ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 503 ไหวพริบอันล้ำเลิศของทีน่า
หลิวฉู่ฉู่สังเกตเห็นทีน่าก่อนเป็นคนแรก แต่นางรักษาความเงียบขรึมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจโครงกระดูกตนอื่นสังเกตเห็นความผิดปกติ
อันหลินที่โดนฝูงปีศาจโครงกระดูกมนุษย์รุมเตะต่อย ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นทีน่ากำลังวิ่งไปเบื้องหน้าอย่างสุดพลัง ตัวนางเล็กมากขนาดนั้น แต่กลับดูสุกใสเป็นประกายจับตา
สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ความสุขที่เกิดขึ้นฉับพลัน
ร่างกายของอันหลินสั่นเทิ่มไปทั่วทั้งกายา ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล! จนอยากกดไลค์ให้ทีน่าอยู่ในใจเป็นหมื่นไลค์!
ลุย ทีน่า! คว้าความรุ่งโรจน์ของพวกเรามาให้ได้!
เก็บผลึกหินต้นกำเนิดที่มีมาให้หมด! เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว หึๆๆ…ของของทีน่าก็คือของของเขาไง
อันหลินมองหมัดที่เหวี่ยงเข้ามาตรงหน้าเขาไม่หยุด เขาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ในเวลานี้แม้แต่หมัดของปีศาจโครงกระดูกก็ยังแสนอ่อนโยน...
ทีน่ามุ่งตรงไปถึงบริเวณที่มีผลึกหินต้นกำเนิดปกคลุมอย่างหนาแน่น นางมองผลึกหินต้นกำเนิดที่งดงามเต็มไปหมด จนอดเหม่อลอยชั่วครู่ไม่ได้ แต่ก็รีบตั้งสติทันใด และวิ่งไปยังผลึกหิ นต้นกำเนิดสีทอง!
นางไม่ลืมคำพูดที่อันหลินเคยบอก เก็บผลึกหินต้นกำเนิดสีทองสามก้อนก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เวลาผ่านไปนานแสนนาน ผ่านช่วงเวลาในการวิ่งล่อห้อตะบึงอันยาวนาน ในที่สุดนางก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผลึกหินต้นกำเนิดสีทองสามก้อนแล้ว มองผลึกหินต้นกำเนิดที่ตั้งสูงตระหง่าน ใบหน้าเ เปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
“ยักษ์อันหลิน ข้าทำได้แล้ว…หอวิญญาณมหาปราชญ์สามหอนี้เป็นของพวกเราแล้ว!”
นางหยิบถุงห้วงมิติของนางออกมา คิดจะนำผลึกหินต้นกำเนิดสีทองใส่ไว้ในห้วงมิติอาวุธวิเศษ
แต่วินาทีต่อมา ทีน่ามามองผลึกหินต้นกำเนิดที่เจริญเติบโตสูงตระหง่านนั้น แล้วนางก็จมดิ่งสู่ความนิ่งเงียบอันยาวนาน
นางพบกับเรื่องที่แสนโหดร้ายเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือ คล้ายว่าในตอนนี้นางมิอาจปลุกพลังชีวิตได้ หมดหนทางที่จะใช้พลัง…
ผลึกหินต้นกำเนิดขนาดใหญ่โตมหึมาขนาดนี้ นางเคลื่อนย้ายไม่ไหว!
