ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 514 เจ้าก้อนขนของข้า
ไม่มีใครตอบหลิงอิ่ง เป้าหมายของอันหลิงกับหลิวฉู่ฉู่ในตอนนี้ชัดเจนมาก คือจะต้องจับตัววิญญาณสัตว์เหมันต์ให้ได้!
วิญญาณสัตว์เหมันต์ทั้งห้าตัวพุ่งตรงมาทางอันหลิน แต่กลับโดนเพลิงเทวะพายุทอร์นาโดที่อันหลินปล่อยออกมาอย่างกะทันหันบีบคั้นให้ถอยหลบ
ในตอนนี้ทุกระบวนท่าที่เขาปล่อยออกไปมีพลังขั้นสุดยอดของระดับแปลงจิต หากเขาโจมตีด้วยพลังทั้งหมดก็ถึงขั้นที่อาจจะเข้าใกล้พลังระดับหวนคืนสู่ความว่างเปล่าได้เลย
“ทะเลเพลิงสี่วิญญาณ!”
ทันทีที่เขาย่างก้าวเหยียบฝ่าเท้าลง เพลิงสุริยะ เพลิงอนัตตา เพลิงมารดารา เพลิงจันทร์ภฤษฏ์ลุกโชน เปลวเพลิงลุกลามไปทั่วทั้งถ้ำในชั่วพริบตา หลอมละลายหิมะ ทั่วทั้งถ้ำกลายเป็นลาวา
วิญญาณสัตว์เหมันต์ทั้งสิบสองตัวส่งเสียงร้องโหยหวน ราวกับหวาดกลัวเปลวไฟที่ลุกลาม
พวกมันบินมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ผนึกกำลังก่อตัวเป็นค่ายกลที่ลึกลับและมหัศจรรย์ เนรมิตผลึกน้ำแข็งสีฟ้าทรงกลมขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ปล่อยพลังเหมันต์ออกมาไม่หยุด เพื่อต่อต้าน การบุกโจมตีของเปลวเพลิงที่ลุกโชน
“ก็แค่กำลังอันแข็งแกร่งของม้าตีนปลายก็แค่นั้น ข้าจะดูซิว่าพวกเจ้าระรานผู้อื่นได้สักกี่น้ำ” เสวี่ยจ่านเทียนเริ่มพล่ามสำบัดสำนวน
“เชอะ!” หลิวฉู่ฉู่เย้ยเยาะเสียงหวาน ง้างคันธนูเป็นรูปพระจันทร์เต็มดวง ด้านหลังของนางปรากฏเงาแห่งคุนเผิง รูปร่างที่ยิ่งใหญ่มโหฬาร ความองอาจทะนงตัวที่แผ่ซานออกมา ทำให้วิญญาณสั ตว์เหมันต์ทั้งสิบสองตัวพลันตกใจกลัวจนขนลุกชัน
ลูกศรสีทองเริ่มก่อตัวขึ้นบนสายธนู ลูกศรสีทองแฝงไว้ด้วยพลังความแหลมคมขั้นสุด
วิชาเทวะ ศรหนึ่งเดียวทลายค่ายกล!
ฟุ่บ!
ลูกศรยาวสีทองพุ่งปราดแหวกทะเลเพลิง เสียบทะลุค่ายกลของวิญญาสัตว์เหมันต์ทั้งสิบสอง
เมื่อลูกศรยาวสีทองกับค่ายกลปะทะกัน ก็เกิดรอยแยกกลางอากาศกลายเป็นช่องว่างที่บิดเบี้ยว เกิดคลื่นที่มีลักษณะเป็นผงละเอียดน่าสะพรึงกลัวสาดซัดไปกลืนกินทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งสี่ท ทิศ
หลังจากที่สิ้นเสียงร้องคำราม ผลึกน้ำแข็งสีฟ้าทรงกลมก็แตกร้าวราวกับเปลือกไข่ รอยร้าวยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นร่วงกราวสู่พื้นดิน พลังสี่เพลิงเทวะปกคลุมวิญญาณสัตว์เหมันต์ทุก ตัวไว้ พวกมันส่งเสียงร้องน่าเวทนา “อีอียายา” ขึ้นอีกครั้ง
เมื่ออันหลินเห็นขนปุกปุยขาวนวลบริสุทธิ์ของวิญญาณสัตว์เหมันต์แปดเปื้อนเขม่าควันดำ เขาก็เกิดอาการใจอ่อนทันที จึงเริ่มลดพลังความรุนแรงของเปลวเพลิงลง
ทว่าในเวลานี้ หลิวฉู่ฉู่ง้างคันธนูเป็นครั้งที่สอง ลูกศรสีทองเริ่มก่อตัวขึ้นบนสายธนู อีกทั้งยังมีร่องรอยประหลาดที่เปล่งประกายแสงเรืองรองระยิบระยับไปทั่วบนลูกศร พลังกำราบที่อ อันแข็งแกร่งทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ
วิชาเทวะ ศรพุทธะปราบมาร!
