ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 89 ผู้ที่เหมาะสม
นี่มันช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ! ที่ต้องมานั่งในตำแหน่งที่นั่งสำหรับผู้อาวุโสแบบนี้
ไม่ว่าความเชื่อมั่นของเสี่ยวหลัวจะมั่นคงเพียงใด แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งความคิดที่วิตกกังวลของเขาได้เลย
เมื่อเสี่ยวหลัวกำลังจะเปลี่ยนตำแหน่ง ชู หยุนเชียง ก็โบกมือแล้วหยุดเขาไว้ เขากล่าวว่า“ตอนนี้มีเพียงพวกเราแค่สองคน ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าใครจะนั่งที่ตรงไหน”
เสี่ยวหลัวไอแห้งสองสามครั้ง เพื่อสงบสติอารมณ์แล้วพูดว่า“คุณชู มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงเรียกผมให้มาพบในเวลานี้”
เสี่ยวหลัว พูดอย่างตรงไปตรงมาและไม่หยาบคายมากจนเกินไปนัก
ชู หยุน เชียง ดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาคำถามที่เสียวหลัว จะถามได้ก่อนแล้ว เขายิ้มและตอบว่า“เมื่อเร็วๆนี้ ฉันเพิ่งซื้อ บริษัท มา ที่บริษัทมันยังขาดคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งอยู่ คุณสนใจไหม”
เสี่ยวหลัวดวงตาของเขาเปร่งประกายขึ้นแล้วถามว่า“บริษัท อะไร?”
นี่อาจเป็นโอกาสที่ดี อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่จำเป็น ที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้นหรือไต่ขึ้นมาจากมาด้านล่าง สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความตั้งใจที่จะสร้างตัวขึ้นด้วยตนเอง แต่เขาก็ยังไม่ได้คิดแผนอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย
“หลัวฝาง!”
“หลัวฝาง บริษัท ในเจียงเฉิงที่ทำขนมปังและเค้กงั้นเหรอ?”
เสี่ยวหลัวตกตะลึง เขาอยู่ในเจียงเฉิงมาหลายปี แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้เกี่ยวกับ บริษัท หลัวฝาง บริษัทนี้ มีร้านเบเกอรี่มากกว่า 70 สาขา ที่อยู่ในเจียงเฉิง และ จ้าว เหมิ่งชี อดีตแฟนสาวของเขาก็ชอบทานขนมเค้ก มันเป็นผลทำให้เขามักจะแวะเวียนไปที่ร้านเบเกอรี่ของ หลัวฝาง อยู่บ่อยครั้ง
ชู หยุนเชียง พยักหน้า: “ใช่แล้ว ชื่อของ บริษัท ยังคงมีคำว่า” หลัว ” ดูเหมือนว่านี่มันจะเป็นโชคชะตาสำหรับคุณนะ”
“แต่ถ้าผมจำไม่ผิด เจ้าของบริษัท นามสกุลว่า” ฝาง“ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่แล้ว มันคือ ฝาง ฉงเหมิง!”
ชู หยุนเชียง หยิบถ้วยชาของเขาขึ้นมาจิบแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า“ประมาณหกเดือนที่แล้ว บริษัท หลัวฝาง ได้ประสบกับปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหม”
“ผมรู้อยู่นิดหน่อย ผมได้ยินมาว่ามีคนแก่คนหนึ่งที่กินขนมปังแล้วเสียชีวิตอยู่ในร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง และพวกสื่อก็ได้นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องนี้”เสี่ยวหลัว กล่าวตอบ
ชู หยุนเชียง พูดต่ออย่างไม่เต็มใจว่า“ในฐานะ บริษัท อาหาร ความปลอดภัยของอาหารและคำพูดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คนแก่คนนั้นที่ตายอยู่ในร้านเบเกอรี่ มันส่งผลให้มีคนพูดออกไปเป็นปากต่อปาก และนั่นมันก็ทำให้ร้านเบเกอรรี่เปลี่ยนไปแทบจะในทันที พวกเขาสูญเสียลูกค้าไปเป็นจำนวนมาก ในเวลาเพียงแค่ครึ่งปี ฝาง ฉงเหมิง ซีอีโอผู้ที่มีบริษัทมูลค่ากว่า 200 ล้าน ได้กลายมาเป็นผู้ยากไร้ ที่มีหนี้ที่ค้างชำระกว่า 10 ล้านหยวนแทน” ชู หยุนเชียง ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า“โลกของธุรกิจ มันก็เป็นเหมือนกับสนามรบ หลายคนสามารถรวยและเป็นที่นิยมได้ แต่ในนาทีต่อมาพวกเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีใครรู้ว่าจะได้ทานอาหารมื้อสุดท้ายตอนไหน โลกธุรกิจมันก็โหดร้ายเช่นนี้แหละ”
