ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 500 หงโต้วไม่ด้อยกว่าใคร
บนเขาสูงแห่งหนึ่งของแดนทะเลสาบขาว เงาดำสองเงากำลังเคลื่อนไหว
พวกมันมีดวงตาแดงฉาน บนหัวมีเขาแหลมสีดำ พลังปราณทรงพลังมหาศาล เป็นผู้แข็งแกร่งปีศาจแห่งอาณาจักรปีศาจ
“จงหลี่หาง เจ้าคิดอย่างไร พวกเราจะตามไปไหม” ปีศาจสาวที่มีรูปร่างอิ่มเอิบสวมชุดซีทรูสีดำ เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวหยวกกระซิบถามร่างที่อยู่ข้างกาย
ร่างนั้นเป็นปีศาจหนุ่มที่ค่อนข้างกำยำ เมื่อได้ฟังก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “อสูรพิทักษ์แดนพิศวงยิ่งใหญ่ปานนี้ แดนพิศวงที่อยู่ก้นทะเลสาบไม่ธรรมดาแน่นอน ต้องเป็นโชคชั้นใหญ่แน่ๆ ๆ โอกาสแบบนี้พวกเราจะปล่อยไปไม่ได้”
“แต่ตอนนี้มีแค่พวกเราสองคน…” ใบหน้าของปีศาจสาวมีความลังเล
การต่อสู้ก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน พวกเขามาเพราะได้ยินเสียง จากนั้นดักซุ่มที่นี่
และเพราะเหตุนี้เอง พวกเขาก็ได้เห็นความสามารถของคนพวกนั้นประจักษ์แก่ตา ยิ่งใหญ่ปานใด แม้นางกับจงหลี่หางจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแปลงจิต หากเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นจริง ไม่สามารถพูดได้เลยว่าจะชนะแน่นอน
จงหลี่หางยกยิ้มมุมปากน้อยๆ “คงเกอ ใครว่าพวกเราจะปะทะกับพวกเขาซึ่งหน้า เป้าหมายของพวกเราคือขุมทรัพย์ในแดนพิศวง แดนพิศวงใต้ทะเลสาบไม่เล็กแน่ๆ พวกเราขุดสักก้อนแล้วรีบหนี …อย่างไรเสียพวกเราก็มีของสิ่งนั้นอยู่ ต่อให้เจอพวกเขา ถ้าสู้ไม่ไหวก็หนีได้”
คงเกอได้ยินก็พยักหน้าน้อยๆ โชคอยู่ที่พิชิตมา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต หากไม่คว้าโอกาสสักหน่อย มันจะเกินไปหน่อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้ปีศาจทั้งสองจึงกลายร่างเป็นหมอกดำ เริ่มพุ่งไปยังก้นของใจกลางทะเลสาบขาว…
อันหลินทะลุเข้าไปในกระแสน้ำวนใต้ก้นทะเลสาบ พลันก็เกิดมิติปรวนแปรอย่างรุนแรงขึ้นมา
จากนั้นก็มีแสงสีขาวเข้าสู่คลองจักษุ เขามองแดนพิศวงแห่งนี้แล้วพบว่ามันเป็นห้องหินขนาดใหญ่ที่มีความกว้างสิบจั้ง ผนังมีไข่มุกราตรีขนาดเท่าลูกบอลฝังอยู่สี่เม็ดกำลังเปล่งแสง อันละมุน ส่องให้ทั้งห้องสว่างไสว
หลิวฉู่ฉู่ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบกระบี่อันแหลมคมออกจากแหวนมิติแล้วเริ่มแงะไข่มุกราตรี
“ไข่มุกราตรีที่งดงามเหล่านี้เป็นของข้าทั้งหมด พวกเจ้าห้ามแย่งกับเด็กผู้หญิงเด็ดขาด!” นางแงะไปด้วยพลางเตือนทุกคน
ทุกคนต่างก็มองหลิวฉู่ฉู่อย่างระอาใจ แม้แต่โคมไฟของแดนพิศวงก็จะชิง ข้นแค้นจนเสียสติไปแล้วหรือไง!
อันหลินถอนหายใจ ไข่มุกราตรีที่ใหญ่ขนาดนี้ค่อนข้างหายากก็จริง ทว่าคนที่เข้าแดนพิศวงแล้วแม้แต่ไข่มุกราตรีก็ไม่ปล่อยผ่านนั้นหายากยิ่งกว่า!
อย่างน้อยแดนพิศวงก็ต้องมีเกียรติไหมเล่า!
