบซ่อนอยู่ข้างหลังเขา
จากนั้นการระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรงท่วมท้นอาณาเขตรัศมีพันเมตร ต๋าอีต๋าเอ้อร์ที่น่าสงสารหลบไม่ทัน ถูกเพลิงระเบิดเอ่อท่วม
“ยักษ์อันหลิน พวกมันแข็งแกร่งมากเหลือเกิน พวกเราเข้าใกล้พวกมันไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทีน่ายืนอยู่บนไหล่ของอันหลิน ใบหน้าเปี่ยมด้วยความกริ่งเกรง
ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ดุเดือดดุจว่าไม่มีทางหยุดยั้ง โจมตีก้อนอิฐไม่หยุด ทุกครั้งที่โจมตีร่างของอันหลินจะถูกแรงมหาศาลจากก้อนอิฐดันให้ถอยหลัง
อันหลินเองก็ตกใจกับพลังของมังกรพันเนตรเช่นเดียวกัน มันแข็งแกร่งจนเหนือคำบรรยาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะฟื้นฟู จะต้องใช้พลังปราณอนธการระเบิดร่างกายสู้กับพวกมันอีกแล้วหรือ
ชั่วขณะที่อันหลินกำลังลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะสบายอารมณ์ดังขึ้นบนนภา
“ฮ่าๆ ๆ ๆ…อันหลิน เจ้าก็ยังไร้ประโยชน์เช่นเดิม ให้หงโต้วคนนี้มาช่วยเจ้าเอง!”
ร่างที่กำยำย่ำเมฆเพลิงเหาะมาด้วยอานุภาพอันน่าตะลึง
อันหลินมองมนุษย์หินตนนั้นแล้วอ้าปากกว้าง
คนในใจของข้าเป็นวีรบุรุษเย้ยปฐพี จะมีสักวันที่เขาขี่เมฆเจ็ดสีลอยมา…
ร่างหินที่แข็งแกร่งของหงโต้วมีเปลวไฟสีแดงลุกโชน มองดูแล้วทรงพลังอย่างยิ่ง พุ่งออกไปหามังกรหมายเลขสามโดยตรง “หลิงอิ่ง ตัวเล็กหลายสิบตัวนั่นฝากเจ้าด้วยละ!”
“สบายมาก!”
แมงกะพรุนกึ่งโปร่งแสงตัวหนึ่งประดุจสายลมอ่อน มองดูแล้วเชื่องช้า แท้จริงแล้วมาถึงด้านบนของมังกรพันเนตรมินิหลายสิบตัวอย่างรวดเร็ว หนวดแผ่ออกราวกับใยแมงมุม ปกคลุมอาณาเขตในรัศมี หนึ่งพันกว่าเมตร ครอบคลุมมังกรพันเนตรมิติทั้งหมดไว้
“นรกอัสนีเมฆเทวะ!”
อัสนีสีขาวปะทุออกจากหนวดแมงกะพรุนกลายเป็นงูสีเงินนับหมื่นพันแตกกระเจิง ก่อตัวเป็นนรกอัสนีที่น่ากลัวเป็นล้นพ้นห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่อยู่เบื้องล่าง!
“ฮ่าๆ ๆ เจ้าจิ๋วตายเสียเถอะ! ข้าจะสอนพวกเจ้าให้ได้ดีเอง!”
หงโต้วย่ำเมฆเพลิงพุ่งไปข้างหน้าของมังกรหมายเลขสาม กำปั้นกระแทกมังกรหมายเลขสามพร้อมกับพละกำลังมหาศาล!
