ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1667 ออกจากโลกสวรรค์ร้าง
จางหยูรู้ว่าเขาเพิ่งปล่อยพลังที่แทบทำให้โลกจำลองระเบิดออกมา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา เขาจึงอยู่ในโลกจำลองสักพัก เมื่อเห็นว่าโลกจำลองเสถียรขึ้นมาแล้วเขาก็ไม่ได้ต่อต้านพลังที่ดึงตัวเขาออกไปและถูกส่งไปที่ลานทันที
“ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีคนมากมายแบบนี้…” จางหยูแปลกใจนิดๆ
นอกจากผู้ชมโดยรอบแล้วที่ช่องทางตรงหน้าก็มีคนจำนวนมากเช่นกัน
คนเหล่านี้ถูกส่งเข้าไปในโลกจำลองจึงไม่รู้ว่าจางหยูเป็นใคร
แต่คนที่อยู่ด้านนอกนั้นเมื่อเห็นจางหยูปรากฏตัวขึ้นมาและในมือมีบัตรหยกอยู่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “ เขา…ผ่านงั้นรึ ?”
ต่อมา หนานท่าไห่ก็ปรากฏตัวขึ้น เขามองไปที่จางหยูด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ น้องชายเจ้าน่ะแข็งแกร่ง ทำไมเจ้าไม่บอกข้าแต่แรก …เจ้าเกือบทำให้ข้ามีปัญหา ! ”
“ ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่คิดว่าโลกมันจะเปราะบางแบบนี้..” จางหยูขอโทษออกมา
หนานท่าไห่ไม่กล้าจะขอให้จางหยูชดใช้ คนที่อาจจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงได้นั้นไม่ใช่คนที่เขาจะกล้าหาเรื่องด้วย
หนานท่าไห่ได้แต่เงียบและไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
เมื่อเห็นผู้คนที่วุ่นวายโดยรอบ หนานท่าไห่ก็กระแอมขึ้นทำให้ทุกคนเงียบไปก่อนจะตะโกนออกมา “ ครั้งนี้พวกเจ้าถูกโลกจำลองส่งออกมาเนื่องจากเกิดความผิดพลาด ดังนั้นมันจะถือว่าพวกเจ้าผ่านการทดสอบ ตอนนี้ก็ไปรับตราของตัวเองได้ ”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นขึ้นมาโดยเฉพาะพวกคนที่ไม่มีหวังจะผ่านการทดสอบ มันคือเรื่องน่าแปลกใจอย่างมาก
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะโชคดีแบบนี้ ! คนอื่นๆพากันมองไปที่พวกนั้นด้วยความอิจฉา อยู่ๆพวกนี้ก็ได้ยกระดับตราตัวเองขึ้นมา มันจะได้ประโยชน์อย่างมาก
เมื่อกลับมาที่ห้องโถง หนานท่าไห่ก็ได้ส่งตราขั้น 7 ให้กับจางหยู แล้วพูดขึ้น “ ยินดีกับน้องชายด้วย เจ้าไม่ใช่แค่ผู้ควบคุมขั้น 7 ที่เด็กที่สุดแต่เจ้ายังเป็นคนแรกที่ขึ้นจากผู้สร้างเป็นผู้ควบคุมขั้น 7 ได้รวดเร็ว เจ้าได้สร้างสถิติที่โดดเด่นขึ้นมาซึ่งจะไม่มีใครทำลายได้ไปอีกหลายปี ”
ตอนนั้นทุกคนต่างมองมาที่จางหยูด้วยความเคารพ
“ ผู้คบคุมขั้น 7 …เขาทำได้จริงๆ ! ” ความมั่นใจที่ฉินเฟยเคยมีถูกทำลายไป
ซางอี๋ว์, อู๋ยง,เหยียนอู้และซานเหอพากันตื่นเต้น พวกเขาไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของจางหยู ตราบใดที่จางหยูตั้งใจ เขาก็สามารถได้ตราขั้น 7 มาครองได้ แต่เมื่อทุกอย่างเป็นเรื่องจริงขึ้นมา งั้นความหมายมันก็จะต่างไปจากเดิม เมื่อได้ยินที่หนานท่าไห่พูดมาจางหยูก็ยิ้มรับ “ สถิติมีไว้ทำลายไม่ใช่รึ ? หากไม่ใช่ข้าก็คงมีสักคนที่ทำลายสถิตินี้ได้…” จางหยูพูดขึ้น “ เมื่อได้ตราขั้น 7 แล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน ”
