ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 39 สวยแต่มีกลิ่นเหม็น
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว ชูเยว่ก็ตัวแข็งค้าง ปรากฏว่าแต่เดิมผู้ชายคนนี้รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เมื่อเธอมองไปที่ดวงตาที่เย็นชาของเสี่ยวหลัว ทันใดนั้นเธอก็มีความรู้สึกผิดที่ลึกล้ำราวกับว่าเธอทำผิดที่ไม่อาจยกโทษให้ได้
ในเวลานี้คนอื่นๆ ก็รู้ในทันทีว่ามันไม่น่าแปลกใจเลยที่ ฝู เจียเว่ย , ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง จะมุ่งเป้าหมายไปที่ผู้ชายที่เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ หลังจากที่พวกเขาได้รับคำสั่งมาจากชูเยว่
แน่นอนว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดถึงชูเยว่ เพราะพ่อของเธอเป็นคนใหญ่คนโตคนหนึ่งของ เจียงเฉิง ถึงแม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะร่ำรวยมาก แต่เมื่อเทียบกับ ชู หยุนเชียง แล้วนั้น มันไม่มากพอที่จะต่อว่าชูเยว่ ซึ่งๆหน้าได้
“เสี่ยวหลัว อย่าโกรธ ชูเยว่ ไปเลย เธอแค่ไม่ได้ตั้งใจ … ”
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอ แล้วนี่คืออะไร ต้องฆาตกรรมหรือวางเพลิงก่อนหรือไงถึงจะเรียกว่าตั้งใจ?”
เสี่ยวหลัวโบกมือขัดจังหวะคำพูดวาทกรรมของ ไป่หลิง แล้วมองไปที่ ชูเยว่ พร้อมพูดว่า “ให้ฉันคิดก่อนนะว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน โอ้ฉันคิดออกแล้ว มันเป็นเพราะเมื่อวานนี้ตอนเล่นเกมฉันได้ขโมยซีนของเธอไปใช่ไหม อย่างที่สองก็คือฉันไม่ได้คุยกับเธออย่างสุภาพเหมือนกับคนอื่นๆใช่ไหม?”
“ฉัน …”
ชูเยว่ เงียบเสียงลงเพราะเสี่ยวหลัวนั้นเดาได้ถูกต้องทุกอย่าง นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องการทำให้เขาอับอาย
“คุณชู. คุณหนูชู เธอไม่คิดว่าเธอไร้เดียงสาเกินไปหน่อยงั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะครอบครัวของเธอรวยและเธอก็สวย เธอคิดว่าทุกคนจะสนใจเธอราวกับว่าเธอเป็นจุดศูนย์กลางของจักวาลงั้นเหรอ พวกเขาจะยอมติดตามเธอและรับฟังคำสั่งของเธองั้นเหรอ?”
เสี่ยวหลัวฉีกยิ้มกว้าง“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร เธอคิดว่าโลกจะหยุดหมุนโดยที่ไม่มีเธองั้นเหรอ? ขออภัยที่ฉันต้องพูดแบบนี้ให้เธอฟัง เธออย่าคิดว่าตัวเองอยู่สูงเกินไป ฉันเป็นคนหนึ่งแหละที่ดูถูกเธอ ฉันจะไม่ก้มลงคลานต่อหน้าเธอ ในสายตาของฉันเธอมันก็เป็นเหมือนดอกไม้ Stapelia ที่ดูสวยงามแต่กลับมีกลิ่นที่เหม็น!”
ชูเยว่หลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว คำพูดของเสี่ยวหลัวนั้นมันแทงใจของเธอเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้ใช้คำด่าที่แรงใดๆ แต่ประโยคของเขากลับเป็นเหมือนเข็มพิษที่ทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ ไม่มีใครเคยพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน
คนอื่นๆก็ตกใจเหมือนกัน ชูเยว่เป็นถึงดาวของมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยหัวเย่ แต่เสี่ยวหลัวกับกล่าวว่าเธอเป็นดอก Stapelia ที่สวยแต่มีกลิ่นเหม็น ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ปากคอเราะร้ายมาก เขาไม่กลัวที่จะถูกฟ้าผ่าหรือไร
ชูเยว่ คิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดเธอก็โต้แย้งออกมา “นายยังต้องการที่จะเข้าร่วมทีมของฉันอยู่อีกไหม?”
อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลัวกลับแสดงรอยยิ้มที่ดูหมิ่นออกมา “แต่ก่อฉันคิดจะเข้า แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องการมันเลย ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันมีโอกาสได้เงินรางวัลมากมาย แต่ฉันก็ไม่ได้ขาดมันขนาดนั้น ฉันมีมือและเท้า ฉันมีโอกาสมากมายที่จะหาเงิน ขออภัยมันไม่คุ้มค่าสำหรับการลงแรงของฉัน!”