ไม่ให้เกียรติแดนพิศวง ไม่กลัวว่ามันจะแอบเพิ่มความยากให้พวกเราหรือไง
จะโทษว่าอันหลินคิดมากไม่ได้ เพราะเขาเคยผ่านการผจญภัยในโบราณสถานจื่อซิงกับสุสานเซียนสวรรค์โส่วหยางแล้ว รู้ดีว่าการให้เกียรติโบราณสถานสำคัญขนาดไหน...
ไม่ว่าอย่างไรหลิวฉู่ฉู่ก็แงะไข่มุกราตรีทั้งสี่ในห้องหินออกมาแล้วจริงๆ จากนั้นเก็บเข้าไปในแหวนมิติอย่างชื่นอุรา แล้วห้องหินก็เริ่มมืดมิด
หงโต้วทำให้เปลวไฟสีแดงตรงหน้าอกเจิดจ้ายิ่งขึ้นอย่างเหลืออด ใช้มันมาส่องสว่างรอบกาย
“เรียบร้อย! เราไปต่อกันเถอะ!”
ใบหน้าขาวปลอดจิ้มลิ้มของหลิวฉู่ฉู่เผยรอยยิ้มที่น่ารัก พูดกับทุกคนอย่างยิ้มแย้ม
ภายในห้องหินมีทางเดินคล้ายว่าจะเชื่อมต่อไปยังอีกดินแดนหนึ่ง ทางเดินนี้กว้างและยาวมาก ทุกคนเดินไม่เร็วเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เดินไปได้สักระยะหนึ่ง พวกเขาก็เห็นปลายทางของทางเดิน ตรงนั้นมีม่านแสงที่มีริ้วคลื่นสีน้ำเงินกระเพื่อมอยู่
ด้านบนสุดของม่านแสงมีก้อนหินสีดำสนิทก้อนหนึ่งสลักอักษรขนาดใหญ่ไว้
“เอ๊ะ…ข้างบนเขียนไว้ว่าอะไร” หลิวฉู่ฉู่มองตัวอักษรด้านบนด้วยความงุนงง ตัวหนังสือเหล่านี้แปลกตาอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเวิ้งว้างไกลโพ้น
“หลุมหลบภัยหุบมังกรแผ่นดิน...” อันหลินกับทีน่าเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็เห็นสีหน้าแปลกใจของอีกฝ่าย
“ด้านบนสลักตัวอักษรอนารยะโบราณน่ะ” อันหลินชี้แจง
หลิวฉู่ฉู่ หงโต้วกับหลิงอิ่งกระจ่างใจ แต่สีหน้ากลับพิลึกขึ้นมา
“สรุปก็คือสิ่งที่สัตว์ที่น่ากลัวตัวนั้นพิทักษ์ไม่ใช่ขุมทรัพย์ แต่เป็นหลุมหลบภัยงั้นหรือ” หงโต้วพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“แผ่นดินที่พังทลายแห่งนี้ยังมีสัตว์ที่ปกติอยู่หรือเปล่า” หลิงอิ่งพูดด้วยความตกใจ
“จะไม่มีได้อย่างไร! ข้านี่แหละสิ่งมีชีวิตที่ปกติ!” ทีน่าชูหมัดแล้วเอ่ยอย่างโมโห
“อะไรนะ! เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตในแดนโบราณบรรพกาลแห่งนี้หรือ!” หงโต้วสะดุ้งโหยง
หนวดของหลิงอิ่งก็กระดิกด้วยความตื่นเต้น “ข้านึกว่าเจ้ามาจากแผ่นดินบรรพกาลตลอดเลย ที่แท้เจ้าก็เป็นภูตในแดนโบราณบรรพกาลนี่เองหรือ เจ้ามาจากแห่งหนใด”
“ไม่บอกเจ้าหรอก!” ทีน่ารู้สึกว่าตนถูกดูหมิ่น จึงเบะปากแล้วหลบเข้าไปในหูของอันหลิน
“เอาละ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ เราเข้าไปดูกันก่อนเถอะ” อันหลินเห็นดังนั้นก็เอ่ยแนะนำ
หลุมหลบภัยแห่งนี้เข้าใจได้ง่ายมาก เมื่อโลกใบนี้ไม่เหมาะแก่การดำรงชีพอีกต่อไป ยอดฝีมือบางส่วนจะเริ่มบุกเบิกมิติใหม่เพื่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น บัดนี้แดนโบราณบรรพ พกาลทรุดโทรมอย่างต่อเนื่อง หมายความว่าในหลุมหลบภัยหุบมังกรแผ่นดิน เป็นไปได้สูงว่าจะพบกับสิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่นของแดนโบราณบรรพกาล
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทุกคนต่างก็ระแวดระวังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หากมีสิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่นจริง พวกเขาก็คือชาวต่างแดน สำหรับพวกเขาแล้วข้างในอาจจะอันตรายยิ่งขึ้นก็ได้…
“หงโต้ว เจ้าดูค่อนข้างกำยำ เจ้าเข้าไปก่อน” อันหลินเสนอแนะ
เปลวไฟตรงหน้าอกหงโต้วลุกโชน พูดอย่างไม่พอใจทันทีว่า “อย่าคิดจะหลอกข้า! อันหลิน! เจ้าแข็งแกร่งที่สุด เจ้าต้องเข้าไปก่อนจึงจะถูก!”
“เหอะๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรู้จักเจียมตัวอยู่เหมือนกัน รู้ว่าความสามารถสู้ข้าไม่ได้…” อันหลินยิ้ม
“ชิ อย่าคิดจะยั่วโมโหข้า ข้าไม่มีทางตกหลุมพรางหรอก! ข้ายอมรับว่าความสามารถของข้าด้อยกว่าเจ้านิดหน่อยแล้วอย่างไร” หงโต้วทำเสียงฮึดฮัด
ทีน่าฟังดังนั้นก็ทนดูต่อไปไม่ได้ ตวาดว่า “นิดหน่อยงั้นหรือ เจ้าหน้าไม่อายหรือ ทั้งๆ ที่ด้อยกว่าเป็นอักโขแท้ๆ! ไม่ใช่แค่ด้อย แต่ยังขี้ขลาดอีก เสียดายที่ตัวใหญ่ปานนี้ ไม่กล ล้ายอมรับด้วยซ้ำว่าตัวเองกำยำ ไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย!”
ภาษาบรรพกาลของทีน่าคล่องขึ้นเรื่อยๆ แถมยังพูดจาจี้ใจดำอีกด้วย ไม่สิ จี้ใจหินต่างหาก เล่นเอาหงโต้วเริ่มสับสนในชีวิตแล้ว
หงโต้วถูกตอกจนงงเป็นไก่ตาแตก ซ้ำยังถูกภูตสาวตัวจิ๋วรังเกียจ ความเจ็บปวดเช่นนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี เป็นการจี้ใจดำ ทำให้มันค่อนข้างสับสน
หรือมันจะ…ไม่มีประโยชน์จริงๆ
มันหวนคิดถึงตอนที่ต่อสู้กับมังกรพันเนตร ไม่แข็งแกร่งกลับยังถูกเล่นงาน สุดท้ายยังต้องให้อันหลินมาช่วยอีก
ตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตูแดนพิศวง กลับไม่กล้าเข้าไปก่อนอีก...
มันมาที่นี่เพื่อเป็นตัวประกอบจริงๆ หรือ
ไม่! หงโต้วผู้นี้ไม่เคยด้อยกว่าใคร!
หลังหงโต้วผ่านการต่อสู้ทางความคิดอันดุเดือดมาแล้ว สุดท้ายก็เกิดการพัฒนา เปลวไฟตรงหน้าอกลุกโชนขึ้นมา
“หึ! เหล่าพวกขี้ขลาด ตอนนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นผู้กล้าที่แท้จริงเป็นอย่างไร! ตามหลังท่านโต้วมา!” หงโต้วกัดฟันก้าวไปข้างหน้าแล้วข้ามม่านแสงสีน้ำเงินไปก่อน
พวกเจ้าชื่นชมแผ่นหลังของข้าเถอะ ดูสิว่าแผ่นหลังของข้ายิ่งใหญ่น่าเชื่อถือมากแค่ไหน!
หงโต้วเดินเหมือนผู้กล้าคนหนึ่งจริงๆ ทำให้สมาชิกที่เหลือในทางเดินเคารพนับถือ
“ทำได้ดี!” อันหลินส่งกระแสจิตชื่นชม
“เรื่องเล็กน้อย” ทีน่าตอบอย่างกระหยิ่มใจ
หนึ่งนาทีต่อมา หลิงอิ่งก็สัมผัสยันต์พลังชีวิต “หงโต้วยังมีชีวิตอยู่ ข้างในน่าจะไม่มีอันตราย พวกเราเข้าไปกันได้แล้ว”
ทุกคนได้ฟังก็โล่งอกไปที เริ่มก้าวเข้าไปในประตูของแดนพิศวง