ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน - ตอนที่ 95มีสติ
บอกตามตรงเสี่ยวหลัวไม่ต้องการที่จะโกหก ว่าเขามีรถ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจาก จาง ซูซาน ยืนยันว่านี่คือรถของเขา เสี่ยวหลัว ก็พบว่ามันยากที่จะเปิดเผยความจริง เรื่องนี้มันทำให้เขาอึดอัดใจมาก
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ถ้ามันไม่สะดวก”
ซุนยู้ เธอแค่ถามคำถามออกไปเรื่องเปื่อยเท่านั้น นี่เป็นการนัดบอดครั้งแรกของเธอ และเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธอถามเพียงเพราะว่าเธอแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ตอนนี้เธอรู้สึกอายมากที่ถามคำถามแบบนั้นออกไป
“ประมาณ 120,000 หยวน!”
เสี่ยวหลัวตอบ เขาอยู่กับ จาง ซูซาน มาตั้งนานนม ดังนั้นเขาจึงพอรู้ว่าราคามันเท่าไหร่
“ว้าว! มันแพงมาก ฉันสงสัยว่าพยาบาลอย่างพวกเราจะสามารถซื้อรถแบบนี้ได้ไหม” ซุนยู้ พูดพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ฉันได้ยินมาว่าพยาบาลได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์มากมาย และค่าจ้างของคุณก็สามารถสูงได้ถึงประมาณ 5,000 หยวน ต่อเดือน หากคุณประหยัดมันก็ไม่ควรที่จะนานเกินไป ก่อนที่คุณจะสามารถซื้อรถแบบนี้ได้” เสี่ยวหลัวกล่าว เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เลวอย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้เธอไม่ชอบเขา
ซุนยู้ พูดด้วยรอยยิ้มที่คร่ำครวญว่า: “ฉันแตกต่างจากพี่สาวรุ่ยอิง ฉันเป็นพนักงานใหม่ของที่นี่ เงินเดือนของฉันมันเพียงพอแค่ให้ฉันใช้เท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นไร เวลาของคุณยังมีอีกมาก” เสี่ยวหลัว พูดปลอบ
“อืม”. ซุนยู้ พยักหน้า
เมื่อตัวเอกทั้งสองพูดคุยกัน จาง ซูซาน,เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน จึงเงียบเสียงลงอย่างรู้งาน นี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาคาดหวังไว้
หลังจากผ่านไปสิบนาที พวกเขาก็มาถึงที่ร้านอาหารบาร์บีคิวบุฟเฟ่ต์
จ่ายเพียงคนละ 65 หยวน เท่านั้น จากนั้นพวกเขาสามารถกินได้มากเท่าที่ต้องการโดยไม่ จำกัด เวลา ร้านอาหารนี้มีเนื้อสัตว์อาหารทะเลขนมอบเครื่องดื่มและผลไม้อยู่ทุกประเภท การตกแต่งนั้นยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ หลายคนยินดีที่จะจ่ายเงิน 65 หยวน สำหรับประสบการณ์บาร์บีคิวนี้ ดังนั้นร้านอาหารจึงเต็มไปด้วยผู้คน เมื่อพวกของเสี่ยวหลัวมาถึง
อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นก็โชคดีมาก เพราะมันมีที่นั่งว่างอยู่พอดี เมื่อครู่นี้เพิ่งมีลูกค้าที่ทานอาหารเสร็จออกไป
“ถังเหริน คุณไปจองโต๊ะนั้นให้พวกเรา หากกลุ่มอื่นได้มันไป คุณจะต้องนอนบนโซฟาคืนนี้!” เสี่ยวรุ่ยอิง รีบสั่งให้ ถังเหริน ไปจองโต๊ะ เพราะเธอรู้ว่าอีกกลุ่มหนึ่งก็กำลังจับตามองโต๊ะนั้นอยู่เหมือนกัน
นอนบนโซฟา?
ไม่มีทาง เรื่องนี้เขาจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!
ถังเหริน รีบวิ่งไปที่โต๊ะเหมือนกับยานยนต์ที่เดินทางด้วยความเร็วสูง การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับสายลมกระโชก เขาได้เสี่ยงชีวิตและไปถึงโต๊ะก่อนหน้ากลุ่มอื่น ขณะที่เขาวางก้นของเขาบนที่นั่ง เขายกศีรษะของเขาและหัวเราะคิกคัก“ขอโทษทีนะ แต่โต๊ะนี้มีคนนั่งแล้ว!”
