ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1616
ตอนที่ 1616 : เลื่อนขั้น
การเดินทางไปยังโลกนิรันดร์ในครั้งนี้มีโจวหัว, จางหยูและเสี่ยวซวง
คนของสภายังคงดูแลโลกจิตวิญญาณอยู่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ในอีกด้านก็เพื่อกันไม่ให้เกิดการโจมตีชิงที่นี่ รวมถึงการปล้นทรัพยากรของโลกด้วย โจรพวกนี้เล็งไปที่โลกขั้นที่ 9 ที่อ่อนแอ พวกนั้นลงมืออย่างรวดเร็วและรีบหนีไปจนยากจะจับตัวได้
พูดโดยทั่วไปแล้วความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอแต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป
หากอ่อนแอก็ไม่อาจจะปล้นใครได้
หากแข็งแกร่งก็คงไปทําอย่างอื่นที่สามารถรับเงินได้โดยไม่ต้องเสี่ยงไม่ใช่รึ ?
จางหยุและคนอื่นได้เดินทางออกมายังโกลาหลภายนอก โจวหัวได้เรียกปราสารทของตัวเองออกมา ปราสาทนี้แผ่พลังอันเก่าแก่ออกมา ซึ่งสามารถทนการกัดกร่อนของโกลาหลได้
“ นี่มันอะไร ?” จางหูแปลกใจ
โจวทั่วอธิบายออกมา “ นี่คือสมบัติโกลาหลของข้าที่หลุดเข้ามาในเขตตะวันออกส่วนบนข้าได้มันมาจากสุสาน สุสานนั้นให้สมบัติมา 3 อย่าง ปราสาทสวนนั้นตกเป็นของข้า เบ็ดเทพตกเป็นของพ่อของเสี่ยวซวง ส่วนสมบัติอีกชิ้นนั้นตกไปอยู่ในมือของชายอีกคน” โจวหัวเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ ปราสาทสวนนั้นคือสมบัติป้องกัน ตราบใดที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้ก็สามารถลดพลังการสร้างของศัตรูได้ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้ในการเดินทางได้อีกด้วย มันค่อนข้างรวดเร็ว”
เขาไม่ได้กังวลว่าจางหยูจะชิงเอาสมบัติจากเขาไป เพราะของแบบนี้คงไม่ได้หายากสําหรับผู้ควบคุมขั้นที่ 5
ในความเห็นของเขาแล้ว จางหยูไม่มีเหตุผลต้องทําแบบนั้น
เขาเดาได้ถูกแค่ครึ่งเดียว จางหยูน่ะไม่คิดจะทําแบบนั้นก็จริงแต่เหตุผลนั้นไม่ใช่ จางหยูไม่ใช่ว่าไม่สนใจปราสาทสวนนี้ แต่เขาน่ะมีหลักการของตัวเอง โจวหัวกับเขาไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ฆ่าอีกฝ่ายเพื่อชิงสมบัติมา
จางหยูพยักหน้าตอบรับแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจมันมากนัก
พวกเขาพากันเข้าไปในปราสาทก่อนที่ โจวทั่ว จะตั้งพิกัดเพื่อเดินทางไปยังโลกขั้นที่ 9 ที่ใกล้ที่สุดก่อนจะบอกกับจางหยูว่า “ ท่านจาง, เสียวซวง พวกเจ้าพักที่นี่ก่อน ข้าจะไปยังโลกหมึกเพื่อสอบถาม” โลกหมึกคือโลกขั้นที่ 9 ที่ใกล้ที่สุด มันมีรูหนอนเชื่อมต่อกับโลกขั้นที่ 9 อื่นๆ
โลกจิตวิญญาณนั้นอยู่ห่างจากโลกนิรันดร์มาก แต่เมื่อเดินทางผ่านโลกขั้นที่ 9 ต่างๆ ระยะทางก็จะสั้นลง มันจะประหยัดเวลาได้อย่างมาก
จางหยูพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงเพื่อทําความเข้าใจการสร้างต่อ
การทําความเข้าใจการสร้างของคนอื่นนั้นคือการคิดภาพ ส่วนการทําความเข้าใจของจางหยูนั้นคือการทําความเข้าใจการสร้างในโลกตันเถียน มันราวกับปลุกความทรงจําที่หายไปมากกว่าดังนั้นการทําความเข้าใจของจางหยูจึงราบรื่นกว่าคนอื่นๆ คนอื่นนั้นยากจะทําความเข้าใจมันได้แต่ในสายตาของจางหยูแล้วมันไม่ต่างอะไรจากการบวกเลขเลย
ในตอนที่จางหยูทําความเข้าใจอยู่นั้น พลังการสร้างก็แผ่ออกมารอบตัวเขา
พลังนี้ไม่ได้รุนแรงนักแต่กลับสูงขึ้นเรื่อยๆ และทําให้เขาดูไร้เทียมทานขึ้นมาเรื่อยๆ
“ นี่มันพลังอะไรกัน” ใต้เท้าซวงที่อยู่ใกล้ๆรับรู้ถึงพลังนั้นและรู้สึกสับสนขึ้นมา เขาไม่ต่างจากเด็กประถมที่เจอข้อสอบเด็กมหาลัย นี่ไม่ต้องพูดถึงการทําโจทย์คณิตเลย แม้แต่อ่านตัวเลขเขาก็ทําไม่ได้
โจวทั่วเองก็ตะลึง “ ระดับการบ่มเพาะของผู้อาวุโสนี้ดูเหมือนว่าจะสูงกว่าที่ข้าคิดไว้มาก !”