มันเป็นทัศนคติที่ไม่แยแสโดยสิ้นเชิง
หลังจากจบคำพูดของเขาเสี่ยวหลัวก็หันหลังกลับแล้วเดินออกไป
“เสี่ยวหลัวคุณจะไปไหน” ไป่หลิง พูดออกมา
“กลับไปที่มหาลัย!”
“แต่ในบริเวณนี้ไม่มีรถแท็กซี่ รอกลับไปพร้อมกับพวกเราดีกว่าไหม!” เธอตะโกน
เสี่ยวหลัวโบกมืออย่างไม่ลังเล โดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
ทุกคนที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำรู้สึกประหลาดใจ
“นายโง่เง่าเสี่ยวหลัว เขากล้าที่จะเปรียบเทียบฉันกับดอก Stapelia ที่สวยแต่เหม็นได้อย่างไร! ฉัน…ฉัน…”
ชูเยว่เช็ดน้ำตาของเธอ ความจริงที่ว่าเสี่ยวหลัวไม่ได้ก่นด่าสาปแช่งเธอ เธอก็ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของเธอตอนนี้อย่างไร
ไป่หลิง ถอนหายใจ และไม่ทราบวิธีที่จะปลอบใจเธอให้ได้ผลอย่างไร เธอพูดถึงสิ่งนี้มาตลอด “เสี่ยวหลัวนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอ เธอควรยอมรับชะตากรรมของเธอซะ!”
หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดจบลง ฝู เจียเว่ย ก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องทำตัวสำออยสักหน่อย เขาจับไปที่หน้าอกอย่างเจ็บปวดและเดินไปที่ชูเยว่และกล่าวว่า“เจ้าหญิงชู ไม่ต้องไปเถียงกับเขาหรอก โปรดวางใจ ฉันจะสั่งให้คนอื่นไปสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาเอง และทำให้เขาเป็นคนมาขอโทษคุณให้ได้!”
“เขากล้าที่จะตบฉัน! ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่!” เย่ หยิงหยิง พูดอย่างโกรธเคือง
ฝาง ชูหลาน ก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธเคืองเช่นกัน“ฉันจะทำให้ให้แน่ใจว่า เขาจะต้องชดใช้คืนให้กับพวกเราเป็นสิบเท่า!”
“เหตุการณ์ในวันนี้ขอให้สิ้นสุดลงที่นี่” ชูเยว่ กล่าว “อย่าไปรบกวนเสี่ยวหลัวอีก ไม่อย่างนั้นมิตรภาพของเราเป็นอันจบกัน!”
จากนั้นเธอก็บีบจมูกของเธอแล้วพูดออกมา“ฉันจะจ่ายเงินคืนให้พวกเธอทั้งหมดสำหรับเงินที่พวกเธอเสียไป ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเพราะฉัน ที่ทำให้พวกเธอต้องเป็นแบบนี้ เพราะพวกเธอพยายามสร้างปัญหาให้เขาเพื่อฉัน”
คำพูดของเธอมันทำให้พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกละอายใจมาก หนึ่งคือนักเต้นสตรีทแดนซ์ที่มีประสบการณ์ อีกคนก็เป็นมืออาชีพในการเล่นสนุกเกอร์ แต่เสี่ยวหลัวก็สามารถเอาชนะพวกเขาทั้งคู่ได้ และพวกเขาก็เป็นคนที่น่าอับอายแทน หากพูดคำพูดนี้ออกมา ผู้คนก็จะหัวเราะเยาะพวกเขาแน่ๆ
“เขานั้นเก่งมากในการแสร้งเป็นหมูที่หลอกกินเสือ ถ้ามันไม่ใช่อย่างนั้น พวกเราคงไม่พ่ายแพ้อย่างราบคาบอย่างนี้แน่นอน” ฝาง ชูหลาน รู้สึกอารมณ์เสียกับเสี่ยวหลัวมากจริงๆ
ไป่หลิง ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่พูดว่า“ใช่เหรอ พวกเธอไม่ได้รู้สึกเลยเหรอว่าเสี่ยวหลัวนั้นเก่งกว่าพวกเราในทุกๆด้าน เขาเก่งกว่า ชูหลาน ในการเต้นสตรีทแดนซ์ และเขายังทำคะแนนเหนือกว่า หยิงหยิง ในการเล่นสนุกเกอร์ เสี่ยวหลัวนั้นเป็นอัจฉริยะที่เก่งในทุกๆด้าน!”
