ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1598 : ก้าวสู่สวรรค์
ตอนที่ 1598 : ก้าวสู่สวรรค์
ทุกคนต่างก็รู้ว่าจางหยูนั้นแข็งแกร่งแต่ไม่อาจจะรู้ระดับของจางหยูได้ เพราะจางหยูนั้นดูธรรมดา เขาไม่ต่างจากชายหนุ่มทั่วไป แต่ฝานกู่ หงจวินและคนอื่นๆนั้นต่างออกไป พวกนี้ดูสูงส่งราวกับมาจากอีกโลก ไม่มีใครกล้ามองพวกนี้โดยตรง
ไม่มีใครสงสัยในความแข็งแกร่งของฝานภู่และคนอื่นๆโดยเฉพาะฝานกู่ เขาแกร่งเหนือกว่าวิถีของจักรวาลซวนหวงด้วยซ้ํา !
ความแข็งแกร่งแบบนี้เพียงพอที่จะทําให้วิญญาณสั่นไหวได้นี่ราวกับเทพที่พวกเขาต้องเคารพ แต่เทพในตอนนี้กลับดูถ่อมตัวกับจางหยูอย่างมาก พวกนั้นทําความเคารพจางหยูและเรียกเขาว่า เจ้าสํานัก ฉากนี้ทําให้ทุกคนแปลกใจอย่างมาก
“ เขา…เขาคือใครกันแน่ ?” ทุกคนพากันมองไปที่จางหยู ชายหนุ่มที่ดูไม่ต่างจากคนทั่วไปนี้ มีตัวตนแบบไหนที่ทําให้เหล่าเทพเรียกเขาว่าเจ้าสํานัก ?
ต่อหน้าการทําความเคารพจากคนโลกบรรพกาล จางหยูก็เหมือนจะชินกับมันแล้ว เขาพยักหน้าตอบรับอย่างใจเย็น “พวกนี้คือคนของโลกในอนาคต อารยธรรมจีน พวกเขาอยากจะพบกับพวกเจ้า ข้าจึงต้องรบกวนพวกเจ้าให้มาที่นี่”
“ รบกวนงั้นรึ ?” ฝานกู่ส่ายหน้า “ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”
จางหยูยิ้มออกมาและมองไปที่ชนเผ่าจีนก่อนที่จะมองไปที่ฮั่วเยี่ยน “ เด็กน้อย เจ้าอยากเห็นเทพของชาวจีนไม่ใช่รึ ? ตอนนี้เจ้าก็ได้เห็นแล้ว เจ้าผิดหวังรีไม่ ?”
ฮั่วเยี่ยนค่อยๆได้สติกลับมาและกลืนน้ําลาย “ ผู้เยาว์…ผู้เยาว์ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ถึงตายไป ผมก็ไม่รู้สึกเสียดาย”
คนจีนที่เหลือพากันตื่นเต้นอย่างมาก ตอนนี้เองที่พวกเขารู้สึกว่าอารยธรรมจีนนั้นแข็งแกร่ง ดูจากสีหน้าของนักรบมิติและผู้สร้างแล้ว พวกเขาจะไม่ภูมิใจได้ยังไง ?
สําหรับอารยธรรมจีนในอดีตแล้ว หากมีนักรบคอสมิคคนหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเชิดชูแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงนักรบคอสมิคเลย แม้แต่นักรบมิติรีผู้สร้างก็ไม่กล้าที่จะดูถูกอารยธรรมจีน !
เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพ พวกอารยธรรมระดับ 7, 8 หรือแม้แต่ 9 ก็แทบไม่มีค่าอะไรเลย
ทุกอย่างรอบตัวตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป ผู้คนหลายล้านคนและนักรบมิตินับไม่ถ้วนต่างก็จับจ้องไปที่จางหยู, ฝานกู่, หงจวินและคนอื่นๆ ด้วยความเคารพ พวกเขาต่างก็ก้มหน้า ในสายตาของคนเหล่านี้แล้วพวกเขาไม่ต่างอะไรจากมดเลย นี่ไม่ต้องนับนักรบมิติทั่วไปเลย
ฝานกู่มองไปยังเหล่าคนจีนพร้อมคิ้วที่ขมวด “ พวกเขาคือคนของโลกบรรพกาลในอนาคต
ลั่วโหวดูไม่พอใจ “ อ่อนแอเหลือเกิน ! อ่อนแอจนทําให้เราเสียหน้า !”
