ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 186 ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ในห้องที่มีแสงสลัว ร่างของต้าหยวนนอนหงายอยู่บนพื้นอย่างแข็งทื่อ ฮั่นเหมียน และ เฮยหลาง ยืนอยู่ที่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่มืดทะมึน พวกเขากัดฟันแน่น และรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
เมื่อเทียบกับอีกสองคนแล้ว เล้งเปา เขาดูค่อนข้างจะสงบมากกว่า ตอนนี้เขายังไม่ฟื้นคืนจากข้อเท็จจริงที่ว่า ต้าหยวนได้ถูกเสี่ยวหลัวเตะจนตาย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขานึกถึงดวงตาที่บ้าคลั่งของ เสี่ยวหลัว แล้วในเวลานี้มันก็ทำให้เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ไม่สามารถบรรยายได้ปรากฏออกมาในแววตาของเขา
หลง ซานกุย นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หรูหรา พร้อมกับถือไม้เท้าที่มีรูปร่างเหมือนกับหัวมังกรที่มือขวาและที่มือซ้ายก็กำลังเล่นกับลูกบอลสองลูกอยู่ ในดวงตาของเขามันเปร่งประกายไปด้วยความหนาวเหน็บ ขณะที่จับจ้องไปที่ เล้งเปา“ต้าหยวน โดนไอเด็กเวรนั่นเตะจนตายเลยงั้นเหรอ?”
เล้งเปาต้องการที่จะตอบว่าไม่ แต่ความจริงมันก็คือ เขาพยักหน้าตอบว่า“ใช่”
“ไอเด็กเวรนั่น มันร้ายกาจขนาดนั้นเลย?”
หลง ซานกุย บีบมือซ้ายของเขาที่กำลังเล่นกับลูกบอลสองลูกที่ทำจากโลหะ จนมันบิดเบี้วและผิดรูปร่างไปในทันที เหมือนกับก้อนดินน้ำมันทั้งสองก้อนที่ถูกบีบเข้าด้วยกัน
เล้งเปา ดันแว่นสายตาของเขาแล้วพูดว่า“เราชนมันด้วยรถบรรทุก แม้แต่รถที่มันขับยังเละไม่มีชิ้นดี แต่มันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร พี่หลง ผมสงสัยว่ามันอาจจะเป็นปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้เช่นกัน และมันก็มีพลังภายในที่ไม่อ่อนแอเลย”
“หึ! แม้ว่าพลังภายในของมันจะแข็งแกร่ง แต่มันคงได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นแน่ ดังนั้นจุดประสงค์ที่มันยุติการต่อสู้กับต้าหยวนอย่างรวดเร็วก็คงเพื่อที่่จะทำให้แกตกใจ ถ้าตอนนั้นแกไม่ตกใจจากการที่มันฆ่าต้าหยวน แกก็น่าจะฆ่ามันได้เหมือนกับการปาดเค้กอย่างแน่นอน” หลง ซานกุย พูดสรุปความคิดของ เสี่ยวหลัว ในระหว่างเหตุการณ์นั้นได้อย่างรวดเร็วในพริบตา
เล้งเปาตะลึง หากสิ่งที่พี่หลง พูดมาเป็นความจริง เขาก็คงจะไม่ได้พลาดโอกาสที่จะฆ่าเสี่ยวหลัวไปแล้วหรอกใช่ไหม?
หลังจากที่คิดย้อนไปในเหตุการณ์ในความทรงจำของตัวเองอย่างถี่ถ้วน เขาก็พบว่ามันมีสิ่งที่ผิดปกติไปจริงๆ เสี่ยวหลัวที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในวันนั้น แต่ตัวของมันกลับถูกปกคลุมไปด้วยเลือด และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายของมันนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีซักเท่าไหร่ ตอนนั้นมันน่าจะเป็นแรงเฮือกสุดท้ายของเสี่ยวหลัวแล้ว เมื่อเล้งเปาคิดถึงเรื่องนั้นได้ เขาก็คุกเข่าลงไปข้างหนึ่งในทันที“ปรมาจารย์หลง โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”
“ยกโทษให้แก? เหอะ! แกไปหาสมาชิกที่แข็งแกร่งมาสัก 10 คน และให้พวกมันไปตรวจสอบโรงพยาบาลทุกแห่ง ไอเด็กเวรนั่นมันจะต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ ถ้าแกพบมันก็ให้ตัดร่างของมันออกเป็นแปดชิ้นในครั้งเดียวซะ”
หลง ซานกุย ทุบพื้นด้วยไม้เท้าอย่างแรง“นี่เป็นโอกาสของแก ที่จะได้ไถ่บาป ทำมันให้ดี!”
