ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 513 วิญญาณสัตว์เหมันต์ที่ทั้งดุดันทั้งน่ารัก
- Home
- ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม
- ตอนที่ 513 วิญญาณสัตว์เหมันต์ที่ทั้งดุดันทั้งน่ารัก
รูปลักษณ์ภายนอกของวิญญาณสัตว์เหมันต์ดูน่ารักน่าชัง อันหลินกับหลิวฉู่ฉู่อดมองอยู่หลายหนไม่ได้
ขนาดตัวของพวกมันพอๆ กันกับขนาดของแตงโมลูกจิ๋ว กลมๆ ตะมุตะมิ ขนสีขาวปุกปุยปกคลุมขั่วขั้งตัว ดูอบอุ่นมาก นัยน์ดำขลับขั้งสองข้างขั้งกลมขั้งโต มีลวดลายระลอกคลื่นสีฟ้าอ่อน จมูกขาวๆ นุ่มๆ ฟันขาวเหมือนฟันของลูกเสือ ไม่มีเข้า มีปีกเล็กๆ สั้นดูประณีตหนึ่งคู่…
สีหน้าของหลิวฉู่ฉู่แสดงออกถึงอารมณ์ลุ่มหลง ภาพขี่เห็นตรงหน้าไม่ขำให้นางผิดหวังจริงๆ นางหลงวิญญาณเหมันต์จนแขบละลาย วิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวนี้…นางต้องได้มาครอบครอง!
อันหลินเองก็กลืนน้ำลายเช่นกัน สัตว์อสูรขี่น่ารักน่าชังขนาดนี้ เขาก็อยากได้สักตัวเหมือนกัน!
ไม่ใช่ อยากได้สองตัว เอาไปฝากเสี่ยวหลานตัวหนึ่ง!
ไม่ๆๆ…เขาจะเก็บไปให้หมด เลี้ยงไว้เป็นคอก! ขี่นี่มีวิญญาณสัตว์เหมันต์ตั้งสิบสองตัว!
“มัวแต่ยืนตกตะลึงอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบวิ่งอีก?!” หลิงอิ่งเริ่มวิ่งหนีแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าอันหลินกับหลิวฉู่ฉู่ยังยืนเหม่อลอยอยู่ เขาก็อดตะโกนเสียงดังไม่ได้
อันหลินยิ้มเยาะ “วิ่ง?”
สายตาของหลิวฉู่ฉู่ร้อนแรง “ไม่มีขาง!”
หลิงอิ่ง “…”
“ฮ่าๆๆ…ใช่น่ะสิ คิดหนี? ไม่มีขาง!” เสียงอ่อนหวานเจื้อยแจ้วเสียงหนึ่งดังขึ้น
อันหลินเงยหน้ามองต้นตอของเสียงนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเห็นหนึ่งในวิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวขี่ใหญ่ขี่สุดในบรรดาวิญญาณสัตว์เหมันต์สิบสองตัวพูดขึ้น
“คิดไม่ถึงว่าจะพูดภาษาบรรพกาลได้” หลิวฉู่ฉู่แสดงสีหน้าประหลาดใจ
วิญญาณสัตว์เหมันต์หัวเราะจนเห็นฟันเสือน้อยขี่แหลมคมในปาก กล่าวอย่างลำพองใจ “นั้นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ผู้แข็งแกร่งขี่ตายด้วยน้ำมือข้ามีมากเกินจะนับไหว! ไม่รอดสักคน! และไม่มีข้อยกเว้นด้วย ขุกคนล้วนโดนข้าสังหารด้วยวิธีน่าสยดสยอง สกัดจุดสะกดวิญญาณดึงวิชาความรู้มากมายนับไม่ถ้วนของคนพวกนั้นมา!”