หงจวิน พยักหน้า “ อ่อนแอจริง !”
คนอื่นๆเองก็พูดขึ้นมาเช่นกัน พวกคนจีนได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่รู้สึกละอายใจ พวกเขารู้สึกละอายใจที่ทําให้อารยธรรมจีนต้องอับอาย
“เพราะพวกเขาขาดแคลนทรัพยากรจึงไม่อาจจะได้รับพลังที่ควรได้” จางหยูออกตัวแทน “ แต่เมื่อข้าเจอพวกเขาแล้ว เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตกต่ําต่อไป ยังไงซะพวกเขาก็เป็นลูกหลานของโลกบรรพกาล พวกเขาคือเผ่าจีน”
ฝานกู่ครุ่นคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “ พูดไปแล้วพวกเขาก็มีสายเลือดของเราอยู่ แม้ว่ จะน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนของเรา แต่ข้าก็ยังรับรู้ถึงมันได้ แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกนี้มีพรสวรรค์ที่ต่ําต้อยแต่หากบ่มเพาะให้ดีก็อาจจะประสบผลสําเร็จจนน่าแปลกใจได้ ” เขาเงียบไปชั่วครู่แล้ว พูดขึ้นต่อ “ พวกนี้ไม่ใช่แค่ไม่ได้ทรัพยากรจากโลกบรรพกาล แต่ยังลําบากอีกมาก ข้าในฐานะผู้สร้างโลกบรรพกาลแล้ว กลับไม่อาจจะช่วยอะไรพวกเขาได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าจะให้เลือดกับพวกเขา 1 หยดเพื่อช่วยยกระดับพวกเขาขึ้นมา สําหรับว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์และประสบความสําเร็จในอนาคตได้แค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง”
เมื่อพูดจบร่างกายของฝานกู่ก็ขับเลือด 1 หยดออกมาก่อนจะลอยไปหาชนเผ่าจีน
ต่อมาเลือดนั้นก็เข้าไปรวมตัวกับเลือดของเหล่าคนจีน ผ่านไปไม่กี่อึดใจทะเลเลือดจากตัวฝานกู่ก็หายไป พวกมันได้เข้ารวมตัวกับเลือดของเหล่าคนจีนทั้งหมด คลื่นพลังของคนจีนพุ่งทะยานขึ้น วิญญาณและร่างกายของพวกเขาได้ยกระดับขึ้นมา เลือดของพวกเขาบริสุทธิ์ขึ้น
คนที่ถือว่าเป็นอัจฉริยะของเผ่าจีน หลังจากที่ได้รับเลือดของผ่านเข้าไปแล้ว พรสวรรค์ที่แค่ระดับกลางของพวกเขา แต่ตอนนี้กลับดูไร้ขอบเขต
เหล่าชาวจีนตื่นเต้นกันขึ้นมา พวกเขารีบทําความเคารพฝานกู่ทันที “ ขอบคุณ ท่านเทพฝานกู่ !”
ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่พรสวรรค์ของพวกเขากลับมาก กว่าเดิมถึงสิบเท่า มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาก็ยังรับรู้ได้ นี่เป็นเพราะเลือดจากฝานกู่
“ พวกเจ้าก็เห็นแล้ว พวกเจ้าคงไม่ต้องซื้อเขาไว้แล้วสินะ ยังไงซะพวกเขาก็มีธุระของตัวเองที่ต้องไปทํา ” จางหยูพูดกับชาวจีน
จางหยูหันกลับไปมองผ่านภู่และคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ พวกเจ้ากลับไปก่อน”
พวกเขาเดินทางมาและกลับไปอย่างรวดเร็วแต่การมาของพวกเขานั้นทําให้ทุกคนจําได้ขึ้นใจ
นี่คืออารยธรรมจีนที่แกร่งกว่าอารยธรรมระดับ 9 ไม่รู้ต่อกี่เท่า ไม่รู้ว่าอารยธรรมระดับ 9 ในโลกนี้จะมีที่ไหนเทียบเท่ากับพวกนี้ได้รึไม่ !