ทีน่ามองผลึกหินต้นกำเนิดสีทองที่สูงกว่าตัวนางหลายเท่า นางไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีชั่วขณะ
นางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไป โอบกอดผลึกหินต้นกำเนิดนั้นเอาไว้แน่น พยายามจะอุ้มขึ้นมา
ทันทีหลังจากนั้นนางก็พบว่าพละกำลังของนางอ่อนแอเกินไปจริงๆ ผลึกหินต้นกำเนิดที่ทั้งหนาและใหญ่โตขนาดนี้ นางอุ้มไม่ไหวจริงๆ…
อันหลินเองก็สังเกตเห็นปัญหานี้ อารมณ์ความรู้สึกภายในใจจมดิ่งถึงขีดสุดในฉับพลัน
เขาเหม่อมองทีน่าที่กำลังอับจนหนทาง อารมณ์โศกเศร้าและสิ้นหวังลุกลามปกคลุมไปทั่วทั้งหัวใจ ชั่วขณะนี้แม้แต่หมัดที่อ่อนแอของปีศาจโครงกระดูกก็ยังสร้างความเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้
ทีน่าไม่ยอกแพ้ นางเดินเลียบผลึกหินต้นกำเนิด แล้วปีนป่ายขึ้นไปอย่างช้าๆ เพราะนางพบว่าพื้นผิวของผลึกหินต้นกำเนิดค่อนข้างเหนียวหนึบ สามารถอาศัยความเหนียวนี้ในการยึดเกาะเพื่ อปีนป่ายขึ้นไปได้
หลังจากที่ปีนขึ้นไปถึงยอดสูงสุดของผลึกหินต้นกำเนิดแล้ว นางเปิดถุงห้วงมิติของนาง เอาปากถุงห้วงมิติครอบยอดสูงสุดของผลึกหินต้นกำเนิด
ครืด!
ถุงห้วงมิติเป็นเหมือนหลุมดำ ดูดกลืนผลึกหินต้นกำเนิดอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่นานก็กลืนผลึกหินต้นกำเนิดลงไปได้สำเร็จ
ฟุ่บ! อันหลินจับตาดูการเคลื่อนไหวของทีน่าตลอด เมื่อได้เห็นฉากนี้เข้า เขาเกือบจะกู่ร้องเสียงดังด้วยออกมาความตื่นเต้นดีใจ แต่สุดท้ายเขาก็อดกลั้นเอาไว้ ใบหน้าอาบเอิ่มไปด้วย ยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
หมัดของปีศาจโครงกระดูกที่กระหน่ำชกร่างกายเขากลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง
เป็นเพราะความฉลาดปราดเปรื่องไหวพริบดีและความไม่ยอมแพ้ของทีน่า เขาเกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจได้สำเร็จ และรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจไม่สิ้นสุด
ผ่านไปอีกไม่กี่สิบนาที ผลึกหินต้นกำเนิดทั้งสามก้อนก็อยู่ในถุงห้วงมิติของทีน่าแล้ว
ลำดับต่อไปเป็นช่วงเวลาแสดงความสามารถอย่างอิสระของทีน่าแล้ว ทีน่ายึดจากบริเวณที่ใกล้ที่สุดเป็นจุดเริ่ม โดยเริ่มจากรอบๆ เขตผลึกหินต้นกำเนิดสีทองก่อน แล้วจึงค่อยๆ ขยายวงกว้ างไปบริเวณอื่นโดยรอบ ตามเก็บผลึกหินต้นกำเนิดไปตลอดทาง!
กว่าหงโต้วจะใช้มือทั้งสองข้างดันร่างกายใหญ่ยักษ์ของของตนเองให้ลุกขึ้นมานั่งได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ท่ามกลางการกระหน่ำโจมตีอย่างไม่ขาดช่วงของปีศาจโครงกระดูก เขาลุกขึ้นมายืนสูง งตระหง่านราวกับภูผาสูงที่มั่นคงไม่สั่นคลอน
ใช่แล้ว เขาเรียนรู้แล้วว่าจะรักษาสมดุลขณะโดนโจมตีอย่างดุเดือดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
ชั่วขณะนี้ ในใจของเขาเปี่ยมล้นด้วยความกล้าหาญ สายตาดั่งคบเพลิงทอดมองออกไปยังผลึกหินต้นกำเนิด หัวเราะเสียงดังลั่น “ฮ่าๆๆ…ทหารปีศาจโครงกระดูกตัวจ้อย จะให้ข้าก้มหัวยอมแพ้ได้อ อย่างไรกัน ผลึกหินต้นกำเนิดเป็นของข้าทั้งหมด!”
