ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 505 เศรษฐีอันเศรษฐีผลึกหินต้นกำเนิด
เมื่อจงหลี่หางเห็นว่าผู้แข็งแกร่งทั้งสองผนึกกำลังเข้าด้วยกัน เขาก็เริ่มคิดถอย
“คงเกอ อย่าใจร้อนไป พวกเราถอนทัพ!”
จู่ๆ เขาก็พูดโพล่งขึ้นมา และทันทีหลังจากนั้นเขาก็วาดฝ่ามือหนึ่งข้าง หมอกหนาสีดำพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ปกคลุมไปทั่วพื้นที่
หมอกสีดำนี้ไม่เพียงแต่ขวางกั้นทัศนวิสัย ยังกีดขวางญาณหยั่งรู้ด้วย
ปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงอิ่งไวมาก ชั่วขณะที่หมอกสีดำพวยพุ่งออกมา หนวดใต้ลำตัวยืดออกอย่างบ้าคลั่ง ระเบิดสายฟ้าผ่าสีขาวเจิดจ้าเปล่งประกาย ทำให้พื้นที่บริเวณรอบนอกในรัศมีหนึ งร้อยจั้งถูกปกคลุมไปด้วยของสายฟ้าผ่า ก่อตัวเป็นกรงสายฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่ไว้
“หึๆ คิดจะใช้หมอกสีดำประเภทนี้บดบังสายตาของข้าไว้อย่างนั้นหรือ” มุมปากของริมฝีปากที่งดงามของหลิวฉู่ฉู่เหยียดยกขึ้น นัยน์ตาสีเหลืองแห่งคุนเผิงตื่นขึ้นแล้ว แสงสีทองที่เฉียบ บคมยิ่งแวบผ่านในแววตา แฝงไว้ด้วยพลังในการมองทะลุทุกภาพลวงตา
ลูกศรพลังงานสีชมพูหนึ่งดอกก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างอยู่บนสายธนู แกนกลางของลูกศรพลังงานสีชมพูปรากฏลูกศรขนาดเล็กสีแดงหนึ่งดอก ลูกศรทั้งสองดอกผสานเป็นหนึ่งเดียว ปลายลูกศรส่องแสงสี แดงเปล่งประกายระยิบระยับงดงาม
“วิชาเทวะ ศรสายเลือดเสาะแสวงทลายปีศาจ!”
สิ้นเสียงตะโกนอันอ่อนหวานของหลิวฉู่ฉู่ ลูกศรยาวพุ่งออกไปจากคันธนู!
ลูกศรยาวสีชมพูส่งแสงสีแดงเปล่งประกายระยิบระยับ พุ่งทะยานแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงสุดลูกศรที่น่าสะพรึงกลัว มุ่งไปยังศีรษะของจงหลี่หาง
ลูกศรนี้มีพลังทลายมิติกับพลังสะกดรอยอัตโนมัติ ก่อนหน้านี้หลิวฉู่ฉู่ใช้ลูกศรนี้สังหารปีศาจม้าน้ำตายคาที่ในชั่วพริบตา
อันหลินเองก็ยื่นฝ่ามือออกไป โดยหันไปทางออก แล้วปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาอัสนีออกไป
เขามองไม่เห็นตำแหน่งของจอมมารทั้งสอง แต่ทางออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นปล่อยพลังการโจมตีออกไปตำแหน่งทางออกจะต้องตรงเป้าแน่นอน
ทีน่าเองก็หันไปยังทิศทางเดียวกับที่อันหลินยื่นฝ่ามือออกไป ปล่อยพลังแสงศักดิ์สิทธิ์โจมตีสุดกำลัง
นางไม่รู้ตำแหน่งของจอมมารทั้งสอง นางรู้เพียงว่าทิศทางการโจมตีของของยักษ์อันหลินดีที่สุด ทำตามยักษ์อันหลินย่อมประสบผล!
