ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 51 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใสไร้เมฆปกคลุม ภูเขาที่อยู่ห่างไกลเป็นสีดำสนิทและสายลมที่อบอุ่นอันอ่อนโยนก็ปลิวพัดอยู่ในอากาศ….
“เย็นสบายจัง ฉันเพิ่งรู้นะเนี้ย ว่าทิวทัศน์ของเนินเขาด้านหลังมหาลัยของเราน่าทึ่งมากขนาดนี้”
ชูเยว่และหลิงหลิงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ขณะที่พวกเธอเดินเล่นบนเนินเขาด้านหลังที่เป็นเหมือนสนามกอล์ฟที่อยู่ด้านหลังของหัวเย่ มุมมองกว้างใหญ่และหญ้าก็เขียวขจี ตรงกลางคือทะเลสาบที่ล้อมรอบไปด้วยป่าทึบที่หนาแน่น เมื่อมองจากในระยะไกลพื้นผิวของทะเลสาบนั้นราบเรียบและเรียบเนียนราวกับกระจกเงา มันใสสะอาด ภาพที่สวยงามเช่นนี้ทำให้พวกเธอรู้สึกมีความสุขมาก
“ใช่มันสวยและอากาศก็สดชื่น”
ไป่หลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเธอก็จ้องมองไปที่จุดใดจุดหนึ่งและร้องเสียงดัง“เอ๊ะ นั่นเสี่ยวหลัวหนิ!”
“เขาอยู่ที่ไหน?”
ใบหน้าที่สวยงามของชูเยว่ เปลี่ยนขาวซีดและเธอก็มองไปในทิศทางที่หลิงหลิงมอง เธอเห็นผู้ชาย แต่เขาไม่ใช่เสี่ยวหลัว ทันใดนั้นเธอก็จ้องมองไปที่ไป่หลิงและคร่ำครวญด้วยความโกรธว่า“ไป่หลิง เธอมองแบบไหนของเธอกัน!”
“เป็นเธอเองที่กังวลมากเกินไป เธอสมควรได้รับแล้ว ฮิฮิ … ”
ไป่หลิงหัวเราะคิกคักไปกับความกังวลของชูเยว่ด้วยรอยยิ้ม เธอจ้องหน้าอกของชูเยว่ก่อนที่จะยื่นมือออกไปบีบมัน ทันใดนั้นเธอก็กระโดดไปมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุขทันที
“ไป่หลิง เธอกล้ามากนะที่ทำอย่างนี้ อย่าวิ่งหนีสิ!”
ใบหน้าของชูเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด และเธอก็วิ่งไล่ไป่หลิงไปยังภูเขาด้านหลังที่กว้างใหญ่ ในขณะนั้นพวกเธอก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ในไม่ช้าพวกธอก็วิ่งเข้าไปในป่า โชคดีที่มีคนอยู่ที่นี่ไม่กี่คน มิฉะนั้นก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะมีผู้ชายเท่าใดที่จะต้องมนต์สะกดโดยผู้หญิงที่สวยทั้งสองคนนี้
“อะแฮ่ม…”
ในขณะที่หญิงสาวทั้งสองคนกำลังวิ่งไล่และเล่นกันอย่างสนุกสนาน ขณะนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งถือช่อกุหลาบแดงในมือของเขาก็กระโดดออกมาจากป่าทึบ
เขาสวมหมวกสีน้ำเงินและชุดกีฬาสบายๆ แม้ว่าเขาจะแต่งตัวเหมือนคนในวัยหนุ่มสาวมาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแก่มากแล้ว เขามีรอยย่นสามรอยบนหน้าผากของเขา และใบหน้าของเขาก็ดูไม่ปกติเป็นพิเศษ ระยะห่างระหว่างดวงตาของเขากว้างกว่าของคนทั่วไปเล็กน้อย
“คุณคือ?” ชูเยว่ ถาม
การแสดงออกของชายคนนั้นดูสับสนเล็กน้อย“ฉันชื่อ หม่า เจิ้งเฟิง และฉัน…. ก็เป็นคนที่มาจีบคุณ”
ดวงตาของเขามองไปรอบๆ อย่างไม่สบายใจเขาแอบซุ่มอยู่ที่นี่มาสามวันแล้วจนถึงตอนนี้ เขาไม่สามารถหาโอกาสที่สมบูรณ์แบบได้ เพราะมีบอดี้การ์ดสองคนของชูเยว่ยืนเฝ้าอยู่ที่ทางขึ้นไปบนเนินเขา แต่ที่ตรงนี้มันมีระทางห่างจากที่ตรงนั้นมาก เขามั่นใจว่าเขานำตัวชูเยว่ออกไปได้ก่อนที่พวกนั้นจะตอบสนองได้ทันแน่ๆ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาเป็นกังวล นั่นก็คือผู้ชายที่น่ากลัวในคืนนั้น
ชูเยว่ มองสำรวจขึ้นลงที่ หม่า เจิ้งเฟิง และพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ขอโทษนะ แต่คุณไม่ใช่สเปกของฉัน ไปหาคนอื่นเถอะ”
