ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 57 มันจะไม่ดีถ้ามีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น
ถ้ามีคนอื่นพูดว่าจะทำให้พวก ซ่ง เจียหนาน และชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้า ต้องทนทุกข์ทรมาน ทุกคนก็จะหัวเราะราวกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องตลก
แต่ตอนนี้ใครคือคนที่กำลังพูด? มันคือเสี่ยวหลัว ที่เท้าข้างหนึ่งของเขาสามารถเตะคนปลิวออกไปสี่ถึงห้าเมตรได้ และการเตะลูกฟุตบอลของเขาก็สามารถทำให้ลูกฟุตบอลลุกไหม้เป็นเปลวเพลิงได้เช่นนั้น ผู้ชายคนนี้มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว! พวกเขาเชื่อว่าเสี่ยวหลัวมีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้จากก้นบึ้งของจิตใจ
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเสี่ยวหลัว ต้าเผิงเฟย อยากจะร้องไห้ออกมา ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไม ถัง หยู่เจ๋อ กับ จ้าง ชิงเหอ เมื่อพูดถึงเสี่ยวหลัวใบหน้าของพวกเขาถึงเปลี่ยนเป็นขาวซีดขนาดนั้น มันเป็นเพราะเสี่ยวหลัวเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเช่นนี้นี่เอง!
“เธอชื่ออะไร เธอไม่ได้ยินเสียงอาจารย์สั่งให้เธอหยุดเหรอ?”
อาจารย์พลศึกษา เขารู้สึกถูกหักหน้ามากเขาชี้ไปที่เสี่ยวหลัวพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ
แต่เมื่อเสี่ยวหลัวหยุดเดินและหันกลับมา จิตสำนึกและสัญชาตญาณของเขาก็รู้สึกถึงอันตรายและความกลัว เขากลัวว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ จะหันกลับมาเล่นงานเขาเช่นกัน
เสี่ยวหลัวหันศีรษะของเขากลับมาช้าๆและพูดอย่างเมินเฉยว่า“อาจารย์ ผมเชื่อว่า อาจารย์เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว พวกเขาเตะลูกฟุตบอลใส่ผมก่อน ผมก็แค่เอาคืนก็เท่านั้น”
อาจารย์พลศึกษา รู้สึกโกรธและชี้ไปที่ ต้า เผิงเฟย ที่นอนตายซากอยู่ เขาตะโกนว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ตามคำพูดของเธอ ถ้าสุนัขกัดเธอ เธอจะต้องกัดสุนัขตอบด้วยไหม?”
“ผมยอมรับว่าพวกเขาเป็นสุนัข แต่ผมก็ไม่กัดสุนัขพวกนั้นเพราะว่าผมเป็นมนุษย์ แต่ถ้าหากสุนัขมันมากัดผม ผมก็จะทุบตีพวกมันด้วยไม้จนกว่าพวกมันจะกลัวผม!” เสี่ยวหลัว พูดอย่างเมินเฉย
แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะพูดเบาๆ แต่ทุกคนในสถานที่นี้ก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่ไร้ความปราณีของเสี่ยวหลัว
“เธอ … ”
อาจารย์พลศึกษาเต็มไปด้วยความโกรธและโมโหมากจนควันคุกรุ่นออกมาจากรูจมูกของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับนักศึกษาที่รับมือได้ยากเช่นนี้ เขาคิดว่าในฐานะที่เขาเป็นอาจารย์พละเขาแข็งแรงและจะไม่โกรธง่ายๆ มีนักศึกษาคนใดบ้างที่ไม่กลัวเขา แต่นักศึกษาคนนี้กลับไม่กลัวเขาเลยสักนิด
ในขณะนั้น ชูเยว่ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับร่างกายที่สง่างามของเธอและพูดออกมาเบาๆ ด้วยริมฝีปากสีแดงสดของเธอว่า: “คุณหวัง สิ่งนี้ไม่สามารถตำหนิเขาได้จริงๆ มันเป็นเพราะการยั่วยุของ ต้า เผิงเฟย หากต้องการตำหนิก็ตำหนิ ต้า เผิงเฟย มันเป็นเพราะเขาถึงได้มีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ”
