ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 188 กู่ เฉียนเซวีย
หลังจากการตรวจสุขภาพแล้ว เสี่ยวหลัว และผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เหลือก็ถูกย้ายไปยังฐานฝึกอบรมของสถานีตำรวจเขตกวงหมิง ฐานนั้นตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลที่เชิงเขาในเขตกวงหมิง แม้ว่ามันจะเป็นสนามฝึกของตำรวจอาสาเพื่อปรับปรุงสภาพร่างกาย แต่มันก็ดูเหมือนกับค่ายทหารมากกว่า
“ว้าว มันยอดเยี่ยมมากเลย! ดูสิมีสนามยิงปืนอยู่ตรงนั้นด้วย!”
“ใช่แล้ว มันมีสถานที่ฝึกอบรมสำหรับการวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางด้วย มันเจ๋งมากเลย”
“ฉันคิดว่าสนามฝึกแห่งนี้ มันจะต้องใช้เงินหลายสิบล้านในการสร้างอย่างแน่ๆ”
ทันทีที่เข้าค่ายฝึก เหล่าตำรวจอาสาที่เข้าร่วมการฝึกพิเศษ ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เช่นที่ตรงนั้นมันโคลนบ่อทรายหนิ นั่นมันสนามวิ่งนี่ เป็นต้น ทุกอย่างที่นี่มันทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง ฉากการฝึกของกองกำลังพิเศษเหมือนกับในโทรทัศน์ปรากฏขึ้นมาในใจของพวกเขา ทุกอย่างที่นี่มันดูน่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขาเป็นอย่างมาก
“ฉันรู้สึกว่า พวกนั้นมันจะต้องเหนื่อยมากๆแน่”
เหลยเฟิง พึมพำเสียงต่ำออกมา เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยจะกระตือรือร้นต่อเรื่องนี้มากสักเท่าไหร่
……
หลังจากเปลี่ยนเครื่องแบบที่หอพักของค่ายฝึกแล้ว พวกเขาก็มารวมตัวกันที่สนามฝึกซ้อม
เมื่อพวกเขามาถึงสนามฝึก มันก็มีผู้ชายสองคนที่ใส่เสื้อกล้ามสีดำกางเกงลายพรางและรองเท้าบูทสีดำยืนอยู่ในสนามฝึกซ้อม ทั้งคู่ตัวสูงกว่า 1.8 เมตร และมีผิวสีแทน พวกเขามีดวงตาที่ร้อนแรงดั่งคบเพลิง และหนึ่งในนั้นก็สวมแว่นกันแดดสีดำ เมื่อมองดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว พวกเขาดูน่ากลัวมาก
คนที่สวมแว่นกันแดดมีไม้จิ้มฟันอยู่ในปาก เขายืนตัวตรงโดยพักแขนไว้ที่ด้านหลังอย่างมั่นคง เขาก้าวไปข้างหน้าและแนะนำตัวเองกับฝูงชนว่า“นามสกุลของฉันคือเหยียน ส่วนชื่อคือ หวัง. ฉันจะเป็นผู้สอนของพวกคุณ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยรับผิดชอบการฝึกอบรมพิเศษของพวกคุณตลอดระยะเวลาทั้งสิบห้าวันนี้!”
เหยียนหวัง? ราชาแห่งนรก?
ผู้คนต่างพากันซุบซิบกัน พร้อมกับสงสัยเกี่ยวกับชื่อของอาจารย์ของพวกเขา
“เงียบ!”
เหยียนหวัง ตะโกน “ก่อนที่พวกคุณจะพูดอะไร พวกคุณจะต้องตะโกนคำว่า ‘รายงาน’ ออกมาก่อน และพวกคุณจะพูดได้ก็ต่อเมื่อฉันอนุญาตให้พวกคุณพูด พวกคุณได้ยินไหม!”
“ครับผม!”
ฝูงชนตะโกนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง
“พวกคุณสามารถใช้ได้เฉพาะคำว่า” ใช่ “หรือ” ไม่ “เท่านั้นเพื่อตอบฉัน และในภายหลังฉันไม่ต้องการที่จะได้ยินเสียงตอบรับคำอื่นอีก เข้าใจไหม!” เสียงของ เหยียนหวัง เต็มไปด้วยพลัง
“ครับผม!” ฝูงชน ตะโกนตอบกลับกันอย่างพร้อมเพรียง
“ดีมาก ฉันเชื่อว่าหลังจากนี้พวกเราจะมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน!”
เหยียนหวัง มองไปที่ทุกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเขร่งขรึม “รองผู้สอน อยู่ไหน?”
“ครับผม!”
ชายอีกคนก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับตอบด้วยเสียงที่ดังออกมาจากช่วงท้องของเขา
“ให้พวกเขาทำกายบริหารช่วงกล้ามเนื้อและกระดูก” เหยียนหวัง พูด
“รับทราบครับผม!”