“ตั้งแต่คุณได้ซื้อ หลัวฝาง ไปทำไมคุณถึงไม่ปล่อยให้ ฝาง ฉงเหมิง จัดการกับมันต่อไปหละ? เมื่อเปรียบเทียบกับผมที่มีประสบการณ์น้อยกว่าแล้ว เขาก็ควรจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดสิ” เสี่ยวหลัว ถามอย่างงุนงง
ชู หยุนเชียง ส่ายหัวของเขาแล้วเหยียดนิ้วออกมาสองนิ้ว “มีสองเหตุผลว่าทำไม ฝาง ฉงเหมิง จึงไม่ถูกเลือก เหตุผลแรกก็คือตามความรู้สึกของฉัน เขาคนนี้เป็นคนที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เขามีแนวโน้มที่จะทรยศหักหลังฉันแล้วนำบริษัทของเขากลับคืนไปเป็นของเขา โดยธรรมชาติแล้วฉันจะไม่ใช้จ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อ บริษัท เพียงเพื่อให้มันกลับมาอยู่ในมือของเจ้าของเดิม”
ชู หยุนเชียง กล่าวต่ออีกว่า“เหตุผลที่สอง ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ลูกค้าตำหนิเจ้าของบริษัทโดยไม่รู้ตัวสำหรับปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหาร เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของบริษัท ก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพวกเขาได้ และพวกเขาก็จะไว้วางใจ บริษัท หลัวฝาง อีกครั้ง”
เสี่ยวหลัวพยักหน้า เมื่อ ชู หยุนเชียง พูดถึงเหตุลนี้เขาก็เห็นด้วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น แม้แต่เสี่ยวหลัวก็กล่าวโทษ เจ้าของบริษัท ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่คนอื่นจะทำเช่นกัน หากพวกเขาเปลี่ยนซีอีโอถึงแม้ว่าบริษัท หลัวฝาง จะยังคงเหมือนเดิม แต่ บริษัท ก็ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่บ้าง แน่นอนว่า ถ้าอาหารมีการพัฒนามากขึ้น พวกลูกค้าก็จะให้โอกาสอีกครั้งกับ หลัวฝาง
“เสี่ยวหลัว ฉันได้บอกคุณไปแล้วว่าฉันเชื่อใจคุณ ดังนั้นความรับผิดชอบของ หลัวฝาง จะตกอยู่ในมือของคุณทั้งหมด!” ชู หยุนเชียง กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
เสี่ยวหลัวส่ายหัวแล้วปฏิเสธ“คุณชู ถึงแม้ว่านี่จะฟังดูเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ผมก็อยากที่จะเริ่มต้นอาชีพของตัวเอง โดยไม่ตกเป็นลูกน้องของคนอื่น”
การงานและอาชีพของตัวเองมีสองแนวคิดที่แตกต่างกันมาก อย่างแรกมันจะถูกผูกมัดโดยเจ้านาย ในขณะที่อย่างหลัง ผู้คนจะเป็นเจ้านายของตัวเอง
ชู หยุนเชียง หัวเราะแล้วพูดว่า“คนนอกมักจะพูดว่าดวงตาของฉันดีมากในการมองเห็นอัญมณีเช่นเดียวกับดวงตาแห่งไฟของ หงอคง และพวกเขาก็คิดไม่ผิด ฉันยอมรับว่าฉันมองผู้คนได้อย่างแม่นยำ ทัศนคติที่ไร้กังวลและความมั่นใจของคุณ มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปมักจะเห็น คุณยังเด็กและคุณก็มีความคิดและความเพียรเป็นของตัวเอง ฉันให้ค่าคุณค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว”
เสี่ยวหลัวยังคงนิ่งเงียบ ผู้ที่มีอำนาจมีหนทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ พวกเขาสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับพวกเขาลอยอยู่ในก้อนเมฆ ในขณะเดียวกันผู้มีอำนาจก็มันที่จะซ่อนความตั้งใจที่แท้จริงของพวกเขาเอาไว้
“ตามที่ฉันได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ และฉันก็แน่ใจว่าฉันได้บอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ฉันจะให้ความท้าทายและอิสระเท่าที่คุณต้องการ คุณจะไม่ตกอยู่ภายใต้ฉัน หากคุณยอมรับข้อเสนอนี้ คุณจะกลายเป็นเจ้าของ บริษัท หลัวฝาง อย่างแท้จริง” ชู หยุนเชียง กล่าว
เจ้าของบริษัท หลัวฝาง อย่างแท้จริง?
