ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 59 คนน่ากลัวกว่าผีเสียอีก
อันหลินมองเถียนหลิงหลิงที่ตกใจจนปล่อยโฮล้มก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย
“นี่ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมเธอขวัญอ่อนขนาดนี้ สภาพจิตใจแบบนี้ เธอยังกล้ามาทำภารกิจจับผีอีกเหรอ” เขาพูดอย่างแปลกใจ
เถียนหลิงหลิงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าอันหลินไม่เป็นอะไร ใบหน้าเปื้อนน้ำตาก็ฉายความโกรธแค้น โถมใส่อกของเขาทันที ใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบหน้าอกเขา
“ฮือ คนชั่ว ทำไมรังแกกันแบบนี้” เถียนหลิงหลิงร้องไห้พลางทุบตีไปด้วย
“ซู้ด…” เธอสั่งน้ำมูก จากนั้นก็ใช้เสื้อของอันหลินเช็ดแล้วด่าทออีกครั้ง
มุมปากของอันหลินกระตุก อยากพูดเหลือเกินว่า เธอใช้เสื้อของฉันแทนทิชชู ทำแบบนี้ไม่รังแกกันหรือไง
แต่สุดท้ายเขาก็อดทนอดกลั้น เพราะเขาเป็นฝ่ายผิดก่อน ล้อเล่นเกินเหตุไปหน่อย
ขณะที่เถียนหลิงหลิงกำลังระบายอารมณ์อยู่นั้น คล้ายว่าอันหลินจะได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากอีกทาง…
“ฮือ…”
“แงๆ…”
เขาลูบหลังเถียนหลิงหลิงแล้วพูดว่า “เธอลองฟังสิ เหมือนว่าจะมีผีอีกตัวกำลังร้องไห้เป็นเพื่อนเธออยู่…”
ร่างเล็กกะทัดรัดของเถียนหลิงหลิงสะดุ้งโหยง จากนั้นก็รู้ตัวทันที “คนชั่ว แกล้งฉันอีกแล้ว!”
อันหลิน “…”
ต่อมาเสียงร้องไห้อีกแห่งก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเถียนหลิงหลิงก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
เธอขนลุกขนพองไปทั้งตัว หันไปมองต้นเสียงอย่างหวาดผวา
“นี่…นายบอกว่าทางนั้นมีผีเหรอ ทำไมมันถึงต้องร้องไห้กับฉันด้วยล่ะ” เธอเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ
อันหลินระอาใจ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เธอมีปัญญาก็ไปถามเองสิ”
เถียนหลิงหลิงได้ฟังก็ตัวหดอีกครั้ง ความกลัวและความหวาดผวาปรากฏบนสีหน้าของเธอหมดแล้ว
อันหลินถอนหายใจเบาๆ ภารกิจนี้หากเขาไม่ตามมา เถียนหลิงหลิงอาจจะไม่ทันได้เห็นแม้แต่หน้าผีด้วยซ้ำ ก็คงตกใจจนหนีกระเจิงไปแล้ว
เขาเดินไปตามทิศทางของเสียงประหลาด เถียนหลิงหลิงตามหลังติดๆ ในมือกำยันต์สีเหลืองไว้แน่น
เสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ราวกับเสียงนั้นดังวนเวียนอยู่รอบตัว
พวกเขามองซ้ายแลขวา กลับไม่พบร่องรอยที่น่าสงสัยอะไร
อยู่ไหนกัน
ทันใดนั้น อันหลินก็รู้สึกว่ามีความเย็นเยือกแผ่คลุมไปทั้งตัว
“กำลัง…ตามหาฉันอยู่เหรอ…”
เสียงแหบพร่าแว่วมา
จากนั้น ก็มีร่างสวมชุดขาวลอยอยู่ตรงหน้าอันหลิน
มันไม่มีจมูกไม่มีปาก มีแค่ลูกตาที่มีเนื้อสีเลือดยาวหนึ่งนิ้วเชื่อมอยู่ ห้อยต่องแต่งอยู่ข้างนอก กำลังสบตาอันหลินอยู่
“คุณพระ!”