รองผู้ฝึกสอนหันไปมองทางฝูงชน และตะโกนออกคำสั่ง“ทุกคนขวาหัน และเริ่มวิ่งไปตามขอบเขตของสนามฝึกซ้อม! และอย่าหยุดจนกว่าฉันจะสั่งให้พวกคุณหยุด!”
ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของเขาและเริ่มวิ่งเหยาะๆในทันที
เมื่อพวกเขาเริ่มออกตัววิ่ง เหยียนหวัง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา“ข้อกำหนดสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมของตำรวจมันลดลงและตกต่ำลงจริงๆ ดูสิพวกเขานั้นมีแต่พวกเหลาะแหละ ไม่มีใครมาจากกองทัพที่ได้รับการฝึกวินัยมาอย่างดีพวกนั้นเลย พวกเขาเป็นแค่คนธรรมๆ เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน มันจะทำให้พวกเขามีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของประชาชนด้วยการฝึกอบรมที่เร่งรีบนี้ได้ใช่ไหม? นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว!”
รองผู้ฝึกสอน เฟิง ยี่เสี่ยว พูดออกมาอย่างหมดหนทาง:“ในปัจจุบันสถานีตำรวจแทบจะทุกแห่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอที่จะระดมกำลังพลได้เลย ประกอบกับ เมืองเจียงเฉิง ที่กำลังพัฒนาและได้มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้พื้นที่เมืองมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามธรรมชาติแล้วความต้องการตำรวจจึงเพิ่มขึ้นมากขึ้น และนอกจากนี้พวกระดับสูงก็ยังบังคับให้พวกเขารับสมัครพลเรือนปกติที่มีความสามารถเข้ามาด้วยเช่นกัน เพื่อมาทดแทนบุคคลากรที่กำลังขาดแคลน”
“แม้ว่าพวกเราจะต้องการบุคลากรที่มีความสามารถ แต่นี่มันไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมเลย เพราะว่าข้อกำหนดมันต่ำเกินไป และมันก็จะทำให้คุณภาพโดยรวมของตำรวจในหน่วยงานลดลง และพวกตำรวจอาสาพวกนี้ ก็มักจะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างไม่เหมาะสมกันสักเท่าไหร่ พวกระดับสูงไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้อีกหรือ” เหยียนหวัง รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก กับแนวทางนี้
เฟิง ยี่เสี่ยว ถอนหายใจออกมา“คุณพูดถูก แต่อย่างไรก็ตาม…” เขาหยิบเอกสารข้อมูลของหญิงสาวคนหนึ่ง ออกมาจากแฟ้มของเขาและส่งไปให้กับ เหยียนหวัง “ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่ผู้หญิงคนนี้เธอมีคุณสมบัติครบถ้วนในทุกด้าน!”
“กู่ เฉียนเซวีย?” เหยียนหวัง มองไปที่ชื่อที่ปรากฏอยู่ในประวัติย่อ
เฟิง ยี่เสี่ยว พยักหน้าและพูดอธิบาย“เธอเป็นน้องสาวของ กู่ กุ้ยหลิน หัวหน้าหน่วยงานหลักของเขต เจียงเฉิง เธอได้รับอิทธิพลมาจากพี่สาวของเธอค่อนข้างมาก ดังนั้นเธอจึงปรารถนาที่จะเป็นตำรวจ และสิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากพี่สาวของเธอก็คือ เธอนั้นได้เป็นลูกศิษย์ของ ต้ากู ของภูเขาเทียนซาน เมื่อตอนที่เธออายุได้เพียงแค่สิบขวบ และเธอก็ได้รับการฝึกฝนทักษะมามากมาย หลังจากที่เธอออกจากภูเขา เธอก็มักจะติดตาม กู่ กุ้ยหลิน ไปที่สนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่อยู่บ่อยๆ ความสามารถในการเป็นนักแม่นปืนของเธอ นั้นอยู่ในอันดับต้นๆเลยทีเดียว”
“เมื่อได้ฟังสิ่งที่ฉันพูดแล้ว คุณรู้สึกยังไงที่สถานีของเราได้รับสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้”
“มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าจริงๆ ความสำเร็จในอนาคตของเธอในสายงานตำรวจ มันจะต้องสูงกว่าพี่สาวของเธออย่างแน่นอน”
เหยียนหวัง ยิ้มออกมาขณะที่มองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างสมส่วนและสง่างาม ที่กำลังวิ่งอยู่ที่หัวแถว
ท่าทางและใบหน้าที่ดูเย็นชาของเธอ มันทำผู้คนเข้าหาตัวของเธอยาก เธอมีผิวขาวดั่งหยกและรูปร่างที่ผอมเพรียว บนใบหน้าที่เย็นชาและบอบบางของเธอมันมีดวงตาคู่หนึ่งที่สวยงามและดูลึกลับ แม้ว่าเธอจะแต่งตัวด้วยชุดลายพลางเหมือนกับคนอื่นๆก็ตาม แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดาของเธอ มันทำให้เธอดูแตกต่างจากคนอื่น เหมือนกับหงส์ขาวที่อยู่กลางดงเป็ด
……
“เมื่อไหร่ที่เราจะหยุดวิ่งสักที? ขาของฉันมันจะพังอยู่แล้วเนี้ย!”