ทว่าเมื่อหงโต้วเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ถึงมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเขาเหม่อมองทุกคนที่กำลังปล่อยพลังอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ เขาก็รู้สึกหดหู่เกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
ทำไมคนอื่นๆ ถึงรู้ตำแหน่งของศัตรู ทำไมเขาสัมผัสไม่ได้เลย
ที่แท้…ห่างชั้นมากขนาดนี้เลยหรือ
เพราะพลังของตนอ่อนแอเกินไป ดังนั้นทัศนวิสัยกับญาณหยั่งรู้ด้วยพลังจิตของตนเลยโดนขวางกั้นหรือ?
เขาอดจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความสงสัยไม่ได้
ที่แท้…
เขาเป็นแค่ก้อนหินไร้ค่าก้อนหนึ่งมาโดยตลอด…
ในด้านของจงหลี่หางกับคงเกอที่กำลังหลบหนี ต่างก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่จะนำความตายมาสู่ตน
จงหลี่หางหยิบหม้อสามขาโบราณสีดำขนาดพอดีฝ่ามือออกมาจากแหวนมิติอย่างไม่ลังเลใจสักนิด แล้วใช้พลังทั้งหมดกระตุ้น
ครืน!
ปรากฏวัตถุสีดำที่มีรูปทรงเหมือนลูกบอลปกคลุมห่อหุ้มกายของจงหลี่หางกับคงเกอไว้ในชั่วพริบตา
หม้อปีศาจกลืนกินพลังเวทย์! เมื่อมีหม้อใบนี้ก็สามารถกลืนกินพลังเวทย์ทุกประเภทที่จู่โจมเข้ามาได้ รวมทั้งเพิ่มพลังอาวุธเซียนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว จงหลี่หางมีอาวุธพิเศษนี้ เข ขาจึงไม่เกรงกลัวที่จะแย่งชิงผลึกหินต้นกำเนิดกับพวกอันหลิน!
ลูกศรยาวสีชมพูพุ่งแหวกผ่านอากาศ แทงเข้าที่วัตถุสีดำที่มีรูปทรงเหมือนลูกบอลนั้นด้วยพลังอันน่าเกรงขามที่แฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัว ทว่าทันทีหลังจากนั้น คาดไม่ถึงว่าจะแทงไม่ ทะลุลูกบอลสีดำนั่น ลูกศรสลายไปหมดสิ้นเมื่อพุ่งไปถึงพื้นผิวด้านหน้าของลูกบอลสีดำ
“เอ๊ะ แบบนนี้ก็ได้ด้วยหรือ” หลิวฉู่ฉู่ขมวดคิ้วมุ่น ทอดสายตามองไปยังวัตถุสีดำที่มีรูปทรงเหมือนลูกบอลนนั้นด้วยความสงสัย
หมัดสะเทือนขุนเขาอัสนีกับพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ กระหน่ำยิงถล่มพื้นผิวด้านหน้าของลูกบอลสีดำนั่นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็หายสาบสูบไปอย่างไร้ร่องรอย โดนพื้นผิวด้านหน้าของลูกบอลสี ดำนั่นกลืนกินเข้าไปแล้ว
หนึ่งอึดใจต่อมา ลูกบอลสีดำที่ห่อหุ้มกายคงเกอกับจงหลี่หางเอาไว้ชนสายฟ้าผ่าของหลิงอิ่งครอบขังไว้จนทลาย แม้แต่หนวดของหลิงอิ่งเองก็โดนกลืนกินไปด้วย จากนั้นก็ผ่านม่ านแสงสีน้ำเงินออกไป หายวับไปจากดินแดนแห่งนี้
“โอ๊ย…เจ็บชะมัด!” หนวดของหลิงอิ่งขาดสะบั้นไปสองสามเส้น เขาส่งเสียงแผดร้องด้วยความตกใจ
“คว้าน้ำเหลว?” อันหลินเองก็มีสีหน้าฉงน
เขาปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาอัสนีออกไปหนึ่งหมัด คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีแม้แต่เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พูดได้ว่าไม่อาจสัมผัสถึงแรงปะทะของการโจมตีเลยสักนิด ทำให้เขาเองก็มีสีหน้ าไม่เข้าใจ
“พวกนั้นหนีไปแล้ว ใช้หม้อสามขาสีดำรูปทรงประหลาดมากเป็นตัวช่วย กลายเป็นลูกบอลสีดำห่อหุ้มกายของพวกนั้นไว้ ทั้งยังดูดซับพลังโจมตีได้ด้วย พลังโจมตีของพวกเราโดนลูกบอลสีดำนั นกลืนกินไปหมดแล้ว…” หลิวฉู่ฉู่ทอดถอนใจด้วยความรู้สึกค่อนข้างเสียดาย นางเอ่ยปากอธิบาย
หมอกควันสีดำค่อยๆ สลายไป หลิงอิ่งกำลังกินยาวิเศษที่มีสรรพคุณฟื้นคืนแขนขาที่ขาดให้งอกออกมาใหม่ ลอยอยู่กลางนภาด้วยร่างกายที่เจ็บป่วย
หงโต้วกลับนั่งยองๆ อยู่กับพื้น สายตางุงงงทอดมองไปยังหนทางเบื้องหน้า ราวกับว่าสูญเสียความหมายของชีวิตไปแล้ว สูญเสียความกระตือรือร้นในการสู้รบ
อันหลินมองผลึกหินต้นกำเนิดสีขาวร้อยกว่าก้อนที่เหลืออยู่ เอ่ยขึ้นว่า “จอมมารหนีไปแล้ว ผลึกหินพวกนี้พวกเราแบ่งกันไปก็แล้วกัน”
“พวกเจ้าแบ่งกันเถิด ข้าไม่ทำอะไร ไม่คู่ควรที่จะได้ผลึกหินต้นกำเนิดพวกนี้ไปครอบครอง” หงโต้วเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก
อันหลิน “…”
ทุกคน “…”
อันหลินถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “หงโต้วเจ้าเป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงได้เริ่มมีสติปัญญา รู้จักตนเองได้ถ่องแท้เยี่ยงนี้”
หงโต้วอัดอั้นเต็มทรวง แผดเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “บรรพบุรุษเจ้านะสิ! ผลึกหินต้นกำเนิดนี้ข้าเอาด้วยอยู่แล้ว!”
ด้วยเหตุนี้ อันหลิน หลิวฉู่ฉู่ ทีน่า หงโต้ว หลิงอิ่ง แต่ละคนจึงแบ่งผลึกหินต้นกำเนิดสีขาวกันคนละยี่สิบกว่าก้อน
“ยักษ์อันหลิน นี่เป็นผลึกหินต้นกำเนิดที่ข้าเก็บได้ เจ้าดูสิ!” รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทีน่า นางหยิบถุงห้วงมิติของนางขึ้นมาส่งให้อันหลิน ด้วยท่าทางท ที่ค่อนข้างประหม่าและค่อนข้างตื่นเต้นด้วยความดีใจ ราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอฟังคำชมเชยจากผู้ใหญ่
อันหลินนำผลึกหินต้นกำเนิดออกมาจากถุงห้วงมิติ แล้วเขาก็ถึงกับต้องหายใจเข้าทางปากด้วยความตะลึง
คนอื่นๆ ต่างก็มองสิ่งที่เห็นตรงหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน แสงระยิบระยับเปล่งประกายจนตาแทบบอด
ผลึกหินต้นกำเนิดสีทองสามก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีแดงเก้าก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีน้ำเงินห้าก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีเขียวสิบก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีขาวสามสิบห้าก้อน…
เมื่อว่ากันตามมูลค่ารวมแล้ว ผลึกหินต้นกำเนิดที่นางมี มีสัดส่วนเกินครึ่งของมูลผลึกหินต้นกำเนิดที่มีทั้งหมด!