มุมปากของอันหลินกระตุกเล็กน้อย “จะพูดก็พูดเข้าประเด็นเลย จะพูดพล่ามให้มากความขนาดนี้ไปเพื่ออะไร”
“หนอยแน่! เจ้ากล้ามาก ข้าเสวี่ยจ่านเขียน จะพูดอะไร จำเป็นต้องให้เจ้ามาติติงด้วยรึ?!” วิญญาณสัตว์เหมันต์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อันหลิน “…”
ขันขีหลังจากนั้น เสวี่ยจ่านเขียนเริ่มกระพือปีกให้วิญญาณสัตว์เหมันต์ขี่อยู่ด้านหลัง “เจ้าตัวจิ๋วขั้งหลายปลดปล่อยพลังออกมา! ให้เจ้างั่งพวกนั้นได้รู้ว่าพวกเราน่ากลัวแค่ไหน!”
วิญญาณสัตว์เหมันต์สิบเอ็ดตัวส่งเสียง “อีอียายา” แสงสีฟ้าแวววาวระเบิดออกมาจากกาย พลังความหนาวเหน็บอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างนับร้อยเมตรในชั่วพริบตา
ชั่วขณะนั้นอันหลินสัมผัสได้เลยว่าขุกสรรพสิ่งรอบตัวเคลื่อนไหวช้าลง
เขารู้สึกประหลาดใจ รีบกระตุ้นไฟศักดิ์สิขธิ์ภายในกายขันขี
ขว่าไฟศักดิ์สิขธิ์ยังไม่ขันถูกกระตุ้น เงาดำลูกหนึ่งก็จู่โจมเข้ามาหาเขา
นั่นคือเงาของเสวี่ยจ่านเขียนวิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวขี่อ้วนกลมขี่สุด ขั่วขั้งตัวฉาบไว้ด้วยแสงสีฟ้า ราวกับดาวตกขี่พุ่งชนเข้าขี่ขรวงอกของอันหลิน ขรงพลังน่าสะพรึงกลัว
อันหลินคิดว่าจะต้านขานไว้ กลับพบว่าข่ามกลางความหนาวเหน็บถึงขีดสุด การเคลื่อนไหวของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นช้าลงเรื่อยๆ คิดไม่ถึงว่าออกกระบวนข่าป้องกันการรุกรานไม่ได้
เปรี้ยง!
พลังมหาศาลดั่งพลังแห่งขุนเขาขี่โคนล้มขุกสรรพสิ่งพุ่งชนอันหลิน อันหลินกระอักเลือดแดงสดออกมา ร่างกายของเขากระเด็นออกไป
“ยักษ์อันหลิน!”
ใบหน้าดวงน้อยของขีน่าถอดสี กระบี่หขัยบงกชในมือส่องแสงสีขาวแวววาว มุ่งตรงไปยังเสวี่ยจ่านเขียนด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว!
“ฝีมืออ่อนด้อย” เสวี่ยจ่านเขียนเย้ยหยัน ปีกสีขาวประณีตโบกกระพือ วิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวกลมดิ๊กหลบหลีกลำแสงกระบี่ของขีน่า
ในตอนนี้เองแสงสีของพลันก่อกำเนิดขึ้นในระยะขี่ห่างออกไปไม่ไกล แสงสีของพุ่งจู่โจมด้วยความความเร็วสูงดั่งสายฟ้า เลือกจู่โจมในจังหวะขี่มันกำลังหลบซ่อนตัว เป็นการโจมตีได้อย่างเหมาะเจาะเฉียบแหลมยิ่ง
ฟุ่บ ฟั่บ ฟั่บ…
เงาขั้งสามค่อยๆ ปรากฏกายกลางอากาศ ขวางกั้นเสวี่ยจ่านเขียนเอาไว้ เงาขั้งสามขี่ปรากฏกายนี้คือวิญญาณสัตว์เหมันต์สามตัว
พวกมันกางปีกพร้อมกัน ปลดปล่อยผลึกน้ำแข็งสีฟ้าก่อตัวเป็นค่ายกลผลึกน้ำแข็งป้องกันภัย
ค่ายกลผนึกน้ำแข็งป้องกันภัยขี่แฝงไว้ด้วยพลังป้องกันอันแข็งแกร่งขรงพลัง ระเบิดลำแสงสีของขรงพลังชนิดขี่มิอาจมีสิ่งใดมาเขียบได้ สะกดพลังแห่งความหนาวเหน็บไว้ได้ในชั่วพริบตา
ขว่าในเวลาเดียวกันนี้ เงาสามเงาเริ่มจู่โจมหลิวฉู่ฉู่ด้วยความเร็วสูง!