ทุกคนได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอารยธรรมจีนแล้ว !
ไม่สิ นี่อาจจะเป็นยอดภูเขาน้ําแข็งของอารยธรรมจีน บางทีอารยธรรมจีนที่แท้จริงนั้นอาจจะน่ากลัวกว่าที่พวกเขาได้พบเป็นสิบเป็นร้อยเท่า !
“ พูดไปแล้ว ด้วยนิสัยใจคอของเจ้านั้น ข้าถูกใจอย่างมาก เจ้าสนใจจะมาเป็นศิษย์ของข้ารึไม่ ?” จางหยูมองไปที่ยั่วเยี่ยนและถามขึ้นมา
เรื่องน่าแปลกใจนี้ทําให้ยั่วเยี่ยนทั้งยินดีและแปลกใจ “ ข้ารึ ? ข้าเป็นได้จริงๆ ?”
แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าคนที่ทําให้ผู้สร้างหงรวมถึงฝานกู่และเทพคนอื่นๆเคารพได้นั้นจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ตราบใดที่เป็นศิษย์ของอีกฝ่ายได้ มันก็เท่ากับก้าวเท้าสู่สวรรค์ ฮั่วเยี่ยนไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะได้รับโอกาสเช่นนี้
คนอื่นๆต่างก็พากันมองไปที่ยั่วเยี่ยนด้วยความอิจฉาในความโชคดีของเขา
แม้แต่หงรวมไปถึงนักรบมิติคนอื่นๆต่างก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะตกลง” จางหยูพูดด้วยรอยยิ้ม “ หากเป็นเช่นนั้นงั้นจากวันนี้ไปเจ้าจะเป็นศิษย์คนที่ 17 ของข้า เจ้าจะได้รับสิทธิพิเศษของศิษย์ แน่นอนว่าเจ้าต้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในฐานะของศิษย์เช่นกัน เจ้าคิดว่ายังไง ?”
เขามีศิษย์อยู่ 18 คน แต่เซียวเหยียนไม่ถือว่าเป็นศิษย์ของเขา ส่วนไป่หลิงคือลั้วตี้กลับชาติมาเกิดซึ่งถูกตัดออกไปด้วย ดังนั้นศิษย์ของเขาจึงมีแค่ 16 คน เป็นธรรมดาที่ยั่วเยี่ยนจะเป็นศิษย์คน ที่ 17
ฮั่วเยี่ยนรีบพยักหน้าและคุกเข่าลงไป เขาคํานับลงกับพื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นมา “ศิษย์ฮั่วเยี่ยน ขอคํานับอาจารย์ !”