“ใช่ใช่ การฝึกที่เข้มข้นสูงเช่นนี้ มันทำให้ผู้คนยากที่จะอยู่ได้”
“ความจริงสิ่งที่เราเห็นในโทรทัศน์มันเป็นเรื่องที่หลอกลวง! ที่นี่ไม่เห็นจะมีความตื่นเต้นอะไรเลยซักนิด ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปขาของฉันจะต้องพังอย่างแน่นอน”
หลังจากวิ่งไปห้ารอบติดต่อกัน พวกเด็กฝึกก็เริ่มที่จะสูญเสียความมุ่งมั่นไป จิตใจของพวกเขามันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทุกคนหมดแรงและยากที่จะดำเนินการต่อ พวกเขาทุกคนต่างก็พากันจับจ้องไปที่ เฟิง ยี่เสี่ยว ในตอนนี้พวกเขาปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้เขาตะโกนคำว่า ‘หยุด’ ออกมา
ในทางกลับกัน เสี่ยวหลัว เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆ แต่เพื่อไม่ให้มีความโดดเด่นจนมากเกินไป เขาจึงวิ่งขนาบข้างกับ เหลยเฟิง อย่างไม่เร่งรีบและ เหลยเฟิง ในเวลานี้เขาก็เหนื่อยล้าเป็นอย่างมากและเขาก็แลบลิ้นออกมาเหมือนกับสุนัข แม้แต่พูดตอนนี้เขายังทำไม่ได้เลย
“วิ่งเร็วขึ้นอีก! มองดูตัวเองพวกคุณทำได้แค่นี้เหรอ! แม้แต่ผู้หญิงก็ยังวิ่งอยู่ข้างหน้าเลย พวกคุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยเหรอ? วิ่งเร็วขึ้นและก็อย่าหยุด! ใครหยุดจะหมดสิทธิในการเป็นตำรวจอาสาในทันที!” เหยียนหวัง ตะโกนกระตุ้น
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ทุกคนก็พบว่าคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าของพวกเขาในตอนนี้ก็คือผู้หญิง! เด็กฝึกหัดชายหลายคนที่มีความภาคภูมิใจของลูกผู้ชาย พวกเขากัดฟันของตัวเองแน่น และพวกเขาก็กระตุ้นตัวเองด้วยการตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อปลุกความฮึกเหิม
แต่ทุกครั้งที่พวกเขากำลังจะแซงเธอ เธอก็จะเร่งความเร็วขึ้นและกลายมาเป็นผู้นำอยู่เสมอ หลังจากพยายามหลายครั้งทุกคนก็หมดกำลังใจและยอมแพ้ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกสงสัยว่า“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมเธอถึงมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้?”
เสี่ยวหลัว เองก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นเดียวกัน หลังจากสังเกตเธออย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบว่าการหายใจของเธอนั้นมั่นคงมาก หลังจากที่วิ่งไปห้าถึงหกรอบ เธอก็แทบที่จะไม่มีเหงื่อไหลออกมาเลย เธอต่างจากเด็กฝึกหัดคนอื่นๆที่เสื้อเครื่องแบบของพวกเขาที่เต็มไปด้วยคราบเหงือที่เปียกโชก
“ดูเหมือนว่าเธอ จะเคยฝึกฝนในระดับนี้มาก่อน และความแข็งแกร่งของเธอก็ไม่น้อยเลย” เสี่ยวหลัว ลอบประเมินอยู่ในใจ
“ฉันทำไม่ได้…ฉันไปต่อไม่ไม่ไหวแล้ว…”
ริมฝีปากของ เหลยเฟิง กำลังสั่นเทาและเปลี่ยนเป็นขาวซีด ในขณะที่เขาค่อยๆช้าลงจนเกือบจะหยุด นี่คือสัญญาณของความเหนื่อยล้าที่ดำเนินมาจนถึงขีดสุด
เสี่ยวหลัว ไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าไปพยุงตัวของ เฟลยเฟิง ด้วยแขนของเขา“พี่เฟิง มันจะดีกว่าถ้าพี่ไม่นอนดึกบ่อยๆในอนาคต การนอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพของพี่เลย”
เมื่อ เสี่ยวหลัว เห็น เหลยเฟิง ในครั้งแรก เขาก็สามารถบอกได้เลยว่า ร่างกายของ เหลยเฟิง นั้นอ่อนแอ และใบหน้าที่แก่เกินวัยของเขา มันก็อาจจะเกิดมาจากการที่เขานอนดึกบ่อยๆ ความอ่อนแอของเขามันจะไม่แสดงออกมาในตอนปกติ แต่ทั้งหมดมันก็จะถูกเปิดเผยออกมาในระหว่างกิจกรรมที่เหนื่อยยากและเข้มข้นเช่นนี้ แม้แต่เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ยังกัดฟันและวิ่งต่อไปได้ แต่ เหลยเฟิง นั้นไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไปแล้ว