อันหลินผงะตกใจ ปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาออกไปอย่างไม่รีรอ!
ตูม!
หมัดสีทองปกคลุมร่างที่ใส่ชุดขาว ระเบิดพลังอันน่าตะลึงออกมา
“กริ๊ด…”
ผีร้ายชุดขาวไม่ทันตั้งตัว ถูกหมัดสีทองกระแทกจนปลิวออกไปสิบกว่าเมตร ล้มลงกับพื้นตัวสั่นระริก
เถียนหลิงหลิงยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง ก็เห็นผีร้ายตัวนั้นถูกหมัดซัดจนตัวลอย อ้าปากค้างแต่กลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่พึมพำว่า “สุดยอด…”
อันหลินไม่สนใจเถียนหลิงหลิง แต่วิ่งไปทางที่ผีตัวนั้นอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หมัดสะเทือนขุนเขามีอานุภาพรุนแรง แม้จะเป็นผีร้ายระดับแม่ทัพ เมื่อถูกโจมตีอย่างจัง ก็อ่อนระโหยโรยแรงเช่นกัน
“เอ๊ะ ร่างของมันเริ่มโปร่งใสแล้ว ใกล้ตายแล้วเหรอ” เมื่ออันหลินเข้าไปใกล้ผีร้ายก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ นายรีบใช้วิชาเมื่อกี้นี้อีกครั้ง รีบจัดการมันเถอะ!” เถียนหลิงหลิงหลบอยู่หลังอันหลิน มองผีร้ายบนพื้นอย่างหวาดกลัว น้ำเสียงฟังดูร้อนรน
“ใจเย็นๆ ฉันโตจนป่านนี้แล้ว เพิ่งเคยเห็นผีครั้งแรก อยากลองศึกษาสักหน่อย…” อันหลินทำหน้าตื่นเต้น จ้องผีร้ายบนพื้นด้วยแววตาประสงค์ร้าย
เมื่อผีร้ายชุดขาวได้ยินประโยคนี้ก็เบิกตากว้าง!
อ้อ ตาของมันเบิกกว้างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อากัปกิริยานี้จึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ลูกตาที่มีเนื้อสีเลือดกลับพุ่งไปทางอันหลินทันที
“คุณพระ! ขยับได้ด้วย! หมัดสะเทือนขุนเขาหนึ่งส่วนสอง!”
อันหลินเห็นดังนั้นก็ตกใจ ปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาออกไปอีกครั้ง
ตูม!
ผิวดินถูกกำปั้นกระแทกจนยุบลงไป ร่างของผีร้ายถูกหมัดซัดจนแบนราบ
“ฮือ…”
ผีร้ายชุดขาวโหยหวนเสียงแหบพร่า ร่างของมันโปร่งแสงยิ่งขึ้น
อันหลินหยิบกิ่งไม้ขึ้นมา เขี่ยลูกตาของผีร้ายตัวนั้น ม้วนลูกตากับเนื้อสีเลือดที่พุ่งออกมาราวกับม้วนงู
“อี๋ ขยะแขยง!” เถียนหลิงหลิงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
“วิเศษสุดๆ ร่างโปร่งแสงแบบนี้ แต่พอใช้กิ่งไม้เขี่ย สัมผัสกลับสมจริงมาก!” อันหลินพูดอย่างตกใจ
ผีร้ายชุดขาวอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เบิกตากว้าง “ฮือ…”
“เอ๊ะ จะว่าไปมันไม่มีปาก ทำไมถึงส่งเสียงได้ล่ะ”
อันหลินทำหน้าสงสัย จากนั้นก็ใช้กิ่งไม้เขี่ยตำแหน่งปากของผีร้าย มันเป็นสีขาวโพลน
เมื่อแหย่กิ่งไม้ลงไป กลับยุบลงไปราวกับลูกบอล
“หึๆ…น่าสนใจ” อันหลินรู้สึกสนุก ไม่คิดว่าผีจะวิเศษขนาดนี้
“ฮือ…” ผีร้ายชุดขาวโหยหวนอย่างอ่อนแรง
อันหลินส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “ทำไมถึงพูดอยู่คำเดียวล่ะ พูดอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”
จากนั้น เขาก็เบนสายตาไปที่หน้าอกอวบอิ่มของผีร้าย ใช้กิ่งไม้เขี่ยตำแหน่งนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อันนี้ใช่ของจริงหรือเปล่า…”
“ฮือ…” มีน้ำตาแวววาวผุดออกจากลูกตาที่ถลนของผีร้ายชุดขาว
“นี่! ทำไมนายถึงทำตัวอันธพาลแบบนี้” เถียนหลิงหลิงเห็นท่าทางของอันหลินแล้วร้องแหวขึ้นมา ยกมือแล้วปายันต์ปัดเป่ารังควานออกไป
ตูม!
เสาแสงสีทองพุ่งลงมาจากฟ้า โจมตีร่างของผีร้ายชุดขาว กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่กำราบมัน
ร่างของผีร้ายชุดขาวเลือนหายไปท่ามกลางเสาแสงสีทอง เสียงร้องไห้โหยหวนลอยไปตามลม สุดท้ายก็หายไปในเส้นขอบฟ้า…
“เธอฆ่ามันทำไม” อันหลินเหลียวมองหญิงสาวข้างหลังอย่างไม่พอใจ พูดอย่างโมโหว่า “เวลาที่ควรต่อสู้เธอกลับหงอเป็นกระรอก เวลาที่ควรอ่อนโยน เธอกลับเป็นเหมือนเสือตัวเมีย”
เถียนหลินหลินหน้าแดงก่ำราวกับแอปเปิ้ลสุก โต้เถียงเสียง อ่อนว่า “แต่เมื่อกี้นายกำลังจะทำตัวเป็นอันธพาล ฉันจะปล่อยให้นายทำบาปไม่ได้…”
อันหลินยกยิ้ม อยากศึกษาผีร้าย กลายเป็นทำตัวอันธพาลไปได้อย่างไร
เธอคิดบ้าอะไรของเธอกันแน่!
ขณะที่เขากำลังปวดใจที่ไม่ได้ศึกษาเป้าหมาย จู่ๆ ก็เลิกคิ้ว ยกหมัดแล้วปล่อยไปข้างหลัง
ตูม!
ร่างบิดเบี้ยวสีดำถูกโจมตี จากนั้นก็หายลับไปในความมืด
ไอสีดำห้าเส้นกำลังพุ่งไปหาพวกอันหลินพร้อมกับเสียงโหยหวน
เถียนหลิงหลิงชักยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแล้วโยนไปทางไอสีดำข้างหน้า
ยันต์ส่องแสงเจิดจ้า ก่อตัวเป็นกระบี่สีทองหกเล่ม พุ่งไปหาไอสีดำที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความเร็วแสง
คล้ายว่ากระบี่สีทองจะมีสรรพคุณกำราบไอดำเหล่านั้น เมื่อฟันไอทมิฬแล้ว มันก็จะอันตรธานหายไปในพริบตาราวกับน้ำเจอไฟ
หลังกำจัดไอทมิฬแล้ว กระบี่เล่มสุดท้าย ก็สาดแสงสีทองใส่ร่างบิดเบี้ยวที่จู่โจมอันหลินเมื่อครู่ มันกำลังจะกลืนหายไปกับความมืดแล้ว
อันหลินตาลุกวาว วิ่งไปทางที่ลำแสงสีทองเส้นสุดท้ายหายไป ตะโกนลั่นว่า “เร็วเข้า! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ คราวนี้ฉันจะจับผีตัวเป็นๆ แล้วศึกษาให้ดีเลย!”
ในความมืด เมื่อร่างบิดเบี้ยวได้ยินประโยคนี้ ก็หนีเร็วยิ่งกว่าเดิม…
……………………………