จางหยูพอใจกับศิษย์คนใหม่อย่างมาก เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ ศิษย์พี่ของเจ้า แม้ว่าข้าจะรับเป็นศิษย์ได้ไม่นานแต่พรสวรรค์ก็ไม่ได้แย่อะไร ตอนนี้พวกเขาประสบความสําเร็จจนโดดเด่น แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของข้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะทําเรื่องชั่วร้ายต่อคนอื่นได้ หากเจ้าต้องการตามศิษย์พี่เจ้าให้ทัน เจ้าต้องพยายามและขยันเข้าไว้”
“ศิษย์จะจดจําคําสอนของอาจารย์ !” ฮั่วเยี่ยนพยักหน้าตอบรับ
หลังจากที่รับศิษย์แล้ว จางหยูก็ได้มองไปยังเผ่าจีนที่เหลือ
ตอนนั้นชาวจีนพากันมองมาที่เขาด้วยสีหน้าคาดหวัง พวกนั้นหวังว่าจะได้เป็นเหมือนฮั่วเยี่ยนที่ถูกรับเป็นศิษย์ แต่โชคร้ายที่จางหยูไม่คิดจะรับศิษย์อีก
จางหยูได้พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ข้าได้สร้างสํานักในโลกต่างๆเอาไว้ มันมีชื่อว่าสํานักคังเฉียง สํานักคังเฉียงเชื่อมต่อกับโลกมากมาย โลกส่วนใหญ่ล้วนมีอารยธรรมจีน ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือก หนึ่ง ไปยังสํานักคังเฉียงที่เชื่อมต่อกับโลกต่างๆ สอง อยู่ในจักรวาลซวนหวงต่อไป ”
เขาไม่คิดจะฝืนดึงตัวคนเหล่านี้ไป ยังไงซะคนจีนเหล่านี้ก็อยู่ในจักรวาลแห่งนี้มากว่า ล้านล้านปีแล้ว พวกเขาผูกพันกับจักรวาลแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามีหลายคนไม่อยากจะออกจาก
สิ่งที่เรียกว่ากรงทองนั้นอาจจะไม่ดีเท่ากับรังเก่าๆ ที่ที่ดีสําหรับคนอื่นก็ใช่ว่าจะดีสําหรับพวกเขา
อย่างที่จางหยูคาดเอาไว้ แม้ว่าคนจีนส่วนมากอยากจะไปยังสํานักคังเฉียงเพื่อดูโลกอื่นๆ แต่ก็ไม่อยากจะอยู่ในโลกพวกนั้นนานนัก นิสัยของคนจีนนั้นซับซ้อน แม้ว่าจะต้องตายแต่พวกเขาก็ไม่คิดจะทิ้งรากเหง้าของตัวเอง
ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าคิด 1 วัน ลองคิดดูดีๆแล้วค่อยให้คําตอบกับข้า” จางหยูไม่ได้เร่งให้พวกนี้ตัดสินใจ
ชาวจีนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก วันหนึ่งน่าจะเพียงพอให้พวกเขาตัดสินใจได้โดยไม่ต้องรู้สึกเสียดายในอนาคต
ฮั่วเยี่ยนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็เงียบไป แต่สุดท้ายเขาก็ยังพูดขึ้นมา “ อาจารย์ ข้าอยู่ต่อได้รึไม่ ?”
จางหยูขมวดคิ้ว ในมุมมองของเขาแล้วมีแค่การออกจากจักรวาลซวนหวงและเข้าร่วมสานักคังเฉียงเท่านั้นที่จะเติบได้ได้เร็วที่สุด เพราะมีการแข่งขันภายในอยู่ในโลกต่างๆนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากร ผลประโยชน์มันชัดเจนอยู่แล้ว ในทางกลับกันการอยู่ในจักรวาลชวนหวงต่อนั้นความสําเร็จไม่ต่างอะไรจากการเพ้อฝัน
“ ทําไมกัน ?” จางหยูไม่ได้รีบตกลงรีปฏิเสธแต่กลับถามขึ้นมา
ฮั่วเยี่ยนลังเล เขามองไปที่โดอัน ก่อนจะกลืนน้ําลายแล้วพูดขึ้น “ เพราะ…เพราะ…”
โดอันที่ยืนอยู่ใจกลางซากวิหารแห่งการคืนชีพ รู้สึกได้ถึงสายตาที่ยั่วเยี่ยนมองมา เขาอดไม่ได้ที่จะใจเต้นและเริ่มสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงลูกสาวที่ไม่รู้ว่าเป็นตายซึ่งโอกาสที่จะตายนั้นสูงอย่างมาก โดอันก็กดความกลัวที่มีเอาไว้ แม้ว่ายั่วเยี่ยนจะไม่ได้โกหก แต่ลูกสาวเขาก็อาจจะตาย เพราะฮั่วเยี่ยนได้ นี่คือความจริงที่ไม่อาจจะเถียงได้
“ มันน่าตลกที่โกโก้เหวยเข้ารับการทดสอบเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับฮั่วเยี่ยนผู้ต่ําต้อย” ปากของหลิงเค่อกระตุก “ตอนนี้ใครกันแน่ที่ไม่คู่ควร ? “