เธอคือดอกไม้ของมหาวิทยาลัยที่ได้รับเลือกจากหัวเย่ฟอรั่ม คนที่ต้องการจะมาเป็นคู่ครองของเธอ เมื่อนำมาต่อแถวกันสามารถลากยาวตั้งแต่ประตูหน้าของหัวเย่ มาถึงยังประตูหลังได้เลย ไม่ว่าจะเป็นใครเธอก็ปฏิเสธโดยตรงในทันที มันไม่ใช่เพราะไม่มีผู้ชายดีเด่นและหล่อเหลา แต่มันเป็นเพราะว่าเธอคิดว่าการออกเดทในมหาวิทยาลัยนั้นเป็นการเสียเวลา
ไป่หลิง หัวเหราะเบาๆ“ใช่แล้ว ชูเยว่จะไม่ออกเดทในขณะที่เธออยู่ในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้การให้ดอกกุหลาบตอนนี้มันล้าสมัยและมันก็เชยไปแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…. เป็นอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้อย่างอื่นกับคุณ”
หม่า เจิ้งเฟิง กำลังจะขยับตัวและใช้ยากับสองสาวอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นมันก็มีเสียงร้องอันเย็นยะเยือกดังกึกก้องไปทั่วป่า
“หม่า เจิ้งเฟิง แกเป็นหนี้เงินฉัน ถึงเวลาที่จะต้องจ่ายคืนให้ฉันแล้ว!”
ภาพเงาพุ่งลงมาจากยอดเขาที่มีต้นไม้สีเขียวขจี ราวกับว่าเขากำลังรอและสะสมพลังของเขาในขณะนี้ เขาเร่งความเร็วแล้วพุ่งไปหา หม่า เจิ้งเฟิง เท้าซ้ายของเสี่ยวหลัวกระแทกลงไปที่พื้นและใช้มันเป็นฐานเขาหมุนร่างกายของเขา โดยใช้แรงเหวี่ยงสนับสนุนที่น่ากลัวของเขา พุ่งตัวไปข้างหน้าขาขวาของเขาส่งลูกเตะออกไปอย่างรุนแรง
“ปัง ~”
หม่า เจิ้งเฟิง ถูกลูกเตะขาขวาของเสี่ยวหลัวเข้าอย่างจัง มันทำให้เขาถูกกระแทกอย่างแรงในตรงช่องท้องส่วนล่าง แรงกระแทกขนาดใหญ่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรงและใบหน้าของเขาขาวซีด น้ำลายของเขาซึ่งปะปนไปด้วยเลือดฉีดพ่นไปสู่ท้องฟ้า ร่างสูงของเขาบินไปข้างหลังในทันที
“เสี่ยวหลัว! ?”
ไป่หลิง เบิกตากว้างแล้วมองไปที่ เสี่ยวหลัว ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน
ชูเยว่ตัวสั่น“ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่? เขา…สะกดรอยตามฉันมาจริงๆงั้นเหรอ?”
“ไม่มีใครสะกดรอยตามเธอทั้งนั้น ฉันมาที่นี่เพื่อมาเก็บหนี้”
เสี่ยวหลัวหันศีรษะของเขากลับมาแล้วพูดด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็พุ่งตัวไปหา หม่า เจิ้งเฟิง มือของเขากลายเป็นกรงเล็บและลมหนาวก็แผดเสียงเย็นออกมา
หม่า เจิ้งเฟิง ถูกครอบงำด้วยความกลัวและสยองเกล้า เขาไม่สามารถที่จะคิดเรื่องอื่นได้เลยในตอนนี้ การหลบหนีมีความสำคัญสูงสุด เขาหันตัวไปมองรอบๆ และหนีเข้าไปในป่าทึบเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อวิ่งหนี เสี่ยวหลัวติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิดและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นในแต่ละก้าว
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้น”
โกหยาง และ โกเจี้ยน ที่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติพวกเขารีบมาที่นี่อย่างเร็วที่สุด
“รีบไปตามไอจอมโอ้อวดนั่นเร็ว เขาติดตามฉันมา ฉันสงสัยว่าเขาจะมาทำร้ายฉัน”
ชูเยว่ได้แต่รู้สึกกังวลมากขึ้น ความไม่สบายใจที่เธอรู้สึกเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ควบคู่กับการพบกับเสี่ยวหลัวในเวลานี้ เธอมั่นใจว่าเสี่ยวหลัวสะกดรอยตามเธอ
“จอมโอ้อวด?”