“ครับ”
เล้งเปาพยักหน้าอย่างเคารพ ในขณะที่ในดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นตาของเขา มันก็กำลังเปล่งแสงสะท้อนที่เย็นเยียบเหมือนกับงูพิษออกมา
……
เสี่ยวหลัวยังคงถูกพันด้วยผ้าพันแผลตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่เป็นวันที่สี่ของเขาแล้วที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เย่จินจิง ของเขามันกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างอย่างไม่หยุดยั้ง และบาดแผลของเขามันก็กำลังรักษาด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็ว ความแข็งแกร่งของราชาทหารรับจ้างของเขามันก็มีศักยภาพไม่แพ้กัน ภายใต้ผลลัพธ์ที่ทับซ้อนกัน มันทำให้อาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์
จาง ซูซาน ไม่ฟังคำพูดของเขาที่บอกให้อยู่แต่ใน บริษัท ในวันนี้เขามาเยี่ยมเสี่ยวหลัวอีกครั้งเมื่อเขาผลักประตูเปิดออกมา เขาก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาได้พบเห็นกับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ! เสียงแตกหักดังออกมาจากร่างของ เสี่ยวหลัว ซึ่งนอนอยู่บนเตียงของผู้ป่วยที่ถูกพันตัวเหมือนกับมัมมี่ ขณะที่เสียงเหล่านั้นดังขึ้น ผ้าพันแผลสีขาวก็เริ่มแตกออก และเสี่ยวหลัวในตอนนี้ เขาก็ราวกับเป็นผีเสื้อที่ได้วิวัฒนาการมาจนเสร็จสมบูรณ์และกำลังจะทลายรังไหมเพื่อออกมา
เมื่อ จาง ซูซาน เห็น เสี่ยวหลัว กระโดดขึ้นมาจากเตียงของผู้ป่วย และผ้าพันแผลทั้งหมดบนร่างกายของเขาก็ร่วงหล่นลงมาจากร่างของเขาเหมือนกับขนห่าน จาง ซูซาน ก็หย่อนก้นของเขาลงไปบนพื้นด้วยความตกใจ สำหรับเขามันไม่มีคำพูดอะไรในโลก ที่จะสามารถมาอธิบายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ด้วยคำว่า“นรกเถอะ” อีกแล้ว
เสี่ยวหลัวยืนอยู่บนเตียงของผู้ป่วยด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า ผิวของเขาทุกตารางนิ้วมีความอ่อนเยาว์และอ่อนโยนเหมือนกับผิวของทารก ภายใต้การชะล้างของ เย่จินจิง มันไม่มีรอยแผลเป็นใดๆหลงเหลืออยู่บนร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย ร่ายกายของเสี่ยวหลัวในตอนนี้นั้นเป็นเช่นเดียวกันกับผลงานศิลปะที่ถูกแกะสลักออกมาอย่างปราณีต
“ไอเชี้..ยเอ้ย แกหันไปทางอื่นและหยุดชี้หำของแกมาทางฉันได้ไหม!”
จาง ซูซาน สงบสติอารมณ์ลง และยืนขึ้นพร้อมกับตบก้นของเขา ตอนนี้เขาแทบจะมีภูมิคุ้มกันต่อเหตุการณ์ที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวหลัวแล้ว นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าบาดแผลทั้งตัวของเสี่ยวหลัวนั้นหายเป็นปกติภายในเวลาแค่สามหรือสี่วัน และมันก็ไม่เหลือไว้แม้แต่รอยแผลเป็นใดๆ แม้ว่ามันจะมีเครื่องบินจะตกลงมาจากท้องฟ้าก็ตาม เขาก็คงจะไม่ตกใจอะไรแล้วในตอนนี้ เพราะว่าเขาไม่สามารถคาดเดา เสี่ยวหลัว ของเขาได้ด้วยสามัญสำนึกได้เลย
เสี่ยวหลัวกระโดดลงมาจากเตียงอย่างใจเย็น และหยิบชุดของคนไข้ออกมาจากตู้เพื่อมาจัดการกับร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขา
“แกมาที่นี่อีกทำไม? วันนี้ฉันไม่ได้บอกให้แกอยู่แต่ใน บริษัท หรอกเหรอ ในขณะที่ฉันไปจัดการกับ แก๊งมังกร?”
“เสี่ยวหลัว แม้แต่แฟนของฉัน ฉันก็ยังไม่ทำแบบนี้เลย” จาง ซูซาน พูดออกมาพร้อมกับถ่มน้ำลาย
เสี่ยวหลัวติดกระดุมทีละเม็ด ขณะที่เหลือบมองไปที่ จาง ซูซาน“แกเคยมีแฟนหรือไง?”
คำพูดนี้มันได้ทิ่มแทงลงไปในความเจ็บปวดของ จาง ซูซาน โดยตรง ใบหน้าของ จาง ซูซาน แดงซ่านในทันที“เชี้..ยเอ้ย แกควรจะรู้ว่าหม้อใบไหนที่เปิดได้และหม้อใบไหนที่ไม่สามารถเปิดได้ ฉันจะไม่กลับมาอีกแล้ว ดังนั้นฉัน ‘ จะซ่อนตัวอยู่ใน บริษัท ตามที่แกต้องการ! และจะไปเล่นจ้ำจี้กับพนักงานหญิงอยู่ในห้องทำงาน!”
จาง ซูซาน ทิ้งคำพูดไว้อย่างหงุดหงิด
……
เมื่อตกกลางคืนด้วยแสงไฟที่ส่องสว่าง มันก็ทำให้เจียงเฉิง กลายเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
เล้งเปา รู้สึกหดหู่มากในช่วงสี่วันนี้ เขาปล่อยให้พวกลูกน้องไปตรวจสอบดูทุกโรงพยาบาลในเจียงเฉิง แต่เขาก็ไม่พบผู้ป่วยที่ชื่อเสี่ยวหลัวเข้ารับการรักษาเลย นั้นก็เพราะว่าเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ซื่อที่ลงทะเบียนเข้ารับการรักษาของเสี่ยวหลัวจะเป็น เหลยเฟิง หากตรวจสอบด้วยชื่อของเสี่ยวหลัว มันก็จะต้องหาไม่พบอยู่แล้ว
เล้งเปานั่งอยู่ในรถอย่างกระวนกระวายราวกับคนติดยา เมื่อลูกน้องรายงานเขาว่า มันไม่มีชื่อเสี่ยวหลัวอยู่ในโรงพยาบาล ที่ลูกน้องของเขาเพิ่งจะเข้าไปตรวจ ในตอนนี้เล้งเปาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาชกไปที่กระจกหน้าต่างของรถจนเป็นชิ้นๆด้วยการชกเพียงครั้งเดียว!
ในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นของเขาก็ดังขึ้น มันมาจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก
เล้งเปา ดันแว่นสายตาของตัวเองและบังคับให้ตัวเองสงบสติลง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดรับสาย“ใครเป็นคนพูด?”
“ฉันชื่อเสี่ยวหลัว!” ในโทรศัพท์ของเขามีเสียงที่เย็นชา ดังขึ้น
เล้งเปานั่งตัวตรงในทันที“แกติดต่อฉันมาได้ยังไง”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญ แกคงจะยุ่งอยู่กับการตามหาตัวของฉันสินะ แกไม่อยากรู้เหรอ ว่าฉันอยู่ที่ไหน” เสี่ยวหลัว พูดออกมาอย่างเย็นชา
“แกอยู่ที่ไหน?”
“เงยหน้าขึ้นมาสิ”
เล้งเปาตอบสนองด้วยการเงยหน้าขึ้นมาในทันที รูม่านตาของเขาขยายออกเพื่อปรับให้เข้ากับท้องฟ้าที่มืดมิดผ่านซันรูฟ เขาเห็นรถคันหนึ่งที่กำลังพุ่งออกมาจากด้านบนของตึกสิบชั้น ดูเหมือนว่ารถมันจะลอยอยู่ในอากาศ สักพักจากนั้นมันก็ดิ่งลงมาอย่างรวด และเร็วขึ้นด้วยโมเมนตัมของแรงโน้มถ่วง
“ไอ้บ้าเอ้ย!”
เหงื่อเย็นไหลออกมาจากร่างกายของเล้งเปาในทันที และกลิ่นแห่งความตายก็โชยออกมาจากด้านบนหัวของเขา เล้งเปาหน้าซีดด้วยความกลัว หลังจากอาการตกใจผ่านไป เขาก็รีบตอบสนองในทันที เขารีบเร่งออกไปจากรถโดยเร็วที่สุด แต่มันก็สายเกินไป ทันทีที่มือของเขาแตะกับประตูรถ รถที่ตกลงมาจากกว่าตึกสิบชั้นก็พุ่งลงเข้ามาใส่หลังคารถของเขาอย่างแรงในทันที
“ตูมมมม ~”
เสียงมันดังกึงก้องเหมือนกับอุกกาบาตที่ตกลงมาสู่พื้นโลก จนทำให้พื้นดินรอบๆสั่นกระเทือน รถสีคำยุบลงไปและเสียรูปร่างไปในทันที พร้อมกับระรอกคลื่นอัดอากาศที่แผ่กระจายไปรอบๆ
ภายในรถร่างของเล้งเปา ถูกอันกระแทกจนแหลกเละเป็นแอ่งเลือดไปในทันที และเลือดมันก็ไหลออกมาตามช่องว่างของประตูรถ!
สมาชิกแก๊งมังกรทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากนี้ ทุกคนมองไปที่ฉากที่เกิดขึ้นอย่างหวาดกลัว จากนั้นพวกเขาก็โทรศัพท์ไปหา หลง ซานกุย พร้อมกับพูดรายงานด้วยร่างกายที่กำลังสั่นเทาว่า“พี่หลง…เล้งเปา…เล้งเปา….เขา….ตาย…แล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหลัว ที่ยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้า ก็ปรบมือปัดฝุ่นที่อยู่บนมือของเขาออก และหันหลังเดินจากไปเหมือนกับว่าที่เขาเพิ่งจะทำไปนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร
ตาต่อตาฟันต่อฟัน!