ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 27:การโต้ตอบ
Chapter 27:การโต้ตอบ
“รั่วหราน กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เงินเป็นรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด!”
“Wan” ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดไปซะทีเดียว ถ้านายไม่เข้าใจนายก็ควรไปอ่านพจนานุกรม Cihai ซะ”
“เสี่ยวหลัวมาดูกันว่านายจะโต้แย้งสิ่งนี้ได้อย่างไร”
นักศึกษาหญิงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ฮวางรั่วหราน พวกเธอปรบมืออย่างกระตือรือร้นเพื่อสนับสนุน ฮวาง รั่วหราน และได้พูดโต้ตอบกับ เสียวหลัว เพื่อแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อเขา
ฮวาง รั่วหราน มองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างเงียบๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นศัตรู
เสี่ยวหลัวมองไปที่เธอและหัวเราะเบาๆ “ไม่ว่าเธอจะตัดมันออกมายังไง แอปเปิ้ลหนึ่งลูกก็ตัดออกมาเป็นเพียงแอปเปิ้ลอย่างเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่า ฮวาง รั่วหราน จะกล่าวถึง” ความชั่วร้าย” เอาไว้มากมาย แต่อันที่จริงแล้ว มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นและนั่นก็คือความโลดสําหรับเงิน ความปรารถนาในเงินเป็นสิ่งชั่วร้ายประเภทเดียวหรือไม่? แน่นอนว่าคําตอบก็คือไม่!
“หากเธอพูดว่า”Wan” ไม่ได้หมายความว่า “ทั้งหมด” หรือ “เกือบทุกอย่าง” ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะถามว่า ถ้าฉันบอกว่าเธอไม่เห็นด้วยกับการวางตัวของฉันในวันนี้? แต่บางครั้งเธออาจเห็นด้วย? คําตอบนั้นมันไม่ตายตัวดังนั้นคําว่า “Wan” ในที่นี้ก็หมายถึง “ทั้งหมด”
“F*ck me!”
จูเสี่ยวเฟยไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่พูดคําสบถออกมา เหตุผลก็คือข้อโต้แย้งของเสี่ยวหลัวนั้นน่าเชื่อถือเกินไป แม้ว่าจะมีใครบางคนต้องการที่จะเชื่อมั่นในคํายืนยันของ ฮวาง รั่วหราน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้ หากคํากล่าวก่อนหน้านี้ของ ฮวาง รั่วหราน เปรียบเสมือนพายุที่รุนแรงการตอบโต้ของเสี่ยวหลัว ก็เปรียบเสมือ นคลื่นทะเลที่กําลังโหมพัดกระหนำโลกทั้งใบตกอยู่ในสภาวะสับสนภายใต้พลังของคลื่นภาษาทั้งสองนี้
หูของทุกคนตั้งขึ้น พวกเขาเห็นว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่ ฮวาง รั่วหราน ที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีและมีความชํานาญที่สูง แต่มันก็ยังมี เสียวหลัว ด้วยอีกคน การใช้ภาษาของพวกเขาทั้งสองคนนั้น มันน่าเหลือเชื่อมาก
เสี่ยวหลัวยังคงมีรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวต่อว่า“เงินไม่สามารถครอบคลุมความชั่วร้ายทั้งหมดในโลกใบนี้ ตามการวิจัยทางมนุษย์วิทยารูปแบบของความชั่วร้ายนั้นแบ่งออกเป็นสี่ประเภทหลักๆ และ ทั้งสามประเภทนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเงิน และหนึ่งในนั้นก็คือความโลภ”
“ตอนนี้ฉันจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของความโลภสาหรับเงิน แต่ฉันจะพูดถึงความชั่วร้ายของความเชื่อสุดโต่ง แทนในปี 1995 สมาชิกลัทธิบบางคนได้ปล่อยก๊าซพิษที่สถานีรถไฟใต้ดินในโตเกียวและนั้นมันก็ทําให้มีคนตายไปกว่าสิบสองคน และมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมากกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ในช่วงสงคราม ครูเสดมันไม่ใช่แค่พวกผู้ใหญ่ที่ได้รับอันตรายพวกผู้หญิงและเด็กที่ไร้เดียงสาและไม่มีอาวุธจํานวนมากต่างก็ถูก เผาทั้งเป็นถึงแม้ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ในโบสถ์ก็ตาม”
“กรณีเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและการบาดเจ็บส่วนใหญ่ พวกมันไม่ควรรวมอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “ความชั่วร้ายทั้งหมด” งั้นเหรอ? และพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับเงินอย่างไร? “
“อู่ ซานกุ้ย นั้นเป็นแม่ทัพในปลายราชวงศ์หมิง และเขาก็เป็นผู้ที่เปิดประตูเมืองให้กับพวกแมนจได้บุกเข้ามาปักกิ่งในสมัย หลี่ ซื้อเฉิง เขาทําทั้งหมดนี้ก็เพราะ ฉิน หยวนหยวน ถูกจับไว้เป็นตัวประกันไม่ใช่เพราะเงิน เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานข่าวเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ได้ฆ่าแฟนสาวของเขาและแยกชิ้นส่วนร่างกายของเธอออกเป็ นสิบสามส่วน เป็นเพราะว่าเธอได้พบกับรักครั้งใหม่สาเหตุของการกระทําชั่วนี้คือความเกลียดชังที่มีอยู่ในใจของเขาหรือไม่? หรือเป็นเพราะว่าแฟนสาวของเขาไม่ได้ให้เงินในการบอกเลิกกับเขา?”