หัวใจของเสี่ยวหลัวกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่ ชู หยุนเชียง เพื่อรอคำพูดต่อไปของเขา
“ฉันจะเป็นเพียงผู้รับผิดชอบเรื่องเงินเดือนเท่านั้น คุณจะต้องให้ฉัน 20% ของกำไรรวมทุกๆ ปี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”ชู หยุนเชียง พูดพร้อมกับมองไปที่เสี่ยวหลัว ด้วยรอยยิ้ม
“คุณชู นั้นมันไม่เห็นจะแตกต่างจากผู้ถือหุ้น และคุณก็เป็นคนที่ซื้อ หลัวฝาง และคุณก็…” เสี่ยวหลัว พูดเตือน ชู หยุนเชียง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่า ชู หยุนเชียง รู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วก็ตาม
ชู หยุนเชียง โบกมือหยุดคำพูดของเขา“ฉันเป็นนักธุรกิจ แต่ฉันก็เป็นพ่อคนเช่นกัน คุณทำได้ดีมากในการปกป้องลูกสาวของฉัน ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสนับสนุนคุณ การให้ บริษัท หลัวฝาง กับคุณ มันเป็นวิธีการแสดงความจริงใจของฉัน”
ในที่สุดเสี่ยวหลัวก็เข้าใจความหมายของคำพูดของ จาง ซูซาน แล้ว การที่ได้รู้จักกับ ชู หยุนเชียง มันเป็นเหมือนกับการร่นระยะเวลาในการทำธุรกิจไปนับสิบปี!
จากนั้นเขาก็พูดว่า“ผมต้องการเวลาคิดสักหน่อย!”
แน่นอนว่าเขาจะต้องพิจารณาข้อเสนออย่างรอบคอบแม้ว่า ชู หยุนเชียง จะให้เค้กชิ้นใหญ่นี้กับเขา แต่เขาก็จะต้องพิจารณาว่าเขาจะกินเค้กชิ้นใหญ่นี้ได้หรือไม่ มันคงจะน่าอายถ้าเขากลืนมันลงไปไม่ได้
“ได้ ฉันจะให้เวลาคุณพิจารณาข้อเสนอของฉันสามวัน”
ชู หยุนเชียง ใจกว้างและอดทนกับเสี่ยวหลัวเป็นอย่างมาก “เมื่อคุณเห็นด้วย ฉันจะส่งเงินจำนวน 10 ล้านไปยังบริษัท หลัวฝาง เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการดำเนินงาน บริษัท หลัวฝาง จะดำรงอยู่ใน เจียงเฉิง ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้ว”
เสี่ยวหลัวพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว
หลังจากพูดคุยกับ ชู หยุนเชียง เสร็จแล้ว เสี่ยวหลัว จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ในฐานะที่ ชูหยุนเชียง เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่การที่ ชู หยุนเชียง มองเขาสูงและมั่นใจในความสามารถของเขามันทำให้เสี่ยวหลัวรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เสี่ยวหลัวยังรู้สึกชื่นชม ชูหยุนเชียง อย่างแท้จริง
เมื่อเขาลงไปข้างล่างและเห็นว่าฝนตกคิ้วของเสี่ยวหลัวก็ขมวดเข้าหากันในทันที เขาไม่ชอบวันที่ฝนตกโดยเฉพาะในวันที่ค่อนข้างพิเศษเช่นวันนี้ เสี่ยวหลัวโบกรถแท็กซี่ เพื่อที่จะไปยังอพาร์ทเมนท์ของเขา
ขณะที่เสี่ยวหลัว กำลังจะก้าวขึ้นรถแท็กซี่ เขาก็เห็น ชูเยว่ เดินออกมาจากรถ BMW Series 3 สีแดงของเธอ
ชูเยว่ เมื่อเห็นว่า เสี่ยวหลัว ขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปตรงหน้าต่างรถแท็กซี่ แล้วตะโกนเสียงดัง“จอมโอ้อวด!”
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เสี่ยวหลัวพูดพึมพำกับตัวเอง
เสี่ยวหลัวแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินและไม่ได้เห็นอะไร จากนั้นเขาพูดกับคนขับแท็กซี่ว่า“ออกรถ!”