หงโต้วคิดว่าตนเก็บได้มากเป็นอันดับสอง ทว่าเมื่อเขาได้เห็นผลึกหินทั้งหมดที่อยู่ในแหวนมิติของตนมีสีน้ำเงินสี่ก้อน ผลึกหินสีเขียวสิบสองก้อน ผลึกหินสีขาวสี่สิบก้อน เขา ก็จมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความคิดอย่างช่วยไม่ได้
หลิงอิ่งยิ่งน่าเวทนา ถึงแม้ว่าเขาจะมีหนวดมากมาย แต่มาช้าเกินไป เก็บได้เพียงผลึกหินสีขาวหกสิบสองก้อน...
ใบหน้าของอันหลินเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ใช้นิ้วมือลูบศีรษะของภูตน้อย เอ่ยชมว่า “เสี่ยวน่าเก่งที่สุดจริงๆ! ผลึกหินพวกนี้ข้าจะช่วยเก็บรักษาไว้ให้เจ้าก่อน ตอนนี้เจ้ายังเด็ก รอเจ จ้าโตแล้ว ข้าค่อยให้เจ้า!”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็แทบจะกระอักเลือดกันเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บอกว่าโตแล้วค่อยคืนให้! นางจะยังโตได้อีกหรือไง นี่มันโจรกรรมกันชัดๆ!
ทีน่าบินวนไปวนมารอบตัวอันหลินด้วยความดีอกดีใจเป็นพิเศษ หัวเราะพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ตกลง!”
ด้วยเหตุนี้ อันหลินจึงเก็บผลึกหินต้นกำเนิดทั้งหมดไปด้วยความชื่นมื่น
เขาตรวจเช็คผลึกหินต้นกำเนิดทั้งหมดที่เก็บอยู่ในแหวนมิติทีหนึ่ง รวมทั้งของที่ได้จากการฆ่าปล้นชิง
ทั้งหมดมีผลึกหินต้นกำเนิดสีขาวหนึ่งร้อยห้าสิบสองก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีเขียวสามสิบก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีน้ำเงินสิบเอ็ดก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสีแดงเก้าก้อน ผลึกหินต้นกำเนิดสี ทองสามก้อน
จิ๊จิ๊จิ๊…กลายเป็นเศรษฐีผลึกหินต้นกำเนิดในชั่วพริบตา!
เขากลืนผลึกหินต้นกำเนิดสีทองไปแล้วสี่ก้อน มีผลึกหินต้นกำเนิดสีทองที่เก็บสำรองไว้อีกสามก้อน พูดได้ว่าเก็บผลึกหินต้นกำเนิดสีทองเพิ่มอีกสามก้อน เขาก็จะบรรลุภารกิจ ได้รับต้น นแบบกายแห่งเทพสงครามแล้ว!
ไม่รู้ว่าร่างกายของเทพสงครามจะมีลักษณะอย่างไร จะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ จะเหมือนกับซุปเปอร์ไซย่าไหมนะ เส้นผมสีทอง มีแสงสีทองเรืองรองปกคลุมทั่วกาย?
อันหลินเริ่มจิตล่องลอยออกไปไกลอย่างห้ามไม่อยู่ สีหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
เมื่อทุกคนเห็นสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจของอันหลิน ก็เกิดความรู้สึกที่เรียกว่าความเกลียดชัง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่มองตาปริบๆ ใครใช้ให้เขามีภูตโง่ๆ ยอมโดนเปรียบเอาได้ง่ายๆ เล่า า…
ทุกคนต่างเก็บผลึกหินต้นกำเนิดใส่เข้าไปในแหวนมิติ
ไม่มีใครทันสังเกตว่าความรู้สึกเอื่อยเฉื่อยแปลกประหลาดจนไม่อาจกระตุ้นพลังปราณได้ในห้วงมิตินี้ได้เสื่อมไปแล้ว
ท้องฟ้ากลับสู่คืนสู่สภาวะปกติ
แคร่ก...
ทันใดนั้นเสียงแตกร้าวดังขึ้น
ทุกคนหันไปมองด้านหลังอย่างพร้อมเพียง เสาหินสีดำสูงร้อยจั้งเริ่มแตกร้าว