“ตัวอย่างมากมายแสดงให้เห็นว่าเงินนั้นไม่ใช่สาเหตุของความชั่วร้ายทั้งหมด ดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่าเงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้าย อย่างน้อยมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นมามากมายทั้งหมดนั่น!”
นักศึกษาที่อยู่ในคลาสอ้าปากค้างเมื่อพวกเขาได้ฟังการโต้แย้งนี้นั้นมีพลังมากจนส่งผลกระทบต่อมุมมอง ของฮวาง รั่วหราน โดยตรง
อาจารย์ จัง เหม่ยลี่ จ้องมองด้วยความประหลาดใจ คลาสเรียนของเธอนั้นไม่ค่อยมีชีวิตชีวาในหลายปีที่ผ่านมา เสี่ยวหลัวที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่เพียงแต่ผลักนักเรียนของเธอไปสู่จุดสูงสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ เขายังทําให้เธอที่เป็นอาจารย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอไม่เคยคิดเลยว่าหัวข้อที่เธอโยนออกไปมันจะทําให้ เกิดการพูดคุยโต้ตอบที่รุนแรงขนาดนี้
ในเวลานั้น ฮวาง รั่วหราน ก็พูดขึ้นมา เธอพูดตอบคําถามของ เสี่ยวหลัว “คําถามแรกที่นายพูดถึงนั้นเป็นปัญหาหลักของลัทธิชั่วร้ายโชโกะ อาซาฮาระ (Asahara Shoko) ได้วางแผนแต่เพียงผู้เดียวเกี่ยวกับเหตุการณ์ แก๊สพิษในสถานีรถไฟใต้ดินในโตเกียว เขาเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิโอมชินริเกียว (Aum Shinrikyo หรือลัทธิวันสิ้น โลก) และเขาก็ได้ขายผมหนึ่งเส้นให้กับผู้ศรัทธาในลัทธิของเขาในราคา 30,000 เยน และน้ํามนต์หนึ่งถ้วยใน ราคา 50,000 เยน ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้พูดถึงสิ่งนี้ แต่ในใจของเขานายคิดว่าเขาจะไม่ได้คิดเกี่ยวกับเงินเลยงั้นเหรอ?”
“ถ้า อู่ ซานกุ้ย ทําในสิ่งที่เขาทําเพื่อ ฉิน หยวนหยวน จริงๆแล้วทําไมเขายังต้องการที่จะได้รับการเลื่อนตําแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อเขาได้กลายเป็นราชาแห่งยูนนาน หลังจากที่ช่วย ฉิน หยวนหยวน ได้แล้วหลังจาก ที่เขาได้ปล่อยให้ทหารแมนจูผ่านเข้ามา ทําไมจิตใจของเขาถึงยังไม่รู้สึกพอ? ทําไมเขาถึงอยากเป็นจักรพรรดิ นั่นมันก็เป็นเพราะว่าเงิน”
“คนจีนโบราณเคยกล่าวเอาไว้ว่าความน่ารังเกียจที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ”เกลียดคนที่ฆ่าพ่อของคุณและคนที่ขโมยภรรยาของคุณ แต่ตอนนี้บางคนที่ไม่มีเงินก็สามารถขายภรรยาของพวกเขาเพื่อเงินได้ และเมื่อพวกเขาไม่มีเงินอีกครั้งพวกเขาก็สามารถขายพ่อของพวกเขาได้ นี้เป็นความน่ารังเกียจหรือไม่? ความน่ารังเกียจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นมาจากเงิน หรือความปรารถนาในการใช้เงิน!”
“ก่อนหน้านี้นายเคยพูดไว้อย่างชัดเจนว่า “Wan” นั้นหมายถึงทั้งหมด แต่นายเข้าใจผิดแล้ว คําว่า”Wan” นั้นเป็นคําวิเศษณ์และมันก็เป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมด” ที่เราพูดถึงในวันนี้เป็นคําคุณศัพท์ แต่นายกลับใช้คําวิเศษณ์และคําคุณศัพท์นํามาเป็นคําเปรียบเทียบ สิ่งนี้มันขัดแย้งกันและไม่ถูกจุดประสงค์ของการใช้คํา”
“ออนอเร เดอ บาลซัก เคยกล่าวไว้ว่าเงินนั้นแทรกผ่านทุกรอยร้าวเพื่อเจาะเข้าสู่สังคมของเรา มันควบคุมการเมืองเศรษฐกิจและจริยธรรม เมื่อทุกอย่างถูกควบคุมด้วยเงินเราจะเลือกเดินในเส้นทางไหน?”