“ หวังว่าเราจะได้พบกันอีก” หนานท่าไห่พูดขึ้น
จางหยูได้พาคนของเขาออกจากวิหารอวี๋ฮุ่นไป
พวกเขามาไม่นานแต่กลับสร้างตำนานทิ้งเอาไว้
“ จางหยู..” หนานท่าไห่มองไปที่หินฟ้าที่บันทึกข้อมูลของจางหยู “ เด็กหนุ่มสมัยนี้ยากจะคาดเดาได้ ! ” เขาเดาได้ว่าชื่อของจางหยูจะโด่งดังไปทั่วโกลาหลแน่ๆ
…
ที่นอกเมือง
จางหยูได้มองไปที่ตราขั้น 7 ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ “ ไม่เลว ตรานี่มีพลังกับตัวด้วย ไม่แปลกเลยที่ผู้คนจะใส่มัน ”
ด้วยตราขั้น 7 นี้ไม่ว่าจางหยูจะไปที่ไหน คนอื่นๆก็จะรู้ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมขั้น 7 คนอื่นๆจะไม่หาเรื่องเขาง่ายๆ หากเขาทำอะไรผิดไป คนอื่นๆจะไว้หน้าเขาในฐานะผู้ควบคุมขั้น 7 และพวกนั้นต้องสุภาพกับเขา
แม้ว่าตราขั้น 7 นี้จะไม่ได้สะท้อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงแต่ในเขตตะวันออกตอนเหนือแล้วมันก็พอมีฐานะอยู่บ้าง
“ นายท่าน เราจะไปที่ไหนกันต่อ ? ” ซางอี๋ว์ถามขึ้นมา
ตอนนี้นางเป็นลูกน้องของจางหยูไปแล้ว ไม่ว่าจางหยูจะยอมรับรึไม่แต่นางก็ไม่คิดเปลี่ยนความคิด
จางหยูมองไปที่ซางอี๋ว์และพูดขึ้น “ เรื่องทางนี้แทบจะเสร็จสิ้นแล้ว คงได้เวลาไปหาจ้าวสิงและจ้าวเต๋อแล้ว พวกนั้นกล้าที่จะฆ่าข้า ก็ต้องเตรียมรับการล้างแค้นเอาไว้…”
ซางอี๋ว์ตัวสั่น ศัตรูของพ่อนางสุดท้ายก็จะโดนกำจัดแล้วรึ ?
“ อู๋ยงสินะ ?” จางหยูมองไปที่อู๋ยง “ เจ้าเองก็เดินทางไปกับเราด้วย รอจนกว่าข้าจะจัดการกับสองคนนั้นแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ เจ้าคิดยังไง ?”
อู๋ยงโค้งคำนับให้และพูดขึ้น “ อู๋ยงอยากจะติดตามท่านไป ข้าอยากขอร้องให้ท่านเมตตาข้าด้วย !”
เขาไม่อยากยอมแพ้ แม้ว่าจะมีโอกาสหนึ่งในพันแต่เขาก็พร้อมที่จะสู้เพื่อมัน
“ อยากติดตามข้ารึ ? ” จางหยูตาเป็นประกายขึ้นมา “ เอาจริงๆแล้ว ข้า…ไม่เชื่อใจเจ้า ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอู๋ยงก็สลดไปทันที สายตาเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ แต่…” จางหยูพูดขึ้น “ ข้าจะให้โอกาสเจ้า เจ้าไปยังโลกป่าก่อนและดูแลที่นั่นกับสำนักคังเฉียงให้กับข้า หากเจ้าทำได้ดีพอ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะรับเจ้าเป็นผู้ติดตาม ” จางหยูอยากจะสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมาแต่กองกำลังของเขาต้องเท่าเทียมกันทุกคน อู๋ยงต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ได้การยอมรับจากเขา
อู๋ยงได้ยินแบบนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาและรีบพูดขึ้น “ ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง !”
“ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ” จางหยูพูดขึ้น “ เมื่อเจ้าพิสูจน์ตัวเองได้แล้ว เจ้าถึงจะมีสิทธิ์พูดแบบนั้น ! ”
“ ได้ นายท่าน ! ” อู๋ยงตอบกลับ
จางหยูมองไปที่ซางอี๋ว์และพูดขึ้น “ เจ้าเองก็เช่นกัน หากเจ้าต้องการติดตามข้า เจ้าก็ต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าเจ้าเชื่อใจได้รึไม่ แน่นอนว่าหากเจ้าไม่สนใจ เจ้าเลือกที่จะจากไปก็ได้ ” ก่อนจะมายังโลกสวรรค์ร้างนั้นจางหยูยังพอสนใจผู้ควบคุมขั้น 4 อยู่บ้างแต่เมื่อเขาเห็นยอดฝีมือมากมาย มุมมองของเขาก็เปิดกว้างขึ้น เกณฑ์ของเขาก็สูงขึ้นไปด้วย ผู้ควบคุมขั้น 4 นั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ซางอี๋ว์กลัวว่าจางหยูจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองไม่สนใจจึงรีบพูดขึ้นมา “ ข้าเต็มใจ !” “ ก็ดี งั้นก็ตกลงตามนี้” จางหยูพูดขึ้น “ เมื่อจัดการกับสองพ่อลูกนั่นเสร็จ พวกเจ้าก็ไปยังโลกป่าเพื่อพิสูจน์ตัวเอง” สำหรับซานเหอและเหยียนอู้จางหยู ไม่ได้พูดอะไรออกมา ยังไงซะสองคนนี้ก็เป็นทาสของเขา
“ เอาล่ะ ไปที่สำนักต้าหยู่กัน ” จางหยูบอกกับอู๋ยง “ เจ้าคงจะมีเรือมิติรึสมบัติอื่นๆสินะ ?”
อู๋ยงพยักหน้าก่อนจะเรียกสมบัติที่คล้ายกับแผ่นกระดานออกมา เมื่อจางหยูและคนอื่นๆขึ้นไปยืน อู๋ยงก็ได้ทำการควบคุมสมบัตินั้นให้เดินทาง ด้วยพลังการสร้างของอู๋ยง ก็ทำให้สมบัตินั้นเดินทางออกไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
“ เร็วจริงๆ” จางหยูแปลกใจนิดๆ
อู๋ยงตื่นเต้นและพูดขึ้นมาว่า “ นี่คือเรือมิติซ่ง หัวหน้าตระกูลซางได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อมันมา มันไว้ใช้สำหรับการเดินทาง ข้าได้รับมันมาจากจ้าวสิง หลังจากที่หัวหน้าตระกูลตายไป เพื่อจะเอาใจข้า เขาจึงมอบมันให้กับข้า ที่ข้าเดินทางมาถึงโลกสวรรค์ร้างได้อย่างรวดเร็วก็เพราะมัน” เขาเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ แม้ว่าเรือมิตินี้จะไม่คู่ควรกับท่านแต่ก็พอมีประโยชน์กับท่านอยู่บ้าง ท่านเก็บมันไว้ใช้ หากหาเรือมิตีดีกว่านี้ได้ค่อยเปลี่ยนก็ยังไม่สาย ”
จางหยูถามขึ้นมา “ เจ้าหมายความว่ายังไง ?”
“ ข้าอยากให้มันกับท่าน” อู๋ยงยิ้มออกมา “ ข้าหวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ “ เขามองไปที่ซางอี๋ว์ก่อนจะคิดว่ามันไม่เหมาะจึงพูดขึ้น “แน่นอนว่านี่คือสมบัติของหัวหน้าตระกูลซาง เมื่อเขาตายไปแล้วแต่คุณหนูยังอยู่ งั้นนี่ก็ควรเป็นของนาง ข้าเผลอตัวไป ข้าหวังว่าคุณหนูจะเข้าใจ”
“ สมบัตินี่จะแสดงคุณค่าของมันได้ต่อเมื่ออยู่ในมือของท่านจาง ความคิดของท่านอู๋น่ะถูกแล้ว” ซางอี๋ว์พูดขึ้น “ ยิ่งกว่านั้นจ้าวสิงและจ้าวเต๋อก็ได้มันไป ข้าไม่ได้มีสิทธิ์ถือครองมันแล้ว”