“ว้าว! ดูความเร็วของ ถังเหริน สิเขาไปเป็นนักวิ่งฝีเท้าฉกาจได้เลยนะเนี้ย” จาง ซูซาน พูดชื่นชมเขา
“แน่นอน เขาเป็นแชมป์ของการแข่งขันวิ่งระยะ 100 เมตรที่โรงพยาบาลของเรา” เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
เสี่ยวหลัวเขาเพียงหัวเราะโดยที่ไม่พูดอะไร สิ่งที่เขาจำได้ก็คือการประเมินตัวของ ถังเหริน ของแม่ของเขา ประเมินว่าเขาเป็นเหมือนกับนักเรียนมัธยมปลาย และไม่เหมือนกับชายที่อายุ 24 ปีเลย
…
เนื่องจากร้านนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปเลือกอาหารที่พวกเขาต้องการได้ด้วยตัวเอง
จาง ซูซาน เดินตรงเข้าไปเอาอาหารทะเล ปู ปลาหมึก หอยนางรม และอื่นๆ เมื่อเลือกเสร็จเข้าจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ
“หน้าใหญ่ ทำไมเอามาเยอะจัง จะกินหมดเหรอ?” รุ่ยอิง ช่วยไม่ได้ ได้แต่รู้สึกสงสัยเขา ว่าเขาจะเอาอาหารทั้งหมดนี้ไปไว้ที่ไหน
“ฉันไม่สามารถกินมันได้ทั้งหมดด้วยตัวเองหรอก และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีพี่ชายของเธออยู่ที่นี่” จาง ซูซาน พูดพร้อมกับตบไปที่หลังของเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวจ้องมองไปที่เขาแล้วพูดว่า“แกเอาอาหารมามากเกินไปแล้ว แม้จะมีความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็กลัวว่าพวกเราก็คงจะทานไม่หมด”
“ไม่เป็นไร. คุณยังมีฉัน ฉันชอบอาหารทะเลมาก” ซุนยู้ พูดพร้อมกับหัวเราะ
“เธอกินได้มากเท่าไหร่?” จาง ซูซาน ถามอย่างติดตลก
ซุนยู้ คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเธอจึงชี้ไปที่กองอาหารทะเลทั้งหมดบนโต๊ะแล้วพูดว่า“จากอาหารทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ ฉันสามารถกินได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งได้”
คำตอบของเธอมันทำให้เสี่ยวหลัวตกใจ ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคนี้พวกเธอมักจะไม่โอ้อวดเกี่ยวกับความอยากอาหารของเธอ แต่ซุนยู้ นั้นแตกต่าง เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเธอเป็นอย่างนี้มันทำให้เสี่ยวหลัวรู้สึกประทับใจในตัวของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ชาย มาถ่ายรูปกัน!”
เสี่ยวรุ่ยอิง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเดินไปหา เธอป่องแก้มของเธอเหมือนกับปลาปักเป้า จากนั้นเธอจึงกดถ่ายรูปเซลฟี่กับเสี่ยวหลัว จากนั้นเธอจึงโพสรูปภาพของเธอกับเสี่ยวหลัวลงไปในช่องทางของเธอและเขียนอธิบายว่า“พี่ชายสุดหล่อของฉัน”
“หลัวเหม่ย ทำไมเธอถึงได้ลำเอียงแบบนี้ เธอถ่ายรูปแต่กับ เสี่ยวหลัว เธอไม่ถ่ายรูกับฉันบ้างเลย” จาง ซูซาน พูดถามด้วยความเศร้าโศก
เสี่ยวลุ่ยอิง พิมพ์ตอบความคิดเห็นต่างๆ จากกลุ่มเพื่อนของเธอและจากนั้นเธอจึงตอบคำถามของ จาง ซูซาน “ฉันไม่สามารถ ใส่ใบหน้าของคุณ ไว้ในโทรศัพท์ของฉันได้”
ใบหน้าของ จาง ซูซาน กลายเป็นสีดำในไม่ช้า เขารู้สึกราวกับว่าชีวิตนี้ของเขามันไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้ว เธอกำลังพูดว่าใบหน้าเขาใหญ่เกินที่จะใส่ลงไปในโทรศัพท์ได้งั้นเหรอ?
…
ซุนยู้ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบอาหารทะเลอย่างที่เธอพูดจริงๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ เศษอาหารและชิ้นส่วนทั้งหมดรวมทั้งเปลือกหอยและกระดูกได้กองรวมกันเป็นภูเขาขนาดย่อมๆแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตะโกนออกมา“กุ้งมาแล้ว!” ลูกค้าทุกคนในร้านอาหารบาร์บีคิวที่กำลังย่างเนื้อของพวกเขาอนอยู่ ตอนนี้พวกเขารีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์บุฟเฟ่ต์ในทันทีที่ได้ยินเสียง
เสี่ยวหลัวสังเกตเห็นว่าพนักงานคนหนึ่งกำลังนำรถเข็นที่เต็มไปด้วยกุ้งแม่น้ำเข็นเข้ามา
“ถังเหริน รีบไปเอามันมาเร็ว!” เสี่ยวรุ่ยอิง สั่ง
ด้วยคำสั่งของภรรยา ถังเหริน จึงวางอาหารทั้งหมดลง แล้วเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักวิ่งฝีเท้าฉกาจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมีคนอื่นที่เร็วกว่าเขาและนั่นมันก็คือซูนยู้ นั่งเอง ทันทีที่เธอได้ยินชื่อกุ้ง เธอก็รีบกระโดดลงไปและเริ่มแย่งกุ้งกับกลุ่มคนที่เหลือในทันที ตอนนี้เธอไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธอเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวหลัวรู้สึกประหลาดใจกับเธอคนนี้จริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการรู้จักกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็คิดว่าซุนยู้ เธอคนนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“พี่คิดว้า ยู้ยู้ เป็นยังไง?” เสี่ยวรุ่ยอิง ใช้โอกาสนี้สำรวจความคิดของเสี่ยวหลัว
“เธอเป็นตัวของตัวเอง และไม่แสแสร้งดี”
“ฉันเห็นด้วยกับประเด็นนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นๆ คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะกินอาหารทะเลมากมายต่อหน้าชายแปลกหน้าทั้งสองคน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะชอบมันก็ตาม” จาง ซูซาน เคี้ยวอาหารทะเล พร้อมกับพูด
“ใช่แล้ว ที่หนูแนะนำ ยู้ยู้ ให้กับพี่ ก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่จริงใจ”
เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน“ยู้ยู้ เพิ่งเข้ามาทำงาน ดังนั้นวิธีที่เธอจัดการกับสิ่งต่างๆได้ไม่ค่อยดี นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอยังเด็กและยังอ่อนต่อโลกอยู่มาก พี่ชายพี่เป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคง พี่และเธอเหมาะสมกันมาก พี่อย่ารอนานมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นพี่ก็จะต้องจ่ายในราคาที่เจ็บปวดเพื่อที่จะรู้ว่าคนแบบไหนดีหรือแบบไหนไม่ดี”
คำพูดของเธอในตอนท้าย ดูเหมือนว่ามันจะมีประกายแห่งความเศร้าหมองบางอย่างปรากฏขึ้นมาอยู่ในดวงตาของเธอ
เสี่ยวหลัว รู้ว่าน้องสาวของเขากำลังพูดถึงอะไร
เมื่อสองสามปีก่อน เสี่ยวรุ่ยอิง ยังเด็กและดื้อมาก เธอรู้สึกว่าเธอโตพอและไม่จำเป็นที่จะต้องฟังคำสอนของครอบครัว เธอไม่ต้องการใครมาบอกว่าเธอทำได้หรือไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงมักที่จะออกไปเที่ยวกับผู้ชายหลายคนจนดึกดื่น รสนิยมของเธอในตอนนั้น เธอคิดว่ารอยสัก, ฟังก์, การสูบบุหรี่ การเล่นสนุก นั้นดูหล่อและเท่มาก
ในท้ายที่สุดเธอก็ท้องเมื่อเธอไปทำแท้งเธอจึงมีสติขึ้นมาได้ เธอดีใจมากที่ได้พบ ถังเหริน คนโง่ ที่ไม่ทิ้งเธอ และรักเธอด้วยใจจริง เขาปฏิบัติตัวต่อเธอเหมือนกับว่าเธอคือเจ้าหญิงคนหนึ่ง