ตูม คลื่นโจมตีม้วนตัวออกไปหลายร้อยเมตร
ร่างของมังกรหมายเลขสามถูกหงโต้วกระแทกจนเกิดเป็นหลุมยุบตัว พลังที่น่ากลัวทำให้มันหล่นร่วงสู่พสุธาประหนึ่งขีปนาวุธ
“ฮ่าๆ ๆ…หมัดของท่านโต้วเป็นอย่างไรบ้าง จะให้เจ้ากินจนหนำใจในครั้งเดียว!” หงโต้วหัวเราะร่า หมัดเปลวไฟสีแดงรัวใส่มังกรหลายเลขสามที่อยู่บนพื้นไม่หยุด เปลวไฟม้วนตัวทั่วแผ่ นดิน กระแทกจนผิวดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ แมงกะพรุนก็ส่งเสียงแผดร้อง
“หลิงอิ่ง เจ้าเป็นอะไรไป” หงโต้วมองแมงกะพรุนด้วยความวิตกกังวล
เห็นเพียงอัสนีขาวนับหมื่นพันหันเหทิศทางฟาดใส่แมงกะพรุนที่อยู่กลางเวหา!
เปรี้ยง…
แมงกะพรุนถูกสายฟ้าของตนฟาดจนมึนงง หนีหัวซุกหัวซุนไปไกลสุดชีวิต
อันหลินเห็นดังนั้นมุมปากก็กระตุกเล็กน้อย นี่คงจะเป็นผลพวงจากคาถาเรียกสายฟ้าของเขา
ในตอนนั้นเอง มังกรหมายเลขสามก็ฉวยโอกาสพุ่งมาอยู่ตรงหน้าหงโต้ว ชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาที นัยน์ตาดำขลับของมันก็ปล่อยคลื่นประหลาดออกมาทันที
“ช่วงชิง!”
หงโต้วรู้สึกได้ว่าเหมือนตนสูญเสียอะไรไปในเสี้ยววินาทีนี้
มันหวาดหวั่นในใจ ปล่อยหมัดใส่มังกรหมายเลขสามอย่างไม่ลังเล
คล้ายว่ามังกรหมายเลขสามจะคาดการณ์ไว้แล้ว ร่างกายกลายเป็นภาพลวงตาสีขาวถอยหลังไป ดวงตาที่แน่นขนัดทั่วร่างกายปิดลงดุจกำลังย่อยอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกันเปลวไฟสีแดงก็ปกคลุมร่างกาย ย คลื่นความร้อนที่น่าพรั่นพรึงลุกลามไปทั่ว น่ากลัวยิ่งนัก
หงโต้วเบิกตากว้างมองมังกรหมายเลขสาม พลังที่คุ้นเคยแบบนี้ พลังที่น่าภาคภูมิใจที่สุด…
มันมองหน้าอกของตนแวบหนึ่ง ตรงนั้นหม่นหมองไร้แสงราวกับเศษหิน…
“พลัง…พลังเพลิงชีวิตของข้าหายไปแล้ว…”
หงโต้วอ้าปากกว้าง ดวงตาเหม่อลอยดั่งก้อนหินที่สูญเสียความฝันและความเชื่อไป
ปึก
ไม่รู้ว่ามังกรหมายเลขสามใช้กรงเล็บมังกรสีขาวโจมตีร่างของหงโต้วตั้งแต่เมื่อใด พลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งโจมตีหงโต้วจนตกพื้นในพริบตา
จากนั้นกรงเล็บของมันก็กลายเป็นกำปั้น ปล่อยหมัดเปลวไฟสีแดงนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกมารัวใส่หงโต้วที่ตกลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง เพลิงลุกลามไปทั่วแผ่นดิน กระแทกจนผิวดินสั่นไหวไม ม่หยุดดังเช่นที่หงโต้วเคยทำกับมัน…
หงโต้วนอนแผ่บนพื้น ถูกชกจนหมดซึ่งความต้องการจะตอบโต้อย่างสิ้นเชิง
แม้แต่พลังที่มันภาคภูมิใจที่สุดก็สูญสิ้นแล้ว จะตอบโต้ไปอีกทำไม สู้เป็นหินไร้ประโยชน์เสียยังดีกว่า…
[1] จับโจรเอาหัวโจก เป็นกลยุทธ์ที่บุกเข้าโจมตีศัตรูในจุดที่เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพ เพื่อสลายกองกำลังให้แตกกระจาย