โกหยาง และ โกเจี้ยน มองหน้ากันพวกเขาไม่ทราบว่าใครที่ชูเยว่กำลังหมายถึง
“มันคือเสี่ยวหลัวจากชั้นเรียนของฉัน เขากำลังไล่ล่าชายคนหนึ่งเข้าไปในป่าในตอนนี้” ชูเยว่ชี้ไปที่ป่าที่อยู่ห่างไกล
โกหยาง และ โกเจี้ยน กลายเป็นกระจ่างแจ้งในทันที แต่พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับ เสี่ยวหลัว ให้กับ คุณหนู ของพวกเขาได้ แต่ในเมื่อเสี่ยวหลัวแสดงตนมันจะต้องเป็น ไอวิญญาณชั่วร้าย หม่า เจิ้งเฟิง ที่ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
“นาย อยู่ปกป้องคุณหนู ส่วนฉันจะเข้าไปดูในป่าเอง!” โกหยาง ตัดสินใจในทันทีและตะโกนบอกโกเจี้ยน
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในป่า
ในป่า…..
หม่า เจิ้งเฟิง ออกแรงวิ่งมากจนสุดขีดเขาใช้ทั้งมือและเท้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาบิดร่างของเขาไปมาราวกับว่าเขากำลังเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วของเขาเร็วมากจนเขาเหมือนกับผี อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะวิ่งหนีไปในป่าทึบไกลแค่ไหน เสี่ยวหลัวก็ยังคงวิ่งตามเข้ามาใกล้เขาจากทางด้านหลังของเขาตลอด
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ร่างกายของเสี่ยวหลัวเดือดพล่าน เขาเป็นเหมือนกับนกเหยี่ยวที่บินถลาไปข้างหน้าเหมือนนักล่าที่กำลังตามล่าเหยื่อ เท้าของเขาเจาะลงไปในพื้นดิน ขณะที่เขาออกแรงวิ่งมุ่งตรงไปที่ด้านหลังของ หม่า เจิ้งเฟิง
เสี่ยงลมดังคำรามอยู่ทางด้านหลัง มันทำให้สีหน้าของ หม่า เจิ้งเฟิง เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เท้าของเขาสับไปมาอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลัว นั้นเร็วเกินไปและดุร้ายเกินไป แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่มากแค่ไหนเพื่อหลีกเลี่ยง เท้าที่กำลังพุ่งเข้ามา แต่นิ้วเท้าของเสี่ยวหลัวที่พุ่งเข้ามาก็ยังตกลงอยู่บนบ่าของเขาอยู่ดี
“แกร็ก~”
เสียงที่คมชัดของกระดูกหักหลายชิ้นดังออกมาจากร่างของ หม่า เจิ้งเฟิง ที่กำลังกลิ้งไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างของเขาเกือบจะหมุนเป็นวงกลมในขณะที่ร่างของเขาพุ่งกระแทกกับพื้นดินไปมากกว่าสิบครั้ง ราวกับลูกบอลก่อนที่ร่างของเขาจะหยุดเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
“กรี๊ดดด~”
เสียงกรีดร้องดังมาจากทางด้านข้างของ หม่า เจิ้งเฟิง สาวน้อยที่น่ารักคนหนึ่งที่กำลังถือพู่กันอยู่ในมือ เธอยืนแข็งค้างมองดู หม่า เจิ้งเฟิง ที่ชุ่มไปด้วยเลือด ด้วยความหวาดกลัว
หม่า เจิ้งเฟิง รีบลุกขึ้นในทันทีด้วยสีหน้าที่ร้ายกาจ เขาคว้าจับไปที่คอของหญิงสาวและควบคุมเธอในขณะที่เขาตวาดเสียงดังไปที่เสี่ยวหลัว“อย่าเข้ามามิฉะนั้น ฉันจะฆ่าเธอซะ!”
ตอนนี้หญิงสาวตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง เธอยังไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้ เธอเพิ่งจะมาวาดภาพที่นี่ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงมีเลือดปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา? แล้วทำไมถึงมีคนเช่นนี้อยู่ในมหาลัยได้?
เธอมองไปข้างหน้า ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง“เทพ…. เทพหลัว … .. ?”
เธอมองเห็นเสี่ยวหลัว
ทันทีที่เสี่ยวหลัวเห็นรูปลักษณ์ของเธอ เขาก็ขมวดคิ้วและรู้สึกปวดหัวในทันที เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คืออันหวนนั่นเอง
ความประหลาดใจของเขาไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเขา และเท้าของเขาไม่เคยหยุด เท้าที่ราวกับแส้ของเขามันพุ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว
“แกขู่ฉันไม่ได้หรอก!”
“ไอ เม่เย็…ด!”
หม่า เจิ้งเฟิง ผู้ซึ่งได้รับแรงกดดันจนเกิดความวิตกกังวลเขาตวาดเสียงดังลั่น เขาคว้าแขนของ อันหวน และผลักเธอที่เสี่ยวหลัว