เขาไม่เห็นผู้ควบคุมขั้นที่ 5 มาก่อน แม้ว่าจะเคยรับรู้ถึงพลังขั้นที่ 5 แต่เมื่อเทียบกับจางหยูแล้วพลังของผู้ควบคุมขั้นที่ 5 คนอื่นๆนั้นไม่คู่ควรให้พูดถึงเลย อย่างน้อยพลังขั้นที่ 5 ก็ไม่อาจจะทําให้เขากดดันได้ถึงเพียงนี้
“ เขาอยู่ขั้นที่ 6 ?” โจวหัวตะลึง
จางหยูเป็นใครกันแน่ ?
เขตตะวันออกส่วนบนมียอดฝีมือแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ในหัวของโจวทั่วนั้นเต็มไปด้วยคําถามที่ไม่อาจจะหาคําตอบได้
สิ่งที่ทําให้เขาสับสนมากที่สุดคือจางหยูนั้นมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวแบบนี้ แต่ทําไมถึงไม่มีตรากับตัว ?
ตราของผู้ควบคุมนั้นสามารถสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ หากจางหยูมีตราอยู่กับตัวถึงโจวทั่วจะกล้ามากแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าหาเรื่องเขา จนถึงตอนนี้จางหยูก็ยังไม่ได้แสดงตราผู้ควบคุมออกมา มันทําให้โจวหัวไม่อาจจะบอกได้ว่าจางหยูนั้นอยู่ระดับไหนกันขั้นที่ 5 รีขั้นที่ 6 ?
เวลาผ่านไปในพริบตาสุดท้ายพวกเขาก็มาถึงโลกหมึก
ใช้เวลากว่า 1 เดือนกว่าที่พวกเขาจะเดินทางมาถึงที่นี่
โจวทั่วอยากจะปลุกจางหยูขึ้นมาแต่ก็ลังเล สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรอ
ไม่ถึงสองชั่วยามเขาก็รู้สึกได้ว่าจางหยูนั้นรายล้อมไปด้วยพลังแห่งการสร้างลึกลับที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ มันลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ จนทําให้เขารู้สึกมึนงง
โจวหัวได้พึมพําออกมา “ นี่แหละคือสิ่งที่น่าสับสน !”
เมื่อรอกว่า 1 วัน สุดท้ายโจวหัวก็ไม่อาจจะทนได้ไหว เขาได้มองไปที่จางหยูก่อนจะสะกิดอีกฝ่าย “ ท่านจาง เรามาถึงแล้ว” ยิ่งเขาได้อยู่กับจางหยูนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าจางหยูนั้นไร้เทียมทานเท่านั้น อีกฝ่ายเหมือนกับโกลาหลที่กว้างใหญ่ แม้แต่พลังการสร้างที่กระจายออกมานั้นก็ยังทําให้ผู้คนต้องตะลึง
จางหยู่ไม่ได้ใช้สติทั้งหมดจมไปกับความเข้าใจ เขายังแผ่การรับรู้เพื่อตรวจสอบข้อมูลรอบตัวอยู่ตลอด
ถึงจะไม่มีอันตรายแต่เขาก็ไม่อาจจะประมาทได้ เขา, โจวหัวและใต้เท้าชวงนั้นไม่ได้สนิทจนเชื่อใจกันได้
เมื่อได้ยินเสียงของโจวทั่ว จางหยูก็ตื่นขึ้นมา เขารับรู้ได้ว่าพลังการสร้างของเขายกระดับขึ้น* หากเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วมันพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก มันไม่ได้สูงกว่าเบเกิลแต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากแต่ถึงอย่างั้นก็ยังไม่ถึงขั้นที่ 9 อยู่ดี”
แม้ว่าจะมีโลกตันเถียนเป็นสูตรโกง แต่ก็ยากที่จะเพิ่มระดับให้ไปถึงขั้นที่ 9 ได้
สุดท้ายจางหยูก็มองออกว่ามันยากแค่ไหนที่ผู้สร้างจะไปถึงขั้นที่ 9 ได้
ไม่แปลกเลยที่ขั้นที่ 9 นี้ถูกมองว่าเป็นตํานานในมุมมองของคนนับไม่ถ้วน
“ พัฒนาขึ้นมาไม่เลวแต่มันยังห่างจากเบเกิลอยู่” จางหยูตรวจสอบสถานการณ์ของตัวเอง “ข้าจําเป็นต้องสู้ มีแค่การต่อสู้ที่จะเปลี่ยนความเข้าใจเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้ ไม่งั้นแล้วมันก็เป็นแค่ความเข้าใจที่ไร้ความหมา”
หากมีเงิน 100 ล้านกับตัวแต่ใช้ได้แค่ 10,000 แล้วมันจะต่างอะไรกับการมีเงิน 10,000 ?
จางหยูคือคนที่มีเงิน 100 ล้านแต่ที่เขาทําได้ในตอนนี้คือต้องฝากไว้กว่า 99 ล้าน !
แน่นอนว่ามันอาจจะฟังดูเกินจริง แต่จางหยุนั้นต้องเปลี่ยนความเข้าใจเป็นพลังซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ยังต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้
โจวหัวและใต้เท้าซวงเห็นว่าจางหยูไม่ได้พูดอะไรออกมาราวกับคิดบางอย่างอยู่ ทั้งสองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาและได้แต่รออยู่เงียบๆ
“ ข้าไม่รู้ว่าเบเกิลกลับมายัง หากเขาอยู่ที่นี่ด้วย งั้นมันคงง่ายกว่าเดิมมาก ” เบเกิลคือคนที่คู่ควรจะสู้กับเขา เรื่องนั้นเขาได้พิสูจน์มาแล้ว
ผ่านไปสักพักจางหยูก็ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้น “ ไปกันเถอะ ”