ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 506 โปรดประทานความตายให้แก่ข้า
ณ ใจกลางทะเลสาบไป๋หู
เกิดระเบิดละอองน้ำขึ้น จงหลี่หางกับคงเกอปรากฏกายใจกลางท้องฟ้าสูงเหนือทะเลสาบ
เวลานี้เป็นเวลากลางคืน ไม่มีแสงจันทร์ บรรยากาศโดยรอบมืดสนิท มีเพียงหมู่ดาวพร่างพราวประดับนภายามราตรี
ในมือของจงหลี่หางถือหม้อสามขาโบราณสีดำไว้ ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย เลือดลมภายในกายปั่นป่วน จากนั้นก็กระอักเลือดสีแดงสดออกมากองใหญ่ในทันใด
“จงหลี่หาง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” เมื่อคงเกอเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาใกล้ทันที ประคองตัวเขาอย่างระมัดระวัง
จงหลี่หางโบกไม่โบกมือพลางส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นอะไร แค่หม้อปีศาจกลืนกินพลังเวทย์ดูดซับเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งมากเกินไป ร่างกายของข้าเลยรับไม่ค่อยไหว…”
สีหน้าของคงเกอแฝงไว้ด้วยอารมณ์หวาดกลัวในภายหลัง “ในช่วงสิบวันนี้หม้อปีศาจกลืนกินพลังเวทย์ใช้งานไม่ได้ ไพ่ตายใบสำคัญที่สุดไม่มีแล้ว…เมื่อเป็นเช่นนี้ ได้ผลึกหินต้นกำเนิด มาเกือบร้อยก้อนก็ไม่รู้ว่าจะขาดทุนหรือกำไรกันแน่”
จงหลี่หางนิ่งเงียบไม่พูดจา เก็บหินวิญญาณมาได้เกือบหนึ่งล้านก้อนในครั้งนี้ ก็นับว่าเป็นเงินมหาศาลแล้ว แต่เพื่อเงินเหล่านี้ ต้องสูญเสียไพ่ตายไป ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ พูดได้ยากมากจริงๆ ว่าจะเป็นการขาดทุนหรือไม่
“ไปกันเถิด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำไปแล้ว ตอนนี้พวกเราไปที่แห่งอื่น ไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายกับพวกนั้นอีก” จงหลี่หางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลิกล้ม ความคิดที่จะต่อกรกับพวกอันหลินเสีย วางแผนจะไปแสวงหาโอกาสยังสถานที่อื่น
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ลึกลงไปใต้ท้องทะเลสาบ ณ ดินแดนพิศวง
เสาหินสูงร้อยจั้งเริ่มแตกร้าว จนกระทั่งแตกออกกลายเป็นก้อนหินเศษเล็กเศษน้อยร่วงกราวลงมาบนพื้นส่งเสียงดังสนั่นเลือนลั่น
อันหลินกับพวกตื่นตัวทันที สายตาจับจ้องไปที่เสาหินที่พังทลายลงมากกองอยู่บนพื้นอย่างไม่ละสายตา
กายหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกควันและฝุ่นละอองที่หนาแน่นลอยคว้างไปทั่ว ดูลักษณะคล้ายรูปร่างของมนุษย์
ในตอนที่หมอกควันและฝุ่นละอองค่อยๆ สลายไปอย่างช้าๆ ในที่สุดอันหลินก็เห็นผู้ที่ปรากฏกายอย่างชัดเจน
เขามีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่ง บนศีรษะมีเขามังกรหนึ่งคู่ นัยน์ตาอันลึกซึ้งทั้งสองข้างมีสีแดงดั่งเลือดสด สีหน้ามีความงุนงงแฝงไว้ด้วยความบ้าบิ่น
“ทำไม…ทำไมข้ายังไม่ตาย ใช้พลังลบล้างกาลเวลาสำเร็จแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมข้ายังอยู่ตรงนี้…” ชายเผ่าพันธุ์มังกรมองรอบทิศทางด้วยสีหน้างุนงง คาดไม่ถึงว่าจะมีหยาดน้ำตาแห่งความโศก กเศร้าไหลรินออกมา
อันหลิน “…”
“อันหลิน ชายเผ่าพันธุ์มังกรนั่นพูดอะไรอยู่” หลิวฉู่ฉู่ฟังภาษาอนารยชนไม่ออก จึงถามด้วยความรู้สึกค่อนข้างอยากรู้
หงโต้วกับหลิงอิ่งเองก็ส่งสายตามาที่อันหลินเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าอยากรู้มากเหมือนกัน
“ดูเหมือนเขาจะพูดทำนองว่าทำไมตนเองไม่ตายด้วยความรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ก็เลยโมโหจนร้องไห้ออกมา” อันหลินอธิบาย
หลิวฉู่ฉู่ “…”
ทุกคนในกลุ่ม “…”
ชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนั้นทอดสายตามองพื้นดินกว้างใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง เหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าเพราะอะไร จู่ๆ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…ผลึกหินต้นกำเนิดไม่หลงเหลืออยู่แล้ว จะต้องเป็นเพราะสาเหตุนี้แน่…”
เขาส่งสายตาไปยังอันหลินกับพวก สีหน้าท่าทางที่ดุร้ายน่าสะพรึงกลัวราวกับจะกวาดทุกคนไปให้หมดเสีย คำรามเสียงทุ้มต่ำ “บังอาจทำลายแผนปลิดชีพตัวเองอันยิ่งใหญ่ของข้า ข้าจะฆ่าพวกเ เจ้าเสีย!”
ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว เป็นพลังที่ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสไม่กล้าต่อกร ราวกับแค่ชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้ยื่นมือออกมา ก็สามารถสังหารพวกเขาให้ดับสิ้นได้เลย
“ช้าก่อน! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกข้า!” เมื่ออันหลินเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธด้วยสีหน้าไร้มลทิน อธิบายว่า “ก่อนหน้ามีจอมมารสองตนขโมยผลึกหินต้นกำเนิดทั้งหมดไป ป พวกข้าตามพวกมันมาตลอดทาง คาดไม่ถึงว่าจะช้าไปหนึ่งก้าว พวกมันใช้เวทมนตร์หนีไปแล้ว!”
เมื่อชายเผ่าพันธุ์มังกรได้ฟังเช่นนั้นก็ชะงักงัน กลิ่นอายความดุร้ายเหือดหายไปไม่น้อย แต่สายตาของเขายังคงจ้องเขม็งอยู่ที่อันหลิน ราวกับว่ามีโอกาสระเบิดพลังสังหารตลอดเวลา
เมื่ออันหลินเห็นสถานการณ์ ก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย โชคดีชายเผ่าพันธุ์มังกรไม่ใช่ประเภทที่ที่เห็นหน้าก็ลงมืออย่างบ้าคลั่ง ยังมีพื้นที่สำหรับการเจรจา…
“ท่านผู้อาวุโส ในเมื่อไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าน้อยขอลา!” อันหลินรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน ผลึกหินเก็บไปเกลี้ยงแล้ว สังหารชายเผ่ามังกรตนนี้ไปก็ไม่ได้อะไร เป็นบอส สที่ไม่มีแม้แต่แหวนมิติ ของล้ำค่าก็ไม่ได้ แล้วจะมีอะไรน่าสนใจ เขารู้สึกอยากออกไปจากตรงนี้ทันที
ชายเผ่าพันธุ์มังกรเงียบขรึมไม่พูดจา เมื่ออันหลินเห็นเช่นนั้น เขาก็หันหลังเตรียมเผ่น
“ช้าก่อน! ก่อนข้าตาย พวกเจ้าห้ามไปไหน!” ชายเผ่าพันธุ์มังกรพูดโพล่งขึ้นกะทันหัน
อันหลิน “…”
“เขาพูดอะไร” หลิวฉู่ฉู่ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความอยากรู้
“เขาบอกว่าก่อนเขาตาย พวกเราห้ามไปไหน!” อันหลินรู้สึกปวดตับ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหมดคำจะพูด
มุมปากของหลิวฉู่ฉู่กระตุก พวกเขากำลังเผชิญกับคนบ้า?
ชายเผ่าพันธุ์มังกรสีหน้าโศกเศร้า แหงนหน้ามองฟ้า “ข้าถูกขังอยู่ในที่หลบภัยแห่งนี้มาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว หนีออกไปไม่ได้ ตายก็ไม่ได้…ทุกคนจากข้าไปหมด ข้าลิ้มรสความโดดเดี่ย ยวเดียวดายไม่ที่สิ้นสุดเพียงลำพัง…”
ขณะที่พูด เขาก็เริ่มมองพวกของอันหลิน สีหน้าดุร้าย กล่าวด้วยน้ำเสียงบ้าคลั่ง “โดดเดี่ยว! เป็นความโดดเดี่ยวที่ไม่มีวันสิ้นสุด! เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่เรียกว่าความโดดเดี่ยว!”
อันหลินคิดว่าชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้คงจะโดนสภาพแวดล้อมบีบคั้นจนใกล้จะเป็นบ้าแล้ว
ชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้จะโดดเดี่ยวหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักนิด? หรือว่าเขาจะต้องอยู่เป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุยกับเขาด้วย?