“ดังนั้นในมุมมองของฉันมันก็เหมือนเดิม ฉันยังคิดว่าเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด!”
ห้องเรียนเงียบลงอีกครั้ง ฮวาง รั่วหราน และ เสี่ยวหลัว ทั้งสองต่อสู้กันด้วยคําพูด ที่นี่ไม่มีควันปืน แต่มันก็รุนแรงราวสนามรบ ที่ไม่เสียเลือดเนื้อ
ทุกคนกลั้นหายใจและตกใจกับการเผชิญหน้ากันระหว่าง ฮวาง รั่วหราน และ เสี่ยวหลัว ทุกค่าพูดมีความสวยงามและมีพลังเมื่อเผชิญหน้ากับค่ายืนยันของอีกฝ่าย พวกเขาใช้กรณีจากต่างประเทศและอ้างอิงคําพูดของคนที่มีชื่อเสียง ระดับความรู้ดังกล่าวทําให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ลึกซึ้ง ตอนนี้ร่างของ ฮวางรุ่นหราน และ เสี่ยวหลัว ดูราวกับเป็นภูเขาสูงใหญ่สองลูกที่ตั้งตระหง่านท่ากาลเวลาตั้งอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา
เสี่ยวหลัวยิ้มและพูดอย่างไม่แยแส คําว่า “Wan” นั้นไม่เพียง แต่เป็นคําวิเศษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นค่าคุณศัพท์ วิธีการใช้งานที่แน่นอน คืออะไรและเธอก็เข้าใจผิดแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจริงๆงั้นเหรอเป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะอ้างถึงข้อยกเว้นพวกนี้?”
“พจนานุกรม Cihai นั้นเชื่อถือได้จริงๆงั้นเหรอ เธอไม่ได้อ้างถึงบริบทและเธอก็กําลังหลงทางจากหัวข้อโดยเพียงแค่มองแค่คําว่า”Wan” และมันนั้นก็ไม่ใช่วลี “หรือรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด” นอกจากนี้ทุกคนลองถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมา มนุษย์นั้นไม่มีธรรมชาติที่ชั่วร้ายจริงๆงั้นเหรอ? ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากเงินจริงๆงั้นเหรอ? ความโลภและความโหดร้ายของมนุษย์พวกนั้นมาจากไหน”
“หากเงินเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมดแล้วทําไมความโหดร้ายและความโลภนี้จึงไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นความชั่วร้าย ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์เงินขึ้นมา? ดังนั้นความคิดที่โลภและชั่วร้ายที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์นั้น แหละคือรากฐานของความชั่วทั้งหมด และเงินนั้นก็ไม่ใช่รากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ฉันยังจําเป็นที่จะต้องอธิบายต่อไปอีกไหม?”
จิตวิญญาณของทุกคนได้รับผลกระทบหลังจากการได้ยินเรื่องเหล่านี้
นี่คือการระเบิดที่ร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย ใช่ว่าจะไม่มีความชั่วร้ายเกิดขึ้น หากเงินไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้มา?
ไม่มีวิธีที่จะอธิบายไม่มีวิธีที่จะหักล้างความจริงข้อนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง!
ฮวาง รั่วหราน ไม่สามารถพูดโต้แย้งออกมาได้ แม้แต่สําหรับเธอมันก็เกินความสามารถของเธอไปแล้ว ในการปฏิเสธคําพูดของเสี่ยวหลัว เธอทําได้เพียงแค่กัดฟันแล้วมองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างไม่เต็มใจ
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าใครชนะและใครแพ้!
ทุกคนถูกโน้มน้าวด้วยคําพูดของเสียวหลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความสุดท้ายซึ่งเป็นคําพูดที่ทําลายล้างจนทําให้อีกฝ่ายย่อยยับ
ผู้หญิงที่เคยหัวเราะเสี่ยวหลัวไม่สามารถพูดอะไรได้ซักคําได้ในตอนนี้ ความสามารถของเสี่ยวหลัว ในการจัดระเบียบคําพูดความสามารถในการโต้แย้งและความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของเขานั้นเป็นอันดับหนึ่ง เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเธอกลับกล้าที่จะเยาะเย้ยเขาและพูดออกมาโดยไม่คิดโดยที่ไม่รู้ขอบเขต ของความสามารถของเขา ทันใดนั้นพวกเธอก็ตระหนักว่าได้ว่าตอนนี้พวกเธอราวกับกําลังเล่นสวมบทบาทของพวกจอมวายร้ายผู้ซึ่งก่อปัญหาและไม่มีความสามารถอะไรเลย!
พวกเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายทุกคนไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองและมองตรงเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวหลัว