ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 41 ฉันสามารถให้คุณได้
บอดี้การ์ด ?!
เสี่ยวหลัวหยุดฝ่ามือที่เหมือนกรงเล็บนกอินทรีของเขาทันที ฝ่ามือของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าของพวกเขาไม่ถึง 5 ซม.
พวกเขาทั้งสองเป็นผู้ชายในวัยสามสิบ ทั้งคู่ดูแข็งแรง แม้พวกเขาจะไม่สูงมากแต่กล้ามเนื้อของพวกเขานั้นสวยงามเลยทีเดียว
ทั้งคนสองคนไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอะไรในขณะนี้ พวกเขาหวาดกลัวฝ่ามือกรงเล็บของเสี่ยวหลัว ตอนนี้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาเพิ่งก้าวเดินออกมาจากประตูแห่งนรก พวกเขารู้สึกดีใจมากที่ได้รายงานตัวตนก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ หากพวกเขารายงานช้ากว่านี้ พวกเขาไม่อยากจะคิดถึงตอนนั้นเลย…
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสองก็รู้สึกตัวสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว เจ้านายของพวกเขาไปค้นพบสัตว์ร้ายตัวนี้จากที่ไหนกัน?
ใช่มันเป็นสัตว์ร้าย!
นี่คือความประทับใจของพวกเขาที่มีต่อเสี่ยวหลัว ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดูไม่แข็งแกร่งและร่างกายของเขาดูเพรียวบางมันไม่มีสัญญาณของการฝึกฝนที่เข้มงวด ใบหน้าของเขาดูละเอียดอ่อนและหล่อเหลากับเหมือนนักวิชาการที่ไร้หนามแหลม แต่ในความเป็นจริงกลับ….
“โกหยาง? โกเจี้ยน?”
เสี่ยวหลัวดึงมือกลับและตรวจสอบชายทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง
ก่อนที่เขาจะมาที่หัวเย่ ชู หยุนเชียง ได้แนะนำให้เสี่ยวหลัวรู้จักพวกเขาและเห็นรูปถ่ายของชายทั้งสองคนแล้ว เพื่อป้องกันการสื่อสารผิดพลาดและหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดเพียงเพราะพวกเขาไม่รู้จักกัน
ผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรง โค้งคำนับอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพว่า“ใช่นั่นคือพวกเราเอง!”
อีกคนผสานกำปั้นของเขาไว้ด้วยกันและโค้งคำนับ “คุณเสี่ยวขอบคุณ สำหรับการแทรกแซงที่รวดเร็วของคุณ ถ้าไม่ได้คุณ คุณหนูก็อาจจะ… ”
“ไม่จำเป็นที่จะต้องมีมารยาท ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อปกป้องคุณชู”
เสี่ยวหลัวรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนที่แก่กว่ามาโค้งคำนับเขา “ในเมื่อพวกคุณมาถึงที่นี่แล้ว ฉันจะให้พวกคุณเป็นคนที่ดูแลคุณชูและเพื่อนของเธอก็แล้วกัน”
“ได้ครับ”
“โอ้ มีอีกเรื่องหนึ่ง เพียงแค่บอกว่าพวกคุณเป็นคนที่มาช่วยพวกเธอ อย่าเปิดเผยตัวตนของฉัน” เสี่ยวหลัว กล่าวเตือน
“ได้ครับคุณเสี่ยว เรารู้ว่าควรจะพูดอะไร” โกหยาง พยักหน้า
“ขอบคุณ.”
เสี่ยวหลัวหันหลังกลับแล้วคิดถึงบัตรที่มีเงินอยู่ 150,000 หยวน ที่อยู่ในบัตรเครดิตทั้งสามใบที่เขายังไม่ได้โอนไปยังบัญชีธนาคารของเขา
******
วันถัดไป…ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของ ฉางชาน พาวิลเลี่ยน
เล้งหยูยืนอยู่ข้างๆด้วยความเคารพในชุดสูทสีดำ
เขากล่าวรายงานกับหัวหน้าของเขาให้ฟังว่า“คนที่ทำร้ายคุณหนูเมื่อคืนที่ผ่านมาก็คือ นักฆ่าที่มีชื่อเสียงของฮัวเนชั่น ชื่อจริงของเขาไม่เป็นที่รู้จักเพราะเขาสร้างตัวตนใหม่อยู่เสมอๆ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ชื่อที่เขาใช้ก็คือ หม่า เจิ้งเฟิง”
“จ้างคนที่จะมาจัดการกับฉัน ดูเหมือนว่าปีศาจเฒ่าเจียง จะรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ”
ชู หยุนเชียง เหวี่ยงไม้กอล์ฟอย่างจริงจัง ลูกกอล์ฟลอยไปด้วยความเร็วสูงและหลังจากถึงจุดสูงสุดมันก็ตกลงในแนวโค้งอย่างสวยงามแล้วมันก็ตกลงสู่พื้นห่างประมาณสามเมตรจากหลุม
เล้งหยูพยักหน้า“โชคดีที่เสี่ยวหลัวอยู่ที่นั่นในเวลานั้น ไม่งั้นคุณหนูคง…”
เขาพูดยังไม่จบประโยค แต่สิ่งที่เขาหมายถึงนั้นชัดเจนมาก
“เงินสองล้านนั้นคุ้มค่าใช่มั้ย!” ชู หยุนเชียง ยิ้มอย่างแผ่วเบา
เล้งหยูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้เขาสงสัยในความสามารถของเสี่ยวหลัว และแม้กระทั่งพูดต่อหน้า ชู หยุนเชียง ว่าเขาคิดว่าเสี่ยวหลัวนั้นมีดีแค่ในการต่อสู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีความสามารถในการปกป้องคนอื่น
“โกหยางและโกเจี้ยน ตามแผนการ กลเม็ดเล็กๆน้อยๆ ของศัตรูไม่ทันและถูกพวกมันหลอกล่อ พวกเขาให้ออกห่างจากชูเยว่ได้อย่างง่ายดาย บอกพวกเขาด้วยว่า ฉันไม่ต้องการที่จะเห็นพวกเขาอีก” ดวงตาของ ชู หยุนเชียง ส่งประกายความโกรธที่เย็นยะเยือก
เล้งโจ่วและเล้งหยู ตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ได้ครับ!”