ลูกศรยาวสีทองพุ่งปราดแหวกอากาศ พุ่งตรงไปยังวิญญาณสัตว์เหมันต์ทั้งสิบสองตัว ลูกศรหนึ่งดอกที่พุ่งออกไปแตกออกเป็นสิบดอก ลูกศรสิบดอกแตกออกเป็นร้อย ลูกศรร้อยดอกเป็นแตกออ อกเป็นพัน และสุดท้ายลูกศรสีทองนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นลำแสงกำราบสีทองเรืองรองขนาดมโหฬาร
วิญญาณสัตว์เหมันต์ทั้งสิบสองตัวต่างก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกมันถูกพลังประหลาดผูกมัดไว้
ไม่เพียงเท่านี้ เลือดลมและชีพจรพวกมันยังโดนสกัดกั้น
“นี่มัน…นี่มันคือเวทมนตร์สกัดกั้น?!”
นัยน์ตากลมโตของเสวี่ยจ่านเทียนเบิกกว้าง สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ
เมื่ออันหลินสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาก็เริ่มระงับทะเลเพลิงสี่วิญญาณ ในเวลานี้ถ้าเขายังใช้ทะเลเพลิงสี่วิญญาณนี้ต่อไป วิญญาณสัตว์เหมันต์ก็จะเริ่มคุ้นชินกับพลังนี้แล้ว
ท่ามกลางลำแสงกำราบสีทองเรืองรอง มีสัญลักษณ์ตัวอักษรสีทองตกใส่วิญญาณสัตว์เหมันต์แต่ละตัว สัญลักษณ์ตัวอักษรสีทองเปรียบเสมือนเครื่องพันธนาการที่ไม่อาจทำลายมัดตัวพวกมันไว้ในที่สุด ด
“ถูกต้อง ศรพุทธะปราบมารเป็นเวทมนตร์สกัดกั้น ภายในครึ่งชั่วโมงนี้พวกเจ้าจะสูญเสียพลังทั้งหมด อีทั้งยังไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้อีกด้วย” กระโปรงสีชมพูของหลิวฉู่ฉู่พลิ้วไหว นาง งกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ฟุ่บ!
วิญญาณเหมันต์ร่วงกราวราวกับเกี๊ยวที่หล่นลงในหม้อต้ม พวกมันร่วงหล่นลงบนพื้น จากนั้นก็เกลือกกลิ้งไป…
เมื่อหลิวฉู่ฉู่เห็นวิญญาณสัตว์เหมมันต์ขนสีขาวปุกปุยเหล่านี้กลิ้งขลุกๆ นางก็ไม่อาจข่มสีหน้าสำรวมอาการไว้ได้อีก นัยน์ตาทั้งสองข้างเปล่งประกายระยิบระยับ
“ว้าว! ตัวนี้ของข้า!”
นางเหาะเข้าไปอุ้มเสวี่ยจ่านเทียนเอาไว้ ใบหน้ารูปไข่ที่อ่อนนุ่มซุกลงบนก้อนกลมๆ ขนนุ่มลื่นปุกปุย นางเอาหน้าถูไถไปมาไม่หยุด เป็นสัมผัสที่ยอดเยี่ยมมาก!
อันหลินเองก็เหาะเข้าหาเสวี่ยจ่านเทียนเช่นกัน ไม่มีเหตุผลอื่นใด เหตุผลเดียวคือเสวียจ่านเทียนรูปร่างกลมดิ๊กที่สุด ขนนุ่มลื่นเป็นเงางามที่สุด อีกทั้งยังมีนัยน์ตาที่กลมโตท ที่สุดด้วย น่ารักชวนหลง!
มือข้างหนึ่งของเขาลูบคลึงเนื้อตัวกลมดิ๊กของวิญญาณสัตว์เหมันต์ไม่หยุด มืออีกข้างหนึ่งลูบคลึงปีกขนาดจิ๋วของมัน
“เอ๊ะ! ถึงจะเป็นวิญญาณสัตว์เหมันต์ แต่ทำไมลูบแล้วอุ่นจัง เป็นหมอนกอดได้เลย!” อันหลินลูบคลึงเสวี่ยจ่านเทียนผู้น่าสงสารพลางกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“นี่! วิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวนี้เป็นของข้า!” หลิวฉู่ฉู่มองอันหลินด้วยสายตาดุดัน
“เอาอะไรมาพูดว่าวิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวนี้เป็นของเจ้า บนหน้ามันไม่เห็นมีประทับตราอะไร” อันหลินย้อนถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวนี้เป็นของข้า” หลิวฉู่ฉู่กล่าวด้วยน้ำเสียงโอหัง
“เป็นของข้า!” อันหลินก็อยากได้เหมือนกัน
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มฉีกกระชากยื้อแย่ง อุ๊ย ไม่ใช่ จากนั้นทั้งสองก็เริ่มฉุดกระชากยื้อแย่งเสวี่ยจ่านเทียนกัน
เสวี่ยจ่านเทียนผู้น่าสงสาร รูปร่างเป็นทรงกลมแท้ๆ โดยยื้อยุดฉุดกระชากจนกลายเป็นทรงรี
“พวกเจ้าช่วยบันยะบันยังด้วย! ข้าเสวี่ยจ่านเทียนชั่วชีวิตนี้ไม่ยอมตกเป็นของใคร! ถึงตายก็ไม่ยอมตกเป็นของคนอย่างพวกเจ้า! พวกเจ้าโง่เขลาเกินกว่าจะคิดถึงเรื่องนี้สินะ!” นัยน์ตาทั งสองข้างของเสวี่ยจ่านเทียนฉายความโกรธเกรี้ยวออกมา ขยับปากเล็กๆ จิ้มลิ้มด่ากราดดุดัน แต่ก็ยังระคนไปด้วยความบ้องแบ๊ว
ฝูงวิญญาณสัตว์เหมันต์ส่งเสียง “อีอียายา” รีบมาช่วยลูกพี่ใหญ่ของพวกมัน ผลคือโดนอันหลินกับหลิวฉู่ฉู่เตะกระเด็นกระดอนออกไปเหมือนลูกบอล
ชัดเจนมากว่าพวกเขามุ่งความสนใจไปที่เสวี่ยจ่านเทียน
“อืม! จริงด้วยสินะ การที่พวกเราจะได้สัตว์อสูรมาครอบครอง จำเป็นต้องเกิดจากความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ถึงจะกำหนดข้อตกลงได้ ถ้าเช่นนั้นให้เสวี่ยจ่านเทียนเป็นฝ่ายเลือกดีกว่า” หลิ วฉู่ฉู่ยื่นข้อเสนอ
อันหลินตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลิวฉู่ฉู่
ทีน่ากับหลิงอิ่งไม่ออกความคิดเห็น มองดูทั้งสองพยายามต่อรองกันเพื่อบรรลุเป้าหมายอยู่ตรงนั้น
หลิงอิ่งมองฝูงวิญญาณสัตว์เหมันต์ฝูงนี้ เขาไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด
ช่วยไม่ได้ รสนิยมไม่เหมือนกัน
เขาชื่นชอบหนวดที่ทั้งเยอะทั้งยาว เฉกเช่นเจ้าหญิงปลาหมึกยักษ์แห่งทะเลตะวันตกท่านนั้น บอกได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าวิญญาณสัตว์เหมันต์เป็นสัตว์อสูรในตำนานที่แฝงไว้ด้วยพลังน้ำแข็งอันแข็งแกร่งทรงพลัง เขาไม่มีทางที่จะฝ่าอันตรายบุกเข้ามาในดินแดนประหลาดนี้แน่
“ข้อเสนอนี้ข้าเป็นผู้เสนอก่อน ดังนั้นข้าคือผู้ฝึกคนแรกของเขา!” หลิวฉู่ฉู่ชิงพูดก่อน