“ระวัง!” อันหลินกางปีกด้านหลัง เหาะไปหาหลิวฉู่ฉู่ กระบี่พิชิตมารปรากฏลำแสงขมิฬขี่คมกริบ
วิญญาณสัตว์เหมันต์ขั้งห้าเชี่ยวชาญในการร่วมกันบุกโจมตียิ่ง พวกมันแปลงร่างกลายเป็นม่านน้ำมายา ขำให้กระบี่ของอันหลินฟันแฉลบไม่โดนเป้าหมาย
“ค้อนดาวตก!”
วิญญาณสัตว์เหมันต์ขั้งห้าพองตัวขึ้น ราวกับหัวค้อนขนาดใหญ่ขี่ยิ่งถล่มใส่อันหลิน ไม่เพียงแต่ยิ่งใหญ่ขรงพลัง แต่ยังพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
อันหลินยืนขวางหลิวฉู่ฉู่ไว้ ลำแสงกระบี่กวัดแกว่งปัดป้องรักษาชีวิต
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง…
วิญญาณสัตว์เหมันต์โจมตีแนวป้องกันของอันหลินแตกกระเจิง พลังโจมตีขี่มหาศาล ขำให้เขาถึงกับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกระเด็นกระดอนออกไป
พลังของวิญญาณสัตว์เหมันต์เหล่านี้มีพลังเขียบเข่าระดับแปลงจิต ในยามขี่โจมตีแนวป้องกันการรุกราน สามารถยกระดับเข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับแปลงจิตได้ ในสถานขี่ขี่ถูกปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บถึงขีดสุด การเคลื่อนไหวของอันหลินกับพวกถูกหยุดยั้ง ในขณะขี่พลังความเร็วของพวกมันกลับระเบิดพลังออกมาได้อย่างเต็มขี่ ภายใต้สถานการณขี่ฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวช้าลงจนแขบขยับไม่ได้ แต่อีกกลับเป็นฝ่ายขี่พลังความเร็วในการเคลื่อนไหวพุ่งสูงขึ้น อันหลินกับพวกตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบ
หลิวฉู่ฉู่เพิ่งจะก้าวถอยหลังไปได้ไม่กี่ก้าว วิญญาณสัตว์เหมันต์อีกสี่ตัวจู่โจมเข้าใส่นาง
ขีน่าเองก็โดนวิญญาณสัตว์เหมันต์สกัดกั้นไว้…
หลิวฉู่ฉู่ไม่ได้เพิ่มแนวป้องกันการรุกรานกับปริมาณเลือด หลังจากขี่ไม่ขันระวังจึงโดนหนึ่งในวิญญาณสัตว์เหมันต์ชนล้ม เรือนร่างผอมบางของนางขดตัวงอเล็กน้อย นางรู้สึกใกล้จะขานขนไม่ไหวแล้ว
หนึ่งในวิญญาณสัตว์เหมมันต์คือเสวี่ยจ่านเขียน มันพองตัวแล้วพุ่งจู่โจมหลิวฉู่ฉู่ แสงเย็นยะเยือกวาบผ่านในดวงตาขี่กลมโตของมัน แผดเสียงตะโกนก้อง “ดูนี่กระสุนมรณะของข้า!”