ในขณะนั้นประตูที่ถูกปิดอยู่ ก็เปิดออกและชูเยว่ที่สวมชุดสีขาวเหมือนหิมะก็เดินเข้ามา
“พ่อ!”
เธอโน้มตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของ ชู หยุนเชียง หัวใจของเธอเมื่อทำอย่างนี้เท่านั้นจึงจะสงบลงได้
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว!”
ชู หยุนเชียง วางไม้กอล์ฟลงและตบหลังของเธอเบาๆ ด้วยความรัก
หลังจากที่ชูเยว่สงบลงเล็กน้อย เธอก็ปล่อย ชู หยุนเชียง และถามเขาด้วยเสียงอันดัง ด้วยสายตาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น“เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่า ทำไมจะต้องไปหาเรื่องผู้คนมากมาย? หนูต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวทุกๆวัน เหมือนหนูไม่ใช่ลูกสาวของพ่อ พ่อหยุดทำมันเพื่อหนูได้ไหม”
ใบหน้าของ เล้งโจ่ว และ เล้งหยู นั้นแข็งทื่อ สุนัขจิ้งจอกเฒ่า พวกเขาไม่เคยเห็นลูกสาวคนไหนที่เรียกพ่อของเธอว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเฒ่าในชีวิตมาก่อน
“ธุรกิจก็เป็นเหมือนกับสนามรบ ไม่พวกเขาตายเราก็ตาย ชูเยว่ ลูกอย่าคาดหวังเลยว่าพ่อจะละทิ้ง ฉางชาน พาวิลเลี่ยน และกลับไปนั่งที่บ้านและไม่ทำอะไรเลยทั้งวันทุกๆวัน” ชู หยุนเชียง ถอนหายใจ
“พ่อลองมองตัวเองดูสิ ตอนนี้พ่อมีรอยคล้ำใต้ตา พ่อไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะกังวลเกี่ยวกับมัน” ชูเยว่ พูดด้วยริมฝีปากเล็กๆที่เย้ายวนของเธอ
ชู หยุนเชียง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“ถ้าพ่อละทิ้งฉางชาน หนูจะเอาเงินที่ไหนมาซื้ออะไรกินและเอาเงินที่ไหนมาซื้อเสื้อผ้ามาใส่”
“หนูสามารถหาพวกนี้ให้พ่อได้!”
ชูเยว่ขดริมฝีปากของเธอและพองแก้มของเธอขึ้นมาแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า“หนูสามารถสร้างรายได้ 20,000 ถึง 30,000 หยวนต่อเดือนเพียงแค่สตรีมเล่นวิดีโอเกม ยกเว้นค่าใช้จ่ายของหนู หนูมีเงินเหลือมากพอที่จะให้พ่อใช้ นอกจากนี้คนแก่อย่างพ่อก็ไม่ต้องใช้จ่ายมากนัก มันดีสำหรับพ่อ พ่อเพียงแค่นั่งเล่นและเพลิดเพลินไปกับอายุของพ่อไม่ดีกว่าเหรอ นอกจากนี้พ่อยังสามารถเล่นหมากรุกกับเพื่อนคนอื่นๆได้อีก เมื่อพ่อว่างพ่อก็โต้เถียงกับป้าข้างบ้านได้ แม่จากไปหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าพ่อจะนำคุณป้าที่ไหนมาบ้าน หนูก็จะไม่พูดอะไรสักคำ หากพ่อชอบใครซักคน พ่อก็สามารถแต่งงานกับเธอได้ หนูจะให้เกียรติเธออย่างที่หนูทำกับพ่อ”
ไปโต้เถียงกับป้าข้างบ้าน!?
เล้งโจ่ว และ เล้งหยู ราวกับถูกฟ้าผ่า! คุณหนูคนนี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน! เธอพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไร เจ้านายของพวกเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาที่เล่นหมากรุกงั้นเหรอ? มันไม่ใช่แล้ว เขาเป็นผู้ประกอบการที่สร้างอาณาจักรธุรกิจเพียงลำพังด้วยตนเอง!
ชู หยุนเชียง ผู้ซึ่งสงบสติอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขารู้สึกราวกับหายใจไม่ออกและไอออกมา: “ลูกเยว่ ลูกทำให้พ่อตกใจเสียจริงๆ ลูกกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ลูกคิดว่าพ่อจะเป็นคนที่ไปคุยกับพวกป้าๆงั้นเหรอ พวกป้าๆต่างหากที่จะมาหลงเสน่ห์ของพ่อ!”
“แหวะ ตาแก่เหม็นเน่า ไม่กลัวที่ฟ้าจะผ่าตายหรือไง” ชูเยว่ สายหัวของเธออย่างแรง
“เอาล่ะ ลูกทำให้พ่อหลงประเด็นไปหมดแล้ว มาคุยธุระกันเถอะพ่อได้ยินมาว่าหนูแกล้งเพื่อนร่วมชั้นเมื่อคืนนี้งั้นเหรอ?” ชู หยุนเชียง ไอแห้งเขารีบเปลี่ยนหัวข้อในทันที
“แกล้งอะไรกัน เขาต่างหากที่เป็นคนรังแกหนู เขาดุหนูต่อหน้าผู้คนมากมาย มันทำให้หนูเสียหน้ามาก พ่อไม่รู้หรอกว่าเขาน่าเกลียดมากแค่ไหน” เมื่อพูดถึงเสี่ยวหลัว ชูเยว่ก็อารมณ์ขึ้นในทันที
“พ่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นมาจาก โกหยาง มาหมดแล้วลูกเป็นคนที่ผิดจงจำไว้ว่า ‘อย่าดูถูกคนไม่เช่นนั้นผู้คนก็จะดูถูกคุณ’ ดังนั้นอย่าทำเช่นนี้อีก … ”
“พอแล้ว แล้วพ่อจะสาธยายหนูอีกทำไม ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว เรื่องที่หนูอยากถามพ่อก็คือ ทำไมพ่อผิดสัญญา ในเมื่อพ่อสัญญากับหนูแล้วว่าจะไม่จัดการ์ดคุ้มกันให้อยู่ข้างๆหนู”
ชู หยุนเชียง บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าลูกสาวของเขาไม่มีเหตุผล เขาทำหน้าเคร่งเครียดและพูดว่า“พ่อเห็นด้วยกับเรื่องอื่น แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ ลูกเป็นลูกสาวที่มีค่าของพ่อ ความปลอดภัยของลูกสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
“พ่อไม่ได้เป็นเพียงแค่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าเท่านั้น แต่พ่อยังเป็นคนหน้าหนาอีกด้วย!” ชูเยว่โกรธมาก
“หน้าหนา…”
ชู หยุนเชียง แสดงสีหน้าเฉยเมยใส่เธอ“ใช่แล้ว ลูกควรหยุดเล่นวิดีโอเกมเหล่านั้นบ่อยๆได้แล้ว ถึงแม้ว่าลูกจะสามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ใช่งานที่เหมาะสม หากลูกมีเวลาสำหรับเกมลูกก็ควรมาที่สำนักงานและเรียนรู้เรื่องการบัญชีการจัดการดีกว่าไหม เมื่อพ่อแก่ตัวลงไป ฉางชาน พาวิลเลี่ยน ก็จะเป็นของลูกในไม่ช้าก็เร็ว”
“หนูไม่ต้องการมัน ให้ บริษัท กับใครก็ได้ที่พ่อชอบไปเถอะ”
ชูเยว่หันกลับมาและพูดว่า“หนูจะไปมหาลัยแล้ว หนูยังมีเรียนต่อในช่วงตอนบ่าย”
เธอวิ่งออกไปก่อนที่ ชู หยุนเชียง จะได้ตอบกลับอะไร
เธอหยุดที่ประตูหันกลับมาและพูดหยอกล้อกับ ชู หยุนเชียงว่า“เฮ้ เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่า!”
ชู หยุนเชียง เงยหัวขึ้นมา“มีอะไรอีก?”
“ดูแลตัวเองด้วย พ่อควรไปขยับแข็งขยับขาบ่อยๆทุกวัน และฝึกฝนร่างกายของพ่อด้วย อย่าอยู่ในห้องของพ่อทั้งวัน หนูไม่ต้องการให้พ่อเป็นเหมือนกับเต่าที่มีชีวิตอยู่มาเป็นพันๆปี”
หัวใจของ ชู หยุนเชียง เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ว่า: “โอเคได้เลย!”
จากนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่าถ้าเขานั้นมีชีวิตอยู่เป็นเหมือนเต่าที่มีชีวิตอยู่มาเป็นหมื่นปีแล้ว เขาจะไม่กลายเป็นสามีซึ่งภรรยามีชู้เลยงั้นเหรอ? ลูกคนนี้เธอไม่รู้วิธีพูดอะไรดีๆออกมาจริงๆ