ทว่าในตอนที่เขาเพ่งสายตามองไปยังเขตที่มีผลึกหินต้นกำเนิดปกคลุมหนาแน่นแล้ว รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
“เป็นไปได้อย่างไร…ผลึกหินต้นกำเนิดสีทองของข้าเล่า…ทำไมไม่เห็นแล้ว…ผีหลอกหรือไง!”
หงโต้วมองไปยังเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ กะพริบตาทั้งสองข้างรัวๆ เขาค่อนข้างสงสัย หรือจะเป็นเพราะว่าตนโดนปีศาจโครงกระดูกทุบตีจนเห็นภาพหลอนไปแล้ว
ในตอนนี้เอง ผลึกหินต้นกำเนิดสีแดงก้อนหนึ่งก็หายแวบไป
ผลึกหินต้นกำเนิดสีแดงงดงามทรงคุณค่ารองจากผลึกหินต้นกำเนิดสีทอง สีแดงจุดเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางพุ่มไม้เขียวขจีช่างงดงาม แต่ให้เวลานี้ผลึกหินต้นกำเนิดสีแดงหายไป เป็นธรรมดาที่จะ หนีไม่พ้นสายตาของหงโต้ว
แล้วจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นเงาของใครคนหนึ่งที่เขามองข้ามมาโดยตลอด
หลังจากที่หงโต้วเห็นเงาใครคนนั้นแล้ว เขาก็สูดลมหายใจเข้าทางปากด้วยความเจ็บใจ พูดขึ้นด้วยความรู้สึกทึ่ง “เป็นเจ้า! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า!”
ที่แท้…มีคนแซงหน้าเขาไป กลายเป็นอันดับหนึ่งของทีม กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีม!
เขาช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน ออกแรงสุดกำลังเพื่อลุกขึ้นยืน คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาเห็นภาพความจริงที่ทิ่มแทงจิตใจเช่นนี้
ชั่วขณะนี้เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่กลางอกของหงโต้วดูเหมือนว่าจะดับสลัวลงเล็กน้อย…
ใช่แล้ว นี่คือการวิ่งแข่ง ขอแค่ทุ่มเทให้กับทุกสิ่ง ก็มีโอกาสที่จะพิชิตอุปสรรค ขอแค่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ต่อสู้อย่างสุดชีวิต ก็มีโอกาสที่จะนำหน้าทุกคน แต่มีคนบางคนที่อุปสรร รคไม่พุ่งเป้าไปที่นางเลย แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปแข่งกับนาง…
เมื่อจอมมารทั้งสองได้ยินเสียงตะโกนก้องของหงโต้ว ต่างก็ส่งสายตามองไปเขตผลึกหินต้นกำเนิดที่อยู่เบื้องหน้า แล้วพวกเขาก็ตกใจจนหน้าถอดสี เริ่มเกิดอาการกระวนวาย
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนภูตตนหนึ่งชิงตัดหน้าไปก่อน!” กว่าจงหลี่หางจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ใบหน้าของเขายังไม่ทันเผยรอยยิ้ม ก็นิ่งขรึมเสียแล้ว
“ผลึกหินต้นกำเนิดสีทองไม่เหลือแล้ว…” ความไม่ยินยอมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคงเกอ
“ไม่เป็นไร พวกเรายังแย่งชิงผลึกหินต้นกำเนิดก้อนอื่นๆ ได้!” ใบหน้าจงหลี่หางแสดงออกถึงสีหน้าที่ไม่ยินยอม