ไป่หลิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับสาวงามทั้งสองนี้ อาจารย์พลศึกษา ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นไปกับพวกเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อชูเยว่และไป่หลิงเดินเข้ามา พวกเธอก็นำพาสายลมที่มีกลิ่นหอมมาด้วย ในฐานะที่เขาก็เป็นชายวัยกลางคน คนหนึ่งที่มีการหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพศชายตามปกติ ตอนนี้เมื่อเขาได้กลิ่นน้ำหอมจากผู้หญิงมันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าหัวใจและความคิดของเขาจะไม่ฟุ้งซ่าน
“อืม ชูเยว่ พูดถูกแล้ว ฉันรู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย และโทษคนผิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”
อาจารย์หวังเห็นด้วยกับชูเยว่ จากนั้นเขาก็ใช้ใบหน้าที่จริงจังที่สุดและตะโกนใส่ ต้า เผิงเฟย ว่า“ต้า เผิงเฟย เนื่องจากเธอและเพื่อนของเธอได้พยายามทำร้ายเพื่อนร่วมมหาลัย และพวกเธอก็ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมสำหรับนักกีฬาออกมา นอกจากนี้ผลงานด้านกีฬาของพวกเธอในภาคการศึกษานี้มันก็แย่มากดังนั้น พวกเธอค่อยมาลงเรียนคลาสนี้ใหม่ในภาคการศึกษาภาคถัดไปเถอะ”
F * ck นี่คือเสน่ห์ของความงามของมหาวิทยาลัยใช่ไหม มันไม่ยุติธรรมเลย
เห็นได้ชัดว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บคือ ต้า เผิงเฟย และแก๊งของเขา แต่บุคคลที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บเสี่ยวหลัวกลับไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขาเลย และการลงโทษ ต้า เผิงเฟย กับคนของเขานั้น พวกเขาต้องลงเรียนคลาสเรียนพลศึกษาในภาคการศึกษาถัดไป ช่างเป็นการเสียเวลาอันใหญ่หลวงจริงๆ”
ทุกคนมองไปที่ ต้า เผิงเฟย กับพรรคพวกของเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ยังคาดการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชูเยว่และเสี่ยวหลัวด้วย ว่าสาวงามของมหาวิทยาลัยชูเยว่ ที่ดื้อรั้นเป็นพิเศษและทุกคนที่ตามตอแยเธอ มักได้รับการปฏิเสธโดยตรง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีแฟนแล้วในตอนนี้ – เขาดูเหมือนจะไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเสี่ยวหลัว มิฉะนั้นชูเยว่จะลุกขึ้นยืนและพูดแทนเขาได้อย่างไร
เมื่อ ต้า เผิงเฟย และคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของอาจารย์หวัง สีหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นขาวซีดไร้สีเลือด ตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่พวกเขากระทำ
เสี่ยวหลัว จ้องมองไปที่ ชูเยว่ อย่างประหลาดใจ เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เธอจะพูดให้เขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาหันหลังและเดินไปที่มุมๆหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นต่อ
หลังจากชูเยว่และไป่หลิงพูดคุยกับอาจารย์หวังแล้ว พวกเธอก็เดินไปหาเสี่ยวหลัว
“นายจอมโอ้อวด ฉันช่วยนาย นายจะไม่พูดคำขอบคุณฉันสักคำเลยเหรอ?” ชูเยว่ กล่าวพร้อมมุ่ยปาก
“ขอบคุณ!”
ขณะที่พูดเสี่ยวหลัวไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเธอเขาแค่เล่นเกมโทรศัพท์มือถือของเขาโดยไม่สนใจทุกสิ่งรอบตัว “ถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ก็ออกไปได้แล้ว”
ชูเยว่กระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ: “นายพูดจากับฉันดีๆไม่ได้หรือไง นายจะตายหรือไงถ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรกับฉัน?!”
เธอไม่รู้ความคิดของผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ เธอริเริ่มที่จะออกมาคุยกับเขา อย่างไรก็ตามเขากลับทำราวกับคำพูดของเธอเป็นเพียงผายลมที่ส่งกลิ่น และขับไล่เธอให้ออกห่างไปหลายพันไมล์ จะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไง!