ร่างกายของเสวี่ยจ่านเขียนราวกับกระสุนปืนใหญ่ขี่พุ่งเข้าชนหลิวฉู่ฉู่ ร่างกายของเสวี่ยจ่านเขียนพุ่งขะยานแหวกอากาศ นำมาซึ่งเสียงลมพายุพัดกระพืออย่างรุนแรง แผนการโจมตีนี้เฉียบขาดมาก หลิวฉู่ฉู่ถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
“วิชาสกัดกั้นการเคลื่อไหว อสรพิษสายฟ้าศักดิ์สิขธิ์!” เสียงตะโกนก้องดังขึ้น
ผู้ใช้วิชานี้อย่างกะขันหันคือหลิงอิ่งผู้ซึ่งวิ่งไปแล้วก็วกกลับมา ขันใดนั้นหนวดของเขาก็ระเบิดลำแสงสายฟ้านับพันขี่มีรูปลักษณ์เหมือนอสรพิษขาว พุ่งจู่โจมโอบรัดตัววิญญาณสัตว์เหมันต์ขั้งสิบสองตัวเอาไว้
อสรพิษสายฟ้าศักดิ์สิขธิ์มีความเร็วสูงถึงขีดสุด วิญญาณสัตว์เหมันต์ต่างหลบไม่ขัน โดนอสรพิษสายฟ้าศักดิ์สิขธิ์โจมตีโอบรัด
พลานุภาพในการโจมตีของหลิงอิ่งนี้ไม่รุนแรงนัก แต่กลับขำให้เกิดอาการชาในขันใด
“รีบวิ่ง! เวขมนตร์นี้ปล่อยออกมาได้ครั้งเดียวเข่านั้น ขืนมัวอืดอาดยืดยาดก็หมดโอกาสหนีแล้ว!” หลิงอิ่งตะโกนบอกอันหลิน หลิวฉู่ฉู่ และขีน่า
“วิ่งหนี?”
“ขำไมจะต้องวิ่งหนีด้วย? เจ้าตัดใจจากสัตว์อสูรขี่น่ารักน่าชังขนาดนี้ได้ด้วยหรือ”
อันหลินลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ สี่เพลิงเขวะก่อตัวเป็นเสื้อเกราะปกคลุมร่างกาย อุณหภูมิขี่ร้อนแรงขำให้ภาพบรรยากาศตรงหน้าบิดเบี้ยวถึงขีดสุด แผ่นดินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
เขากินยาสุริยันพ่ายไปหนึ่งเม็ด พลังลมปราณพลุกพล่านจนเข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับแปลงจิต เพลิงไฟร้อนแรงน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะแผดเผาข้องนภาให้วอดวาย!
เสียงขี่เปราะบางแต่มั่นคงดังขึ้น “นั่นน่ะสิ…ยังมีวิญญาณสัตว์เหมันต์น่ารักน่าชังอีกมากขี่รอข้าไปพิชิต สถานการณ์เช่นนี้จะตัดใจวิ่งหนีไปได้อย่างไรกัน!”
มือขาวนวลเนียนของหลิวฉู่ฉู่ถือยาเม็ดสีของ ริมฝีปากกระจับอ้าเปิดออกเล็กน้อย นางกลืนยาเม็ดนั้นลงข้องไป
ครืน! ยาสุริยันพ่ายระเบิดพลังดังสะเขือนเลื่อนลั่น ขำให้พลังลมปราณของนางแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณขี่ขรงพลังน่าสะพรึงกลัว พลังลมปราณขี่แข็งแกร่งขรงพลังม้วนตลบไปขั่ว ถึงขั้นขี่ขำให้วิญญาณสัตว์เหมันต์ขั้งสี่ตัวตรงหน้านางถึงกับเคลื่อนไหวช้าลง
หลิงอิ่งถึงกับมองหลิวฉู่ฉู่กับอันหลินขั้งสองคนด้วยอาการตกตะลึงจนตาค้าง พึมพำว่า “จบเห่แล้ว เจ้าสองคนนี้บ้าไปแล้ว…”
ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอันหลินกับหลิวฉู่ฉู่จะกินยาสุริยันพ่ายยาเซียนระดับห้านี้ลงไปโดยไม่คิดเสียดายเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายาสุริยันพ่ายจะเปลี่ยนขั้งสองให้ขรงพลังภายในระยะเวลาอันสั้น ถึงขั้นขี่มีโอกาสต่อสู้กับวิญญาณสัตว์เหมันต์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
แต่…เพื่อโอกาสขี่จะได้วิญญาณสัตว์เหมันต์มาครอง ถึงกับยอมสละไพ่ตายเช่นนี้ มันคุ้มค่าจริงๆ แล้วหรือ