เขาผลักปีศาจโครงกระดูกที่เข้ามาโจมตีนับไม่ถ้วน ขณะที่เขากำลังเตรียมจะก้าวไปข้างหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเอวของเขาถูกรัดแน่น เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างยึดเกาะอยู่
จงหลี่หางก้มไปมอง พบว่าหนวดสีขาวใสแต่ทรงพลังเส้นหนึ่งกำลังโอบรัดเอวของเขาไว้
จงหลี่หาง “…ทำไมเจ้าไม่ปล่อยข้า”
ขณะนี้หลิงอิ่งกำลังโดนปีศาจโครงกระดูกสุนัขพิทบูลหนึ่งฝูงรุมกัด เขาเอ่ยพูดด้วยความยากลำบากว่า “ข้าวิ่งช้า พาข้าไปด้วย…”
จงหลี่หางกัดฟันกรามแน่น ก้าวเท้าไปยังหนทางเบื้องหน้าอย่างช้าๆ แล้วก็พบว่าแรงต้านจากด้านหลังมหาศาลมาก ไม่ใช่แค่ลากหลิงอิ่ง ยังมีฝูงปีศาจโครงกระดูกสุนัขพิทบูลอีกหนึ่งฝูงที่ งับหนวดของหลิงอิ่งด้วย…
“ข้าอยากด่าคน!” จงหลี่หางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ข้าจะยังแย่งชิงผลึกหินต้นกำเนิดได้อย่างไร!
หลิงอิ่งกวัดแกว่งหนวดของตนเอง “เจ้าด่าเลย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแมงกะพรุน”
คงเกอเดือดดาล “เจ้าไม่ใช่คน!”
จงหลี่หาง “…”
หลิงอิ่ง “…”
คงเกอชะงักเล็กน้อย ถลึงตาจ้องหลิงอิ่งอย่างดุดัน แล้วเปลี่ยนคำพูดเป็น “เจ้าไม่ใช่แมงกะพรุน!”
นี่คือคำพูดที่ใช้ด่าคนอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่คำพูดที่ใช้ด่าคน! แล้วก็ไม่ใช่คำพูดที่ใช้ด่าแมงกะพรุนด้วย!
จงหลี่หางรู้สึกว่าคงเกอคงจะโมโหจนบ้าไปแล้ว เหมือนกับเขาที่ต้องเคลื่อนไหวเช่นนี้ เขาเองก็ขี้เกียจที่จะอ้าปากด่า รอหลังจากออกจากดินแดนพิศวงนี้ไปแล้ว ค่อยหาโอกาสฉีกร่า างเจ้าแมงกะพรุนตัวนี้เสีย
ด้วยเหตุนี้ จอมมารทั้งสองจึงรับมือกับการโจมตีของปีศาจโครงกระดูกนับไม่ถ้วน ใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัวที่เอื่อยเฉื่อยขั้นสุด ลากแมงกะพรุนที่ติดสอยห้อยตามอยู่ข้างหลังไปยังหนทางเ เบื้องหน้า
รูปแบบการดำเนินการที่ยากลำบากเช่นนี้ เกือบจะทำให้พวกเขาสิ้นหวัง คิดถอดใจอยู่ครั้งหนึ่ง…
อันหลินกับหลิวฉู่ฉู่เองก็พยายามลุกขึ้นเช่นกัน อาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายระดับแปลงจิต รับมือกับการโจมตีของปีศาจโครงกระดูกอย่างสุดพลัง รักษาสมดุลของร่างกายไว้ มุ่งตรงไปยั งหนทางเบื้องหน้าอย่างช้าๆ
ทีน่าในเวลานี้เก็บผลึกหินต้นกำเนิดสีทองกับผลึกหินต้นกำเนิดสีแดงใส่ไว้ในถุงห้วงมิติหมดแล้ว…
หงโต้วแผดเสียงคำรามก้องพร้อมกับมุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าไม่หยุด ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับความไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแปรเปลี่ยนเป็นจิตใจที่ฮึกเหิมพร้อมสู้ คิดไม่ถึงว่าที่หน้ าอกของเขาจะร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง!