ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 509 ตนจัดการตนเอง
อันหลินกินยาบำรุงเลือดลม เริ่มทำสมาธิกำหนดลมหายใจ
ยังไม่ทันเริ่มชิงเคล็ดวิชา ก็โดนพลังแห่งเวทมนตร์แว้งกัด สำหรับเขาแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องน่าอัปยศอดสู
แต่เมื่อได้ตรึกตรองอย่างละเอียดแล้ว ไม่รู้ว่าปีศาจเฒ่าอย่างชายเผ่าพันธุ์มังกรอยู่มายาวนานกี่หมื่นปี ดูเหมือนว่าการที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรรู้วิชาเวทมนตร์มากมายขนาดนั้นก็ไม่ใช่ เรื่องแปลกอะไร จึงไม่นับว่าการพ่ายแพ้ของอันหลินเป็นเรื่องที่ผิดพลาด
“เอ่อ…เจ้าไหวหรือเปล่า”
หงโต้วลุกขึ้นยืน เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ อันหลิน ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มใหญ่
อันหลินรู้สึกอัดอั้นตันใจ คิดไม่ถึงว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกหงโต้วถามว่าไหวหรือเปล่า…นี่สิที่เรียกว่าน่าอัปยศอดสู!
ชายเผ่าพันธุ์มังกรเกาศีรษะด้วยความรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ เอ่ยถามอย่างช้าๆ “ถึงแม้…ข้าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรกัน แต่ในเมื่อปลิดชีพข้าไม่ได้ งั้นพวกเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนคุยกับข้า ก็แล้วกัน”
อันหลินยังฟื้นฟูตนเองจากอาการบาดอยู่ ในเวลานี้ทีน่าใส่ใจดูแลอันหลินได้ดีมาก ทำหน้าที่เป็นผู้แปลอยู่ข้างๆ อันหลิน
เมื่อทุกคนได้ฟังเช่นนั้นต่างก็สบตากันไปมา ชายเผ่าพันธุ์มังกรตนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก พวกเขาไม่กล้าต่อต้าน ทำได้แค่เพียงยืนเรียงแถวอย่างว่าง่าย แสดงท่าทีว่าตามแต่ท่านเผ่าพันธุ์ มังกรจะบัญชา
“พวกเจ้าเล่าให้ข้าฟังสิว่าดินแดนภายนอกเป็นอย่างไร การพังทลายของแผ่นดินเราจบลงหรือยัง” ชายเผ่าพันธุ์มังกรถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าโลกที่เจ้าหมายถึงคือแดนโบราณบรรพกาล ถ้าการพังทลายของแผ่นดินยังไม่จบลง ปัจจุบันมีแผ่นดินที่เหลือยู่ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้ว ผ่านไปอีกนับหมื่นปี ท่ามกลางความโกลาหลอาจดับ บสูญไปตลอดกาล” หลิงอิ่งแกว่งไกวหนวด เล่าในสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดออกไป
ชายเผ่าพันธุ์มังกรนิ่งเงียบไม่พูดจาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเล็กน้อย “แดนโบราณบรรพกาลอย่างนั้นหรือ…ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่อีกดินแดนหนึ่ง? จริงด้วย พว วกเจ้าอายุน้อยมากขนาดนี้ สภาพแวดล้อมด้านนอกไม่อาจกำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ปกติได้ ส่วนพลังชีวิตของพวกเจ้าก็ไม่ได้รับสิ่งปนเปื้อน ชัดเจนว่าพวกเจ้าไม่ได้กำเนิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ …”
“ท่านผู้อาวุโส ถ้าเช่นนั้นท่านเล่าให้พวกข้าฟังได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดดินแดนแห่งนี้ถึงได้แปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้” หลิวฉู่ฉู่ถามด้วยความอยากรู้
นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ณ แดนโบราณบรรพกาลจะมีพลังตื่นรู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ในเวลานี้ได้พบหนึ่งตน เป็นธรรมดาที่จะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไป จะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนแห่ง นี้ให้ได้
ชายเผ่าพันธุ์มังกรหัวเราะเสียงแผ่วเบา ความหงอยเหงาวังเวงที่ยากจะปกปิดปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ตอนนี้รู้มากไปก็ไม่เป็นผลดีอะไรกับพวกเจ้า ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อมรรควิถีของพวกเจ้าได้ พวกเจ้าแค่ต้องจำไว้สักหน่อยว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดย่อมมีดับ ไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ แม้แต่ท้องฟ้าเบื้องบนนี้…”
ชายเผ่าพันธุ์มังกรชี้นิ้วไปยังท้องฟ้าเบื้องบน กล่าวต่อว่า “…ก็มีวันพังทลายได้”
สำหรับการพังทลายของดินแดนแห่งนี้ ชายเผ่าพันธุ์มังกรรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าคืออะไร แต่เขาไม่อยากเล่าให้หลิวฉู่ฉู่กับคนอื่นๆ ฟังมากนัก แต่กลับรู้สึกสนใจในดินแดนที่ทีน่าอยู่มาก ก
ข้อมูลที่หลิวฉู่ฉู่ได้ฟังจากปากของชายเผ่าพันธุ์มังกรมีแค่เพียงสถิติการเกิดผลึกหินต้นกำเนิดใกล้เขามังกรคด รวมถึงเหตุใดผลึกหินต้นกำเนิดจึงกำเนิดขึ้นได้
ผลึกหินต้นกำเนิดเป็นแก่นสารสำคัญของดินแดน เป็นสสารต้นกำเนิดที่หลงเหลือไว้หลังจากที่ดินแดนพังทลายแล้ว เมื่อผนึกรวมเข้ากับพลังอันยิ่งใหญ่ของผลึกหินต้นกำเนิดแล้วก็จะก่อกำเนิด ดินแดนแห่งใหม่ได้
โดยทั่วไปแล้วผลึกหินต้นกำเนิดก่อกำเนิดขึ้นในยามที่ดินแดนพังทลาย ยิ่งการพังทลายของสิ่งแวดล้อมรุนแรง โอกาสการก่อกำเนิดผลึกหินต้นกำเนิดก็จะยิ่งมาก นอกจากนี้ผลึกหินต้นกำเนิดเหล่ านี้ก็ยังก่อกำเนิดภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติด้วย เพราะร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติเปรียบเสมือนสิ่งแวดล้อมที่พังทลายอย่างหนึ่ง…
เวลาผ่านไป อาการบาดเจ็บภายในร่างกายของอันหลินก็ฟื้นฟูได้สำเร็จ
ดูเหมือนว่าชายเผ่าพันธุ์มังกรจะไม่ได้พูดคุยกับใครเช่นนี้มาเป็นเวลายาวนานมากแล้ว ในเวลานี้เมื่อได้พูดคุยก็พูดไม่หยุด ไม่หลงเหลือความวิกลจริตอยู่อีก กลายเป็นลุงช่างพูดคนหนึ่ง!
อันหลินฟังสิ่งที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรเล่าอย่างเงียบๆ อยู่ข้างๆ เขาได้รู้ว่าชายเผ่าพันธุ์มังกรชื่อเซียวถู ปกครองเผ่าพันธุ์มังกรที่อยู่ในแดนโบราณบรรพกาล เผ่าพันธุ์มังกรในยุคสม มัยนั้นเก่งกาจกว่าเผ่าพันธุ์มังกรทะเลบูรพาในยุคสมัยนี้มาก ลำพังแค่ยอดฝีมือระดับรวมมรรคาก็มีจำนวนไม่น้อยแล้ว ยังมีมังกรแห่งแสง ที่ควบคุมฟ้าอากาศได้ในระยะหมื่นลี้ ยามลืมตา าโลกสว่างอรุณฉาย ยามหลับตาโลกดับมืดแปรเปลี่ยนเป็นราตรีกาล ลมหายใจกำหนดสี่ฤดูกาล
ถึงอย่างไรก็ตามศักยภาพของเผ่าพันธุ์มังกรบนแผ่นดินนี้ก็ล้ำเลิศกว่าเผ่าพันธุ์มังกรบนสรวงสวรรค์อยู่ ล้ำเลิศเกินกว่าที่มังกรบูรพาจะเทียบได้ ฟังจากที่ชายเผ่าพันธุ์มังกรเล่า เผ่า าพันธุ์มังกรของพวกเขาก็มีการถ่ายทอดอำนาจสืบต่อกันในสายมังกร ไม่รู้ว่าจะใช่บรรพบุรุษของมังกรบูรพาหรือไม่
หลังจากที่ได้พูดคุยอย่างสบายอารมณ์ไปได้พักหนึ่ง เซียวถูก็หันมามองอันหลินอีกครั้ง “สหายอันหลิน ตอนนี้เจ้าคิดออกหรือยังว่าจะปลิดชีพข้าอย่างไร แต่อย่าตกใจกลัวจนกระอักเลือดไป ปเสียก่อนอีกนะ”
มุมปากของอันหลินกระตุกเล็กน้อย ความจริงแล้วในตอนที่เขาทำสมาธิกำหนดลมหายใจ เขาคิดวิธีสังหารได้วิธีหนึ่ง เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าความปลอดภัยของวิธีนี้อยู่ที่ระดับไหน เพราะถ ถ้าหากพลาดเพียงนิด ตนเองอาจตายได้
“ข้าคิดได้วิธีหนึ่ง แต่ก่อนจะใช้วิธีนี้ ข้ามีคำถามสองสามข้ออยากให้ท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แนะข้าสักนิด” อันหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจว่าจะลองดูสักตั้ง
“ได้ เจ้าถามมา” เซียวถูพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านผู้อาวุโส ถ้าไม่มีพลังแห่งมรรควิถีขัดขวางพฤติกรรมที่เป็นอัตวิสัย แล้วก็ท่านสามารถขัดขวางพฤติกรรมที่เป็นอัตวิสัยด้วยตัวท่านเองได้ สามารถโจมตีตนเองด้วยตัวท่านเอง จำเป็น นต้องใช้เคล็ดวิชาไหนถึงจะสำเร็จ” อันหลินถาม
“มีเยอะมาก…ถึงแม้ว่าข้าจะฝึกมรรควิถีแห่งพลังคงกระพัน แต่อย่างไรเสียข้าก็ยังรวมมรรคาไม่สำเร็จ พลังทำลายล้างจะต้องเกินขีดจำกัดของข้าชนิดที่ต้านไม่ไหว ข้าคิดๆ ดูแล้ว…ถ ถ้าหากข้าสามารถลงมือปลิดชีพตัวเองได้ ก็มีหมื่นกว่าวิธีที่จะทำร้ายข้าเองจนถึงแก่ความตายได้” เซียวถูกล่าวจริงจังมาก
เมื่อทุกคนได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับตื่นตระหนก ตามมาด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ผุดขึ้นในใจ…
หลังจากที่อันหลินได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจ ถามต่ออีกว่า “ถ้าเช่นนั้นมีกี่วิธีที่จะฆ่าตัวเองให้ตายด้วยพลังโจมตีจากภายนอกได้ วิธีที่มีโอกาสสำเร็จสูง การผนึกพลังที่ใช้โจมตี ต้องแม่นยำ และไม่มีผลข้างเคียง!”
เซียวถูกะพริบตาทั้งสองข้างปริบๆ สีหน้าดูครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอันหลินจะถามสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ให้ความร่วมมือในการครุ่นคิดหาคำตอบอย่างเต็มที่ หลังจากคิดดูแล้วเขาก็ตอบว่า “ข้ามีเคล็ดวิชาลมหายใจแห่งมัง งกร เรียกว่าเปลวเพลิงแห่งดวงดาว แผดเผาทำลายกายเนื้อและจิตวิญญาณของเป้าหมายให้ดับสิ้นได้ในชั่วพริบตา เคล็ดวิชานี้ค่อนข้างสอดคล้องกับวิธีการที่เจ้าบอก เจ้าคิดว่าอย่างไร”
เมื่ออันหลินได้ฟังเช่นนี้ เขาก็ถึงกับหนาวสะท้านไปทั่วทุกอณู
ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่ากระบวนนี้จะเป็นอย่างไร แต่เขาคิดว่าเคล็ดวิชานี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป!