“เสี่ยวหลัว คุณหนูชู ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ”
ในฐานะเพื่อนซี้ ไป่หลิง และ ชูเยว่ พวกเธอไว้วางใจซึ่งกันและกันและแบ่งปันความลับของกันและกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ ไป่หลิง จะรู้ว่า ชูเยว่ รู้สึกอย่างไรกับ เสี่ยวหลัว แม้ว่าชูเยว่จะไม่อนุญาตให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาใกล้ แต่เสี่ยวหลัวเขาเป็นคนที่โดดเด่นในทุกๆด้าน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกสนใจเขา และเธอก็มีความปรารถนาที่จะเป็นเพื่อนกับเขา
เพื่อน?
สำหรับเสี่ยวหลัวแล้วเขาเพียงต้องการที่จะปกป้องชูเยว่ เป็นเวลา3เดือน เขาไม่อยากจะติดติดต่อกับใครในหัวเย่ หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เขาก็จะออกไปจากโลกของพวกเขาอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เขาเข้ามา ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธข้อเสนอจากมิตรภาพของเธอ
ชูเยว่ไม่ได้พยายามที่จะเก็บเป็นความลับ“จอมโอ้อวด มีเหตุการณ์และหลายสิ่งที่ไม่มีความสุขเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา ทิ้งเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้เหรอ? มาฝังความข่มขื่นพวกนั้นและมาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
จากนั้นเธอก็ยื่นมือขวาออกมา
แน่นอนว่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอชอบเสี่ยวหลัว ไม่สิเธอแค่ชื่นชมเขา มิตรภาพเป็นสิ่งเดียวที่เธอมีในใจในตอนนี้
“เราสามารถฝังเรื่องราวที่ข่มขื่นพวกนั้นได้ แต่เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้” เสี่ยวหลัวยืนขึ้นแล้วพูด
“ทำไม?” ชูเยว่รู้สึกรำคาญและงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง
“เพราะเธอเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและฉันก็เป็นเพียงแค่คนบ้านนอกที่เกิดมาในครอบครัวธรรมดา เราไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกันหรือมีโลกที่คล้ายกัน ฉันไม่เชื่อเลยว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้” เสี่ยวหลัว พูดเหตุผลที่พอเป็นพิธีเพื่อหลบจากปัญหา
“เสี่ยวหลัวฉันก็มาจากพื้นหลังที่ธรรมดาเหมือนกัน แต่คุณหนูชูกับฉันก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก” ไป่หลิงกล่าว
เสี่ยวหลัวยิ้ม“คุณเป็นผู้หญิง มันแตกต่างกันสำหรับฉัน” เขามองไปที่ชูเยว่“และยิ่งไปกว่านั้นถ้าฉันสนิทกับเธอมากเกินไป ฉันกลัวว่าผู้คนมากมายจะเข้าใจผิด เมื่อความเข้าใจผิดเกิดขึ้นฉันก็อาจมีปัญหามากกว่านี้”
“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร” ชูเยว่กระพริบตาที่ใหญ่และสวยงามของเธอโดยไม่รู้สาเหตุ
“ผู้คนก็จะเข้าใจผิดว่าฉันเป็นแฟนของเธอ” เสี่ยวหลัวพูดอย่างใจเย็น
ทันทีที่ชูเยว่ได้ยินสิ่งนี้เธอก็รู้สึกเขินอายและตะโกนอย่างอับอายไปว่า “นายกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร? แม้ว่าผู้ชายทุกคนบนโลกนี้จะตายกันหมด แล้วเหลือแค่นาย ฉันก็จะไม่ยอมเป็นแฟนของนายแน่”
“และนั่นก็คือเหตุผลทั้งหมด ที่เราไม่ควรเป็นเพื่อนกัน มันจะเป็นหายนะถ้าคนอื่นเข้าใจผิด” เสี่ยวหลัวยกคิ้วขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย
“หึ! ไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็น นายคิดเหรอว่ามันเป็นความสูญเสียสำหรับฉัน ที่ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับนาย ไป่หลิงไปกันเถอะ ผู้ชายคนนี้เขามันเป็นโรคประสาท” ชูเยว่ ดึงไป่หลิงแล้วหันหลังกลับเดินออกไปด้วยความโกรธ
เสี่ยวหลัวถอนหายใจออกมาเป็นเวลานาน เขานั่งลงและเล่นกับมือถือของเขาต่อไป