เมื่อได้ยินคำพูดอย่างนั้น ชูเยว่ , ฝู เจียเว่ย , ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง ต่างก็อ้าปากค้าง คำพูดของ ไป่หลิง นั้นมันทำให้พวกเขารู้ว่าเสี่ยวหลัวนั้นเป็นอัจฉริยะในการเล่นเกม การเต้นสตรีทแดนซ์ การเล่นสนุกเกอร์และยังจะการทะเลาะวิวาทอีก
ทุกคนนั้นต่างก็มีพลังงานและเวลาไม่มากพอ ความสามารถที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลมันเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนที่จะเก่งในหนึ่งหรือสองสาขา แต่ในกรณีของเสี่ยวหลัวนั้นเขาเป็นอัจฉริยะอย่างน้อยก็สี่สาขา มันเป็นไปได้อย่างไร? สมองและร่างกายของเขาทำมาจากอะไร?
เสี่ยวหลัวเป็นอัจฉริยะประเภทนั้นที่ปรากฎเพียงครั้งเดียวในรอบศตวรรษที่เห็นกันบ่อยๆในภาพยนตร์?
ชั่วครู่หนึ่งที่พวกเขาทั้งสามคนวางความโกรธไว้ ในขณะที่พวกเขาไตร่ตรองถึงพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวหลัว
******
หลังจากความวุ่นวายที่เสี่ยวหลัวสร้าง งานปาร์ตี้ก็สิ้นสุดลงในไม่ช้า
ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง ตามธรรมชาติพวกเธอไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสในการอยู่ร่วมกันกับ ฝู เจียเว่ย ดังนั้นพวกเธอจึงจะใช้เวลาทั้งคืนอยู่ที่บ้านพัก
แขกคนอื่นๆก็เริ่มแยกย้ายกันไป ชูเยว่และไป่หลิง ก็เตรียมพร้อมที่จะกลับไปที่วิทยาเขต
ตอนนี้เป็นเวลากว่าห้าทุ่มแล้ว ไฟบนท้องถนนไม่สามารถขจัดความมืดออกทั้งหมดได้ คืนนี้นั้นเต็มไปด้วยความมืดมนราวกับน้ำหมึก และไฟถนนทุกสายดูเหมือนดวงตาของคนง่วงนอนที่พร้อมจะปิดลงในเวลาใดก็ได้
บนท้องถนนที่ว่างเปล่า ลมเย็นพัดผ่านใบไม้ที่ร่วงหล่นพร้อมกับเสียงแหลม
“ไป่หลิงบอกฉันตามตรง ฉันเป็นคนที่น่าอับอายและไร้ศีลธรรมอย่างนั้นจริงๆงั้นเหรอ?” ชูเยว่ ช่วยไม่ได้ ได้แต่รู้สึกสงสัยในตัวเอง
ไป่หลิง กล่าวตอบ“คุณหนูชู เธอมีรายได้หลักหมื่นต่อเดือนเพียงแค่สตรีมเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารเสื้อผ้าสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เธอใช้จ่ายด้วยเงินที่เธอหามาเอง หากสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าอับอาย ฉันไม่ควรจะละอายใจตายเลยงั้นเหรอ?”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน การแกล้งหรือบังคับเขามันทำให้ฉันไม่พูดอะไรไม่ออกเลย ทำไมฉันไม่ใช้รายได้ทั้งเดือนของฉันเพื่อปิดปากเขา” ชูเยว่กล่าวด้วยความโกรธ
“ฉันบอกเธอแล้วอย่าเล่นมากเกินไป เสี่ยวหลัวนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ”
“มีอะไรที่แตกต่างกันเขามีตาสองตา หูสองข้าง จมูกและปากเขาก็มีเหมือนกับคนอื่น เขาไม่ได้มีสามหัวและหกแขนสักหน่อยที่ทำให้เขาแตกต่างออกไปจากคนอื่น”
“อืม ฉันไม่สามารถบอกเธอได้อย่างชัดเจน ฉันคิดว่าเขานั้นแตกต่าง เธอควรหยุดเล่นแง่กับเขาได้แล้ว” ไป่หลิง กล่าวแนะนำ
“เขานั้นน่าเบื่อมาก หญิงสาวคนนี้ไม่ต้องการเล่นกับเขาอีกแล้ว”
ชูเยว่โปกมือของเธอ แต่เมื่อเธอพูดถึงประโยคนี้ ในใจของเธอก็ปรากฏภาพของเสี่ยวหลัวในตอนที่เขากำลังเต้นสตรีทแดนซ์ และกำลังเล่นสนุกเกอร์ ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอเปร่งประกายและเผยรอยยิ้มออกมา