ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 507 หาวิธีสังหารบอส
“ท่านผู้อาวุโส ทำไมท่านไม่ลองใช้กระบี่แทงทะลุหัวใจตนเองดูเล่า” อันหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือกที่จะถามออกไป
ชายเผ่าพันธุ์มังกรส่ายหน้า “ถึงแม้ข้าอยากตาย แต่ ‘มรรควิถี’ กลับไม่ยินยอมให้ข้าตาย ดังนั้นข้าจึงหมดหนทางที่จะลงมือปลิดชีพตนเอง สำหรับข้าแล้ว ไม่ว่าข้าจะใช้วิธีไหนฆ่าตัวตาย ล้วนมีพลังลึกลับยิ่งมาขัดขวางข้าไว้”
‘มรรควิถี’ ขัดขวางไม่ให้ฆ่าตัวตาย? นี่เป็นครั้งแรกที่อันหลินได้ยินเรื่องเช่นนี้
“ขอถามอย่างละลาบละล้วงหน่อยนะท่านผู้อาวุโส มรรควิถีที่ท่านฝึกฝนคืออะไร” อันหลินถามด้วยความรู้สึกค่อนข้างอยากรู้
“มรรควิถีที่ข้าฝึกฝนคืออมตะมรรควิถี” ชายเผ่าพันธุ์มังกรไม่ได้ปิดบัง ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
อันหลิน “…”
ผู้ฝึกฝนอมตะมรรควิถีมาขอร้องให้คนอื่นประทานความตายให้?
โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว…
ในเมื่ออยากตายขนาดนี้ แล้วทำไมถึงเดินสายอมตะมรรควิถีตั้งแต่แรกเล่า
ดูเหมือนว่าชายเผ่าพันธุ์มังกรจะรู้ความคิดของอันหลิน เขาทอดถอนหายใจออกมา กล่าวเสียงแผ่วเบา “โดยทั่วไปแล้วผู้บรรลุระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่า อายุขัยจะอยู่ที่หนึ่งล้านปี แต่ข้าอยู่มาหลายล้านปีแล้ว…ไม่…นี่ยังไม่นับที่ข้าใช้พลังลบล้างกาลเวลาของข้า ณ ที่แห่งนี้ ถ้าต้องนับช่วงเวลาที่ลบล้างไปด้วยก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่…”
ชายเผ่าพันธุ์มังกรสั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างกลั้นไม่อยู่ “การฝึกฝนของข้าไม่ก้าวหน้าเลยสักนิด อยู่ที่นี่เป็นหรือตายไม่ต่างกัน…ไม่ มีความความแตกต่างอยู่ อยู่ที่นี่ทุกข์เสียยิ่งกว่าตาย! ไม่มีอะไรทำ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแต่ความเงียบสงัด…ข้าไม่รู้เลยว่าอยู่ที่นี่ทำอะไรได้บ้าง ทุกสรรพสิ่งที่มีขนาดเล็กจิ๋วมากที่สุด ณ ที่แห่งนี้ข้าจำได้หมด อีกทั้งยังตั้งชื่อให้กับพวกมันด้วย ข้ายืนโง่เช่นนี้อยู่ที่แห่งนี่ ยืนโง่ซื่อบื้ออยู่ตรงนี้…หนึ่งปี สิบปี ร้อยปี พันปี หมื่นปี แสนปี ล้านปี สิบล้านปี ร้อยล้านปี…เหอๆ…ที่แห่งนี้เป็นกรงขังที่ขังข้าไว้ชั่วนิรันดร...”
ขณะที่พูดนั้นชายเผ่าพันธุ์มังกรก็เริ่มมีน้ำตาไหลรินอาบใบหน้า
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ อันหลินก็เข้าใจชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้แล้วในที่สุด
“งั้นท่านผู้อาวุโส…ถ้าข้าฆ่าท่านตาย ท่านจะไม่ตอบโต้?” อันหลินถาม
“ไม่ตอบโต้” ชายเผ่าพันธุ์มังกรส่ายหน้าจริงจังยิ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “แต่พวกเจ้าแต่ละคนลงมือได้แค่คนละหนึ่งครั้งเท่านั้น ถึงแม้ข้าจะไม่กลัวตาย แต่ข้ากลัวเจ็บ…”
อันหลิน “…”
เป็นข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลยิ่งนัก!
อันหลินถ่ายทอดข้อเรียกร้องให้หลิวฉู่ฉู่กับคนอื่นๆ ฟัง แล้วทุกคนก็จมอยู่กับความเงียบขรึมอีกครั้ง
“ลงมือได้แค่ครั้งเดียวอย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นพวกเราแต่ละคนก็ต้องใช้การโจมตีที่รุนแรงสูงสุดในการโจมตีชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนั้นพร้อมกัน เมื่อทำเช่นนี้โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จย่อมสูง” หลิงอิ่งกล่าว
“มรรควิถีของเขาคืออมตะมรรควิถี สู้เราลองถามเขาก่อนว่าเขากลัวอะไรจะไม่ดีกว่าหรือ พวกเราจะได้สังหารได้ตรงจุด” หลิวฉู่ฉู่เสนอ
อันหลินรู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงหันไปถามว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านกลัวอะไร หรือมีพลังรูปแบบไหนบ้างที่มีโอกาสสูงในการปลิดชีพท่าน”
ชายเผ่าพันธุ์มังกรตอบ “ข้ากลัวเจ็บ”
มุมปากของอันหลินกระตุก “หมดแล้ว?”
ชายผ่าพันธุ์มังกรไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวเสริมขึ้นว่า “ข้ากลัวความโดดเดี่ยวเดียวดาย”
อันหลิน “…”
หลังจากที่ทุกคนหารือกันแล้ว ตัดสินว่าส่งหงโต้วไปสังหารชายเผ่าพันธุ์มังกรเป็นคนแรก ลองดูว่าความอมตะของชายเผ่าพันธุ์มังกรแน่แค่ไหน ถ้าสังหารสำเร็จก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถ้าไม่สำเร็จก็รวบรวมไว้เป็นข้อมูล เพื่อเป็นทฤษฎีสนับสนุนแผนการสังหารในครั้งต่อไป
หงโต้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายเผ่าพันธุ์มังกรด้วยสีหน้าไร้สิทธิขัดขืน ช่วยไม่ได้ ผลโหวตออกมาว่าเขาเป็นคนลงมือคนแรก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ก็ได้เป็นครั้งแรกที่เขาได้คนแรก
“ลงมือเถิด ข้ากำจัดเกราะป้องกันการรุกรานออกไปหมดแล้ว ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า พลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของเจ้าสังหารข้า!” หลังจากที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรพูดจบ ก็ไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง แสดงอากัปกิริยาที่บอกให้รู้ว่าไม่ขัดขืน
หงโต้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พวกนั้นดูถูกตนนักใช่ไหม
ตอนนี้เขาจะต้องพิสูจน์ให้คนพวกนั้นที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหน!
หงโต้วแผดเสียงคำรามก้อง ระเบิดเปลวไฟสีแดงพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ไอความร้อนสูงของเปลวไฟที่ลุกโชนแผ่กระจายไปหมื่นเมตร อานุภาพรุนแรงน่าสะพรึงกลัว
“ระเบิดปทุมเพลิงมหาประลัย!”
เข้าใช้มือทั้งสองข้าวกดที่หน้าอกของตนเอาไว้ ทำมือเป็นสัญลักษณ์รูป ‘หัวใจ’
ดอกบัวเพลิงหนึ่งดอกปรากฏขึ้นใจกลางหน้าอก ลอยไปหาชายเผ่าพันธุ์มังกรอย่างช้าๆ ดอกบัวเพลิงแฝงไว้พลังเพลิงที่น่าสะพรึงกลัว ความร้อนแผดเผาสูงขึ้นอย่างเนื่อง เปล่งแสงเปลวเพลิงร้อนแรงโชติช่วง
“นี่คือดอกบัวเพลิงที่ได้จากไฟแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าระเบิดออกมา ในกรณีที่ดอกบัวเพลิงดอกนี้ระเบิด อุณหภูมิความร้อนของเปลวไฟที่อยู่ใจกลางของดอกบัวจะสูงขึ้นถึงหนึ่งแสนองศา ต่อให้เจ้าบรรลุระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าแล้ว ก็จะต้องโดนอุณหภูมิของเพลิงไฟที่ร้อนสูงนี้เผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน!” หงโต้วกล่าวพลางก้าวถอยหลัง
คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็ก้าวถอยหลังเช่นกัน เพื่อป้องกันผลพวงจากแรงระเบิด
ชายเผ่าพันธุ์มังกรเกาศีรษะไม่ค่อยเข้าใจ เมื่อครู่นี้มนุษย์หินตนนี้คุยกับข้าอย่างนั้นหรือ
น่าจะใช่นะ…ทว่าขอเถอะ เราไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน!
สีหน้าที่แสดงออกถึงความมั่นใจยิ่งนั้น บ่งบอกว่าท่านผู้อาวุโสดูเหมือนจะฟังสิ่งที่เขาบอกรู้เรื่องจริงๆ
ชายเผ่าพันธุ์มังกรคาดเดาสิ่งที่หงโต้วบอกกับเขาอย่างมีหลักการ หงโต้วคงจะต้องการให้เขากินดอกบัวเพลิงดอกนี้ลงท้องไปสินะ
อืม น่าจะเป็นเช่นนี้…
ด้วยเหตุนี้ชายเผ่าพันธุ์มังกรจึงอ้าปาก กินดอกบัวเพลิงที่ล่องลอยมาหาเขาลงท้องไป
หงโต้ว “…”
ทุกคน “…”
ตูม! เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน ทุกคนเห็นท้องของชายเผ่าพันธุ์มังกรเปลี่ยนเป็นทั้งแดงทั้งใหญ่ราวกับมีดวงอาทิตย์อยู่ในท้องของเขา เขาอ้าปากทันทีหลังจากนั้น
พรวด!
เปลวไฟที่พ่นออกมาราวกับพลังแสงที่พุ่งทะยานยิงทะลุนภาที่มีหมอกหนาแน่น
ทันทีที่เขาปลดปล่อยพลังออกไป ท้องของเขาก็กลับมาแบนราบอีกครั้ง…
ชายเผ่าพันธุ์มังกรแสยะปาก ลูบท้องตนเองไม่หยุด “ร้อนระอุท้องจัง ท้องอืดบวม…เจ็บปวดปางตาย! ไม่ถูกต้อง…ไม่เจ็บปวดปางตาย แค่เจ็บ ไม่ถึงตาย…เอิ้กก...” ชายเผ่าพันธุ์มังกรเรอออกมา
ร่างกายของหงโต้วสั่นไหวเล็กน้อย มองชายเผ่าพันธุ์มังกรด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไรกัน…คิดไม่ถึงว่าพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าจะโดนเขมือบลงไปแล้ว…แถมยังระเบิดอยู่ในท้องด้วย ผลคือแค่รู้สึกร้อนท้องนิดนึง ท้องอืดบวมนิดหน่อยหรือ?”
เขาคุกเข่าลงอย่างช้าๆ ผสานมือหินของเขาเข้าด้วยกัน ก้มหน้าคอตกศีรษะแนบซุกหลังมือ กล่าวพึมพำ “ที่แท้ข้าก็เป็นแค่ก้อนหินไร้ค่าก้อนหนึ่ง ไม่สร้างประโยชน์อะไร…”
อันหลินกับคนอื่นๆ ต่างก็ไม่อยากพูดแขวะอะไรหงโต้วแล้ว เพราะความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้แสดงออกมาสร้างความรู้สึกตกใจกลัวให้กับพวกเขาเหมือนกัน กลืนลูกระเบิดลงท้องไป หลังจากระเบิดแล้วคิดไม่ถึงว่าไม่เป็นอะไร ร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนี้น่าหวาดกลัวมากเลยทีเดียว!
“ข้าว่าใช้เวทมนตร์โจมตีทั่วไปจะต้องฆ่าชายเผ่าพันธุ์มังกรไม่ตายแน่ จำเป็นต้องลงมือสังหารด้วยวิธีอื่น…ข้าเป็นคนลงมือสังหารลำดับต่อไปก็แล้วกัน!” หลิวฉู่ฉู่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ง้างคันธนูของตน
พลังฟ้าดินเริ่มพรั่งพรู่อย่างบ้าคลั่ง ลูกศรยาวกึ่งโปร่งแสงก่อตัวขึ้นบนสายธนู
อันหลินใช้สายตาเพ่งมองไปที่ลูกศรนั่น เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนในจิตวิญญาณ ทั้งยังสัมผัสได้ถึงแรงฉีกกระชากจิตวิญญาณที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าสิ่งที่เผชิญหน้านี้ทำให้ตนได้สัมผัสถึงประสบการณ์เข้าใกล้ความตาย
“วิชาเทวะ ลูกศรปลิดวิญญาณ!”
สิ้นเสียงตะโกนอันอ่อนหวานแต่เกรี้ยวกราดของหลิวฉู่ฉู่ ลูกศรยาวกึ่งโปร่งแสงพุ่งปราดแหวกอากาศแทงทะลุศีรษะของชายเผ่ามังกรทันใด
“วิชาธนูเทพนี้สำหรับจัดการกับจิตวิญญาณโดยเฉพาะ เป็นวิชาที่ข้าใช้ยามโจมตีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด ถ้าจิตวิญญาณของเขาต้านทานไม่ไหว กายกับดวงจิตย่อมดับสูญ” หลิวฉู่ฉู่อธิบาย
ทุกคนมองชายเผ่าพันธุ์มังกรที่ยืนนิ่งไม่หลบหลีกด้วยความประหม่าเล็กน้อย ชายเผ่าพันธุ์มังกรโดนธนูปลิดวิญญาณแทงทะลุศีรษะ ลมหายใจค่อนข้างผ่อนช้าลงคล้ายว่ากลัวจะกระทบเทือนอะไรบางอย่างเข้า
ชั่วขณะที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรโดนลูกธนูแทงทะลุศีรษะ ใบหน้าของเขาก็ดูไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ราวกับกายและดวงจิตดับสิ้นแล้ว
ทว่าไม่นาน นัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาก็กลับมาสุกใสอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด “เจ็บกะโหลกปางตาย…ไม่ถูก! เจ็บกะโหลกไม่ถึงขั้นปางตาย แค่รู้สึกเจ็บ แต่ยังไม่ตาย…เฮ้อ…”
เสียงทอดถอนใจด้วยความเศร้าโศกของเขาดังก้องไปทั่วฟ้าดิน คนอื่นที่เหลือต่างพากันเบิกตาโต ราวกับเห็นปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ
เรือนร่างอรชรของหลิวฉู่ฉู่สั่นไหว สีหน้าค่อนข้างห่อเหี่ยว “เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน…ข้าไม่ได้ยั้งมือเลยสักนิด…กลับทำให้เขารู้สึกแค่เจ็บกะโหลกเท่านั้นน่ะหรือ…”
อันหลินเองก็รู้สึกตกใจกลัว หลิวฉู่ฉู่จัดว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่ถึงเป็นเช่นนี้ก็ยังไม่อาจสังหารชายเผ่ามังกรให้ตายได้ พลังเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
มีวิธีไหนกันแน่ที่จะ…ที่จะสังหารชายเผ่ามังกรตนนี้ได้