อันหลินคิดตรึกตรองดูแล้วว่าหากโต้แย้งกันเช่นนี้ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เขาเชื่อมั่นในตัวของเสวี่ยจ่านเทียนมากเป็นพิเศษ เสวี่ยจ่านเทียนจะต้องไม่เชื่อฟังคนยโสโอหังอย่า างหลิวฉู่ฉู่แน่ เมื่อคิดเช่นนี้อันหลินจึงพยักหน้าตกลง
เมื่อหลิวฉู่ฉู่เห็นเช่นนี้ก็ยิ้มเบิกบานใจ ลูบไล้ขนสีขาวบริสุทธิ์ปุกปุยของเสวี่ยจ่านเทียน พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งออดอ้อนทั้งนุ่มนวล “เสี่ยวเทียนเทียน…”
เสวี่ยจ่านเทียนกับอันหลินถึงกับเนื้ออตัวสั่นเทิ้ม
“มาเป็นเป็นสัตว์อสูรของข้าดีไหมจ๊ะ…ข้าจะรักเอ็นดูเจ้าสุดหัวใจ ให้เจ้าได้กินของอร่อยๆ ได้เล่นสนุกทุกวัน อยากได้เสื้อผ้าอาภร อาวุธ ของเล่น ยาวิเศษอะไรก็ตามแต่ ข้าจะหามาใ ให้เจ้า…” คำพูดเสียงอ่อนเสียงหวานออกมาจากปากของหลิวฉู่ฉู่ นัยน์ตาสีเหลืองเปี่ยมล้นด้วยความอ่อนโยนกับความเอ็นดูหลงไหล
“ข้าเสวี่ยจ่านเทียนยอมตายดีกว่าก้มหัวให้ใคร เจ้าอย่าคิดหาวิธีเกลี้ยกล่อมข้าให้เหนื่อยเลย!” เสวี่ยจ่านเทียนตอบอย่างหนักแน่นยิ่ง
เมื่ออันหลินได้ฟังเช่นนั้น แบบนี้ถึงเหมาะที่จะเป็นสัตว์อสูรของเขา มีความโอหัง!
หลิวฉู่ฉู่ยังไม่หมดหวัง นางพูดต่อว่า “ถ้าเจ้าตกลงเป็นสัตว์อสูรของข้า ข้ารับปากว่าจะปล่อยวิญญาณสัตว์เหมันต์ตัวอื่นๆ ไป!”
พรูด! อันหลินถึงกับกระอักเลือด
“จริงหรือ” นัยน์ตาทั้งข้างของเสวี่ยจ่านเทียนเป็นประกาย
ตอนนี้พวกมันตกอยู่ในสถานะผู้ถูกข่มเหง ถ้าหลิวฉู่ฉู่ยอมปล่อยวิญญาณสัตว์เหมันต์ที่เหลือไป ในฐานะเสวี่ยจ่านเทียนเป็นผู้นำ ก็ไม่แน่ว่าอาจพิจารณาที่จะเป็นสัตว์อสูรของหลิวฉ ฉู่ฉู่ก็ได้
“ไม่เป็นความจริง จะต้องไม่เป็นความจริงแน่ๆ” อันหลินคว้าตัวเสวี่ยจ่านเทียนไปจากอ้อมกอดของหลิวฉู่ฉู่ ประฌามด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าทำแบบนี้เจ้าเล่ห์เกินไปหรือเปล่า ถึงเสวี่ยจ่า านเทียนจะน่ารักน่าชังมากที่สุด แต่เจ้าก็ไม่ควรปล่อยวิญญาสัตว์เหมันต์ตัวอื่นไปเพราะสาเหตุนี้! เจ้าเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าวิญญาสัตว์เหมันต์ตัวอื่นจะรู้สึกอย่างไร!”
หลิวฉู่ฉู่แสยะปาก “ถ้าวิญญาณสัตว์เหมันต์ไม่มีเจ้าของ ก็ข้ามเขตมายังแผ่นดินบรรพกาลไม่ได้อยู่ดี แล้วจะมีประโยชน์อะไร…อย่างมากข้าก็แค่จ่ายเงินให้พวกเจ้านิดหน่อยก็สิ้นเรื่องแล ล้ว”
“ฮ่าๆ ข้าจะทำให้พวกมันทุกตัวมีเจ้าของได้ เจ้าจะเชื่อไหมเล่า” อันหลินหัวเราะเย้ยหยัน
“งั้นเจ้าก็แสดงให้เห็นสิ!” หลิวฉู่ฉู่ไม่ยอม
อันหลินหันไปมองเสวี่ยจ่านเทียนกับวิญญาณสัตว์เหมันต์ที่เหลืออีกสิบเอ็ดตัว มุมปากเหยียดยกขึ้น รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้า