แผดเผาทำลายกายเนื้อและจิตวิญญาณของเป้าหมายให้ดับสิ้นได้ในชั่วพริบตา? นี่มันพลังทำลายล้างเป้าหมายอย่างฉับพลัน! เขาไม่ค่อยมั่นใจว่าจะใช้ประโยชน์จากพลังนี้ได้…
“หรือว่าท่านลองคิดหาวิธีอื่นอีกสักวิธี” อันหลินถามต่อ
เซียวถูครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ข้ายังมีอีกเคล็ดวิชาคือกระบี่ปลิดวิญญาณ สามารถดึงพลังจากฟ้าดิน หนึ่งกระบี่แยกกรรม ปลิดวิญญาณ!”
ทันทีที่อันหลินได้ฟังเช่นนั้น โอ้แม่เจ้า ลี้ลับซับซ้อนยิ่งกว่า…
“แฮ่ก...เรามาพูดถึงเคล็ดวิชาเพลิงดวงดาวกันดีกว่าเคล็ดวิชานี้คงจะเป็นเคล็ดวิชาที่โจมตีด้วยวิถีกระสุนไหม” อันหลินถาม
“โจมตีด้วยวิถีกระสุน?” เซียวถูกะพริบตาปริบๆ ค่อนข้างงุนงง เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจคำศัพท์ที่คนแปลกหน้าผู้นี้ใช้
“อืม…หมายถึงการโจมตีแบบเส้นตรงที่วิถีพุ่งเป้าโจมตีที่ชัดเจน” อันหลินอธิบาย
“อ้อ…ใช่แล้ว” เซียวถูพยักหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอันหลินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเบาใจในที่สุด สีหน้าดูมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “งั้นท่านผู้อาวุโส ข้าขอให้ท่านใช้เพลิงดวงดาวโจมข้าที!”
อะไรนะ
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตกตะลึงเหม่อมองไปยังอันหลิน
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอยากตาย ทำไมเจ้าถึงอยากตาย” หงโต้วอ้าปากค้าง
“อันหลิน เจ้า…ทำไมเจ้าถึงคิดสั้นนัก พินัยกรรมยังไม่เขียนเลย แหวนมิติวงนั้นใครจะเป็นผู้สืบทอด” หลิวฉู่ฉู่กล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ถึงจะเป็นเช่นนี้ นางยังไม่ลืมความตั้งใจแต่ แรกเริ่ม
“ยักษ์อันหลิน เจ้ารับปากกับข้าว่าเจ้าจะดูแลผลึกหินต้นกำเนิดของข้าให้ไม่ใช่หรือ” นัยน์ตาของทีน่าเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาที่เปล่งประกาย
“ไอ้หยา พวกเจ้าอย่าคิดมากไป ข้ายังไม่ตาย ไม่เกิดอะไรขึ้นกับข้าแน่ นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเท่านั้นเอง” อันหลินปัดไม้ปัดมือไปมา จากนั้นก็หันไปมองเซียวถู กล่าวขึ้นอีกครั้ง งว่า “เชิญปล่อยพลังโจมตีข้าอย่างสุดกำลัง! ใช้เคล็ดวิชาเพลิงดวงดาว!”
เขาบอกแผนการอย่างละเอียดกับเซียวถูไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นการบอกเป็นนัยยะกับ ‘มรรควิถี’ ของเซียวถู เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็มีโอกาสสูงที่เซียวถูจะไม่ลงมือ
“จริงหรือ? เจ้าไม่กลัวตาย?” เซียวถูถามด้วยความสงสัย
“ข้ากลัวตายสิ แต่ข้าไม่ตายหรอก เจ้าต่างหาก หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เจ้าจะไม่กลัวตาย” อันหลินกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ…ได้! พูดได้ดีจริงๆ งั้นข้าต้องลงมือแล้ว เจ้ารับการโจมตีของข้าให้ดีก็แล้วกัน!” เซียวถูหัวเราะลั่น เขาอ้าปากกว้าง เริ่มปล่อยพลังโจมตีอันหลิน!
เพลิงดวงดาว!
ตูม! เพลิงไฟสีดำทมิฬที่แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้าง แผดเผาทำลายทุกอณูความว่างเปล่า เพลิงไฟพุ่งจู่โจมอันหลินทันใด!