“สรุปคือ…ถ้าพวกเจ้าไม่ลงมือสังหารข้า พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้า!” ในที่สุดชายเผ่าพันธุ์มังกรก็พูดความคิดในใจออกไป
อันหลิน “…”
อันหลินถ่ายทอดสิ่งที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรพูดให้ทุกคนฟัง สิ่งนี้ทำให้ทุกคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
ตกลง พวกเขายอมรับว่าชายเผ่าพันธุ์มังกรน่าเวทนามากจริงๆ แต่การไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแบบนี้ อาจดูไม่ค่อยหวงแหนชีวิตไปหน่อย ที่สำคัญที่สุดคือคิดไม่ถึงว่าจะดึงพวกเขาไปเอี่ยวด้ วย?
“ท่านผู้อาวุโส เหตุใดท่านถึงออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ได้” อันหลินตะโกนด่าอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ แต่เอ่ยถามด้วยสีหน้ายังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มเคารพนบนอบ
“เห็นเส้นแบ่งเขตแดนสีทองบนพื้นนั่นไหม นั่นคือพลังของกฎแห่งฟ้าดิน ข้าบรรลุระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าแล้ว จึงไม่อาจก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนสีทองนี้ได้ เส้นแบ่งเขตแดนสีทอง นี้จะปล่อยพลังขับไล่ที่น่าสะพรึงกลัวใส่ข้า ทำให้ข้าหมดหนทางที่จะเข้าใกล้ เรื่องก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนสีทองนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่เลย…” ชายเผ่าพันธุ์มังกรมองเส้นแบ่งเขต สีทองที่อยู่ไกลออกไปไม่กี่ร้อยเมตร สีหน้าไม่ยินยอมระคนสิ้นหวัง
เมื่ออันหลินได้ฟังเช่นนั่น เขาก็เข้าใจโดยพลัน เขตเทพโบราณไม่อนุญาตให้ผู้บรรลุระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าก้าวเข้าไปได้
ทันทีหลังจากนั้น นัยน์ตาของเขาก็พลันเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง เขาถ่ายทอดให้ทุกคนฟังทันที “ชายเผ่าพันธุ์มังกรบรรลุระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าแล้ว หมดหนทางที่จะก้าวข้ามเส้นแบ่ งเขตแดนสีทอง หรือพูดได้ว่า แค่พวกเราก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนสีทองนั่นไป เขาก็ตามพวกเราไม่ได้แล้ว”
เมื่อทุกคนได้ฟังเช่นนั้น ความหวังก็พลันลุกโชนขึ้นในใจ
“ผู้ที่บรรลุถึงระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าล้วนมีพลังปิดกั้น ถึงแม้จะมีระยะทางเพียงห้าร้อยเมตร แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าพวกเราจะหนีรอดไปยังเส้นแบ่งเขตแดนสีทองที่อยู่ห่างออกไปห้า ร้อยเมตรได้ ถึงอย่างไรเสียพลังของระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าแข็งแกร่งทรงพลัง ทำให้อุณหภูมิลดลงถึงจุดเยือกแข็งได้ง่ายๆ แค่กระดิกนิ้ว” หลิวฉู่ฉู่บอกความกังวลในใจ
“แน่นอนว่าถ้าหนีไม่สำเร็จ ทำให้มังกรนั่นโมโหเข้า พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่กันหมดแน่!” หงโต้วในเวลานี้หวาดกลัว เขาสนับสนุนความคิดเห็นของหลิวฉู่ฉู่อย่างเต็มที่
ในเวลานี้ ชายเผ่าพันธุ์มังกรกล่าวขึ้นต่อว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ข้าขอแนะนำพวกเจ้าว่าเลิกล้มความคิดที่จะหนีเสียเถิด มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องทุกข์ทรม มานเหมือนตายทั้งเป็น…”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาทันใด เขาเลียมุมปาก พร้อมส่ายศีรษะเล็กน้อย
อันหลินรู้สึกว่าภายในร่างกายของถูกความเย็นยะเยือกแพร่ขยายปกคลุมไปทั่ว หมอนี่จะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!
“ข้าบอกแล้วไง ให้พวกเจ้าประทานความตายให้แก่ข้า ขอแค่พวกเจ้าทำสำเร็จ ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป!” ชายเผ่าพันธุ์มังกรกล่าวต่อ
เมื่ออันหลินได้ฟังเช่นนั้น มุมปากก็กระตุกอีกครั้ง ถ้าสังหารชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้ตายจริงๆ ถึงตอนนั้นต่อให้ชายเผ่าพันธุ์มังกรไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป พวกเขาก็ไปได้อยู่ดี เพราะถึ งอย่างไรเสียชายเผ่าพันธุ์มังกรก็ตายไปแล้ว!
คนตายจะขวางพวกเขาไว้ได้อย่างไรกันเล่า
ที่แท้ชายเผ่าพันธุ์มังกรอยู่ที่อยู่ในที่หลบภัยนานจนเกินไป ไอคิวเลยลดลงจนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน...