ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 146 การต่อสู้ด้วยคำพูด
ภายในห้องพิจารณาคดีที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในห้องนั้นเคร่งขรึมมาก ผู้พิพากษาที่เป็นประธานและผู้พิพากษาอีกสองคนกำลังนั่งสูงขึ้นตามมาด้วยเสมียนและผู้ช่วยผู้พิพากษาและในที่สุดก็เป็นตุลาการที่เด็ดเดี่ยวและเยือกเย็น
โจทก์และจำเลยถูกจัด ไว้อยู่ในตำแหน่งฝั่งตรงข้าม การพิจารณาคดีในครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาว่าเครื่องชั่งแห่งความยุติธรรมนั้นจะเป็นเช่นไร
จาง ซูซาน,หลี่ จื่อเมิ่ง และผู้ช่วยหญิงอีกคน นั่งอยู่ที่โต๊ะของโจทก์ …
มันเป็นครั้งแรกที่ จาง ซูซาน อยู่ในห้องพิจารณาคดีและตอนนี้เขาก็กำลังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะไม่กังวล อย่างไรก็ตามเขาสามารถได้ยินเสียงของ เสี่ยวหลัว ที่ดังอยู่ในหูฟังซึ่งนั่นมันช่วยให้อารมณ์ของเขามั่นคงขึ้น เขาหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามทำให้ตัวเองสงบลง
ฝู เฮ่ย เขาเป็นทนายที่มีผิวขาวซีดเขาสวมสูทที่รัดรูปเหนือร่างที่สูงและเรียวของเขา ระยะห่างระหว่างดวงตาของเขานั้นกว้างกว่าของคนทั่วไป ซึ่งนั่นมันทำให้เขาดูไม่ซื่อสัตย์และลื่นไหลเหมือนกับปลาไหล เขานั่งอยู่ที่โต๊ะของจำเลยอย่างมั่นใจ สายตาของเขามองตรงไปข้างหน้าและแผ่ความมั่นใจออกมาตามธรรมชาติ
เฉิน เจียนไป่ นั่งอยู่ถัดจาก ฝู เฮ่ย เขาดูไม่เหมือนกับคนที่กำลังถูกฟ้องเลยแม้แต่น้อย เขามีทัศนคติที่ร่าเริงและยังคงฮัมเพลงเล่น เมื่อเห็น จาง ซูซาน มองดูเขา เขาก็ยกนิ้วขึ้นมาทำท่าปาดคอของตัวเองด้วยท่าทางยั่วยุ
“ไอเชี้…ยนี่นิ…”
จาง ซูซาน แทบจะทนไม่ไหว ถ้าเสี่ยวหลัวไม่หยุดเขาเอาไว้ เขาก็คงจะลุกขึ้นยืนและเข้าไปต่อสู้กับ เฉิน เจียนไป่ แล้วในตอนนี้
อย่างไรก็ตามการปลุกปั่นของ เฉิน เจียนไป่ นั้นมันก็ได้ปัดกวาดความกังวลของเขาออกไปจนหมด
……
ในร้านกาแฟ กู่ กุ้ยหลิน มองไปที่ เสี่ยวหลัว ด้วยความประหลาดใจ: “คุณกำลังทำอะไร?”
เธอมองไปที่เสี่ยวหลัวด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าเขาจะคุยกับใครบางคนในห้องพิจารณาคดีผ่านการโทรศัพท์ทางไกล
เสี่ยวหลัว หยิบหูฟังออกจากหูแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมกับถามว่า “เจ้าหน้าที่กู่ ฉันกำลังทำผิดกฎหมายอยู่หรือไง?”
“ไม่”
“เนื่องจากมันไม่ใช่ ได้โปรดเถอะ เจ้าหน้าที่ กู่ อย่ารบกวนฉันเลยโอเค ขอบคุณ!” เสี่ยวหลัวพูดอย่างเฉยเมย
“คุณ…”
ในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกตำรวจชั้นแนวหน้า ดังนั้นเธอจึงมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และเธอก็รู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างมากที่เสี่ยวหลัวแสดงทัศนะคติที่ไม่พอใจต่อเธอ อย่างไรก็ตามเธอพยายามที่จะระงับอารมณ์ของเธอในตอนท้ายและโบกมือให้เขา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจกับเธอ แต่เธอก็ไม่มีความตั้งใจที่จะจากไปแต่อย่างใด
เธอสั่งกาแฟมาหนึ่งถ้วยแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอเชื่อมต่อกับ WiFi ในร้านกาแฟ แล้วก็เข้าไปดูการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีสาธารณะ เธอต้องการเห็นสิ่งที่เสี่ยวหลัวกำลังทำ
……
“การพิจารณาคดีครั้งนี้ ศาลจะเริ่มรับฟังการฟ้องร้อง เฉิน เจียนไป่ สำหรับการเผยแพร่ข่าวเท็จเพื่อทำให้ บริษัท หลัวฝาง เสื่อมเสียชื่อเสียง หากโจทก์และจำเลยมีคำพูดเพิ่มเติมใดๆ ที่จะทำคุณสามารถทำได้เลยในตอนนี้” เสียงพิธีการของประธานผู้พิพากษาดังขึ้นในห้องพิจารณาคดีที่กว้างขวาง ขณะที่เราเริ่มเปิดม่านผ้าม่านการพิจารณาคดีของศาล
ฝู เฮ่ย เป็นคนแรกที่ยืนขึ้น “ท่านผู้พิพากษา ในการพิจารณาคดีครั้งแรก ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าโจทก์ได้ข่มขู่จำเลยของเราและได้ทำการให้จำเลยบันทึกข้อความเท็จพยายามหลอกลวงประชาชนทั่วไปเพื่อมากอบกู้ชื่อเสียงของ บริษัท กลับคือ นี่มันคือการข่มขู่มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขานี้นไม่สนใจกฎหมายของประเทศจีนของเรา!”
ฝู เฮ่ย ยืนหยัดอย่างมั่นคงเพื่อหาสาเหตุที่ชอบธรรม
เมื่อ จาง ซูซาน ได้รับสัญญาณจาก เสี่ยวหลัว เขาก็พูดโต้แย้งเสียงดังว่า“คุณไม่สามารถบิดเบือนความจริงด้วยการกล่าวหาที่ไม่มีมูล หากคุณอ้างว่าเราได้รับการบันทึกเสียงผ่านการข่มขู่ จำเลย ฉันขอถามสิ่งนี้กับคุณ คุณมีหลักฐานอะไรบ้างที่เราใช้ข่มขู่ หรือว่าหลักฐานทั้งหมดคงไม่ใช่มาจากจินตนาการของคุณเองหรอกนะ”
ฮะ?!
สวี่ กว่างซ่ง,หลิน เฉาตง,จาง หยง และคนอื่นๆ ต่างก็พากันรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาคิดกับตัวเองว่า จาง ซูซาน คนนี้มีความสามารถพอสมควรเลยที่จะเริ่มต้นสงครามชักเย่อกับ ฝู เฮ่ย
ฝู เฮ่ย ตอบโต้กลับในทันที “แน่นอนว่ามันไม่ใช่จินตนาการของฉันเอง ในระหว่างการพิจารณาคดีครั้งแรก เราได้ส่งรายงานการชันสูตรศพไปยังท่านประธานผู้พิพากษาแล้ว มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในวันที่ 20 มีนาคม สาเหตุของการเสียชีวิตของชายชราที่เสียชีวิตในร้านของ หลัวฝาง นั้นคือการบริโภคสารกันบูดจำนวนมาก ซึ่งนั่นมันนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เนื่องจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันและหลอดเลือดสมอง นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้!”
“ดังนั้นข่าวที่จำเลยของฉันรายงานก็คือความจริงไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่า และแน่นอนที่สุดมันไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของโจทก์ตามที่พวกเขาได้กล่าวอ้าง จำเลยเพียงแค่ปฏิบัติหน้าที่ของเขาในฐานะนักข่าวและรายงานความจริงต่อสาธารณะชน จำเลยมีค่าควรแก่การเคารพ!”
“นอกจากนี้จำเลยของฉัน ยังบอกอีกด้วยว่า การบันทึกเสียงนั้นสร้างมาจากสคริปต์ที่จัดทำโดย บริษัท หลัวฝาง หลังจากพวกเขาข่มขู่เขา ให้ฉันถามหน่อยสิว่าการบันทึกเสียงเช่นนี้นั้นถือเป็นหลักฐานจริงๆ ได้ด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ผู้พิพากษาที่เป็นประธานและผู้พิพากษาคนอื่นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไอเชี้…ยนี้ปากของคุณมันทำมาจากอะไร คุณแน่ใจนะว่า สิ่งที่คุณพูดมานั้นเป็นความจริง!”
จาง ซูซาน ยืนขึ้นและพ้นคำผรุสวาทระเบิดออกมาจากปากของเขาในทันที เห็นได้ชัดว่านี่มันไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวหลัวต้องการให้เขาพูด แต่เขาก็รู้สึกแย่มากจากข้อโต้แย้งที่ไร้เหตุผลของ ฝู เฮ่ย
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก~”
หัวหน้าผู้พิพากษาทุบค้อนลงสามครั้งเพื่อเตือน จาง ซูซาน “ โจทก์โปรดระวัง คำพูดของคุณด้วย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ตัวตลกพวกนี้กล้าที่จะขึ้นศาล ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายด้วยงั้นเหรอ!” ฝาง ฉงเหล่ พูดออกมาพร้อมกับหัวเราะร่า ด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม
ตอนนี้มันเริ่มที่จะมีเสียงรบกวนเข้ามาแทรกจากผู้ชม ผู้พิพากษาที่เป็นประธานกล่าวว่า “เงียบ” สามครั้งก่อนที่มันเสียงพูดคุยจะเงียบลง
“แก อย่าพูดคำแบบนั้นออกมาสิวะ!”
ในคาเฟ่เสี่ยวหลัวตำหนิ จาง ซูซาน ผ่านชุดหูฟัง
จาง ซูซาน สูดหายใจลึก เพื่อสงบสติอารมณ์
“ไอโง่เอ้ย!”
ฝู เฮ่ย พูดพึมพัมวิพากษ์วิจารณ์ จาง ซูซาน เขาไม่เคยเห็นหน้า จาง ซูซาน มาก่อน ในเมืองเจียงเฉิง นั้นมีเพียงแค่ จี เซินเจิ้น คนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับเขา กับคนที่ไม่มีชื่อเช่นนี้ เขาไม่มีแรงจูงใจที่จะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการปกป้องจำเลยของเขาเลยแม้แต่น้อย
จาง ซูซาน สงบสติอารมณ์ของเขาจากนั้นเขาก็ไอแห้งออกมา ก่อนที่เขาจะพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า“ท่านประธานผู้พิพากษา ฉันขอโทษสำหรับความหยาบคายก่อนหน้านี้ของฉัน ตอนนี้ฉันต้องการให้เนื้อหาของการบันทึกเสียงของจำเลยถูกเล่นซ้ำที่นี่ในศาล”
ประธานผู้พิพากษาพยักหน้ารับทราบ และโบกมือให้กับพนักงานในห้องพิจารณาคดี ว่าพวกเขาทำตามคำร้องขอของ จาง ซูซาน
ไม่นานหลังจากนั้นในห้องพิจารณาคดีขนาดใหญ่ ก็เต็มไปด้วยเสียงคำพูดที่หยิ่งยโสของ เฉิน เจียนไป่ ในวันนั้น
“ฉันเขียนทุกอย่างตามที่ฉันต้องการ เมื่อฉันพูดว่าขนมปังของแกฆ่าคน ขนมปังของแกก็จะต้องฆ่าคน เมื่อฉันพูดอะไรมันก็จะกลายเป็นความจริง!… ฉันจะไม่พูดเรื่องของ บริษัท หลัวฝาง และฉันก็จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับแก แต่แกจะต้องให้หัวหน้าแผนก หลี่ ที่น่ารักตกลงที่จะใช้เวลาหนึ่งคืนกับฉัน ฮ่าๆๆๆ …”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าของเฉิน เจียนไบ่ ก็เปลี่ยนสีไป หากเขารู้ว่าวันนี้จะมาถึงเขาก็คงจะไม่พูดออกไปอย่างนั้น ด้วยการที่ทิ้งหลักฐานชิ้นนี้เอาไว้ มันได้สร้างความลำบากให้กับมาก
“ท่านผู้พิพากษา เมื่อตัดสินจากน้ำเสียงของเขาแล้วนั้น เขานั้นหยิ่งผยองและกล่าวถ้อยคำที่น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง” จาง ซูซาน พูดอย่างมั่นใจ “และเขาก็ยังพูดเกี่ยวกับเรื่องเพศที่หยาบคายใส่หัวหน้าแผนก หลี่ ของเราอีกด้วย ที่ที่ปรึกษาของจำเลยอ้างว่าเขาบันทึกเสียงนี้ขณะที่ถูกข่มขู่ แต่เรื่องไร้สาระนี้สามารถยืนยันในชั้นศาลได้จริงหรือ? โอ้ขอโทษ ฉันใช้ภาษาสกปรกอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ”
มันเป็นความจริงอย่างแน่นอนว่าน้ำเสียงในการบันทึกเสียงของ เฉิน เจียนไป่ นั้นเย่อหยิ่งมากและถ้ามันเป็นถ้อยคำที่ถูกข่มขู่มันก็จะไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน
ประธานผู้พิพากษาและคนอื่นพยักหน้ารับ การยอมรับนี้ได้แสดงให้เห็นถึงตรรกะที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของ จาง ซูซาน ผู้ชมที่ดูอยู่ในห้องพิจารณาคดีก็เห็นด้วยกับทฤษฎีของเขาเช่นกัน
“ทนายฝู คุณมีอะไรที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม” ผู้พิพากษาที่เป็นประธานถามโดยมองตรงไปที่โต๊ะของจำเลย
“น้ำสียงของจำเลย ไม่ควรนำมาอธิบายว่าเขากำลังหยิ่งยโสหรือหวาดกลัว น้ำเสียงของจำเลยมันเต็มไปด้วยความโกรธ ด้วยความโกรธนี้คำพูดของบุคคลนั้นมันจะออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากมีคนมาดูถูกฉัน และฉันก็โต้ตอบกลับด้วยบางสิ่งที่เกี่ยวกับแม่ของเขา นั่นหมายความว่าฉันมีความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมายกับแม่ของเขาจริงๆงั้นหรือ? กรณีนี้ชัดเจนพอใช่ไหม?” ฝู เฮ่ย ยกคิ้วเรียวของเขาขึ้น ขณะที่จ้องมองไปที่ จาง ซูซาน พร้อมกับริมฝีปากขดตัวอย่างเย้ยหยัน