ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1670 ผู้ควบคุมขั้น 9
ฮั่วลี่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ก็ต้องตกใจ
เกลดันเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูง !
ข่าวนี้แม้แต่กลุ่มอาทิตย์อุทัยก็ยังไม่รู้ !
ถ้าไม่ใช่เพราะเกลดันบอกออกมาเอง งั้นก็คงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เกลดันราวกับดาวเด่นที่ถูกทำลาย มันทำให้หลายคนรู้สึกเศร้าใจแทนเขา เกลดันฝึกฝนตัวเองขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงได้แล้วแท้ๆ
โชคร้ายจริงๆที่เขาเจอเรื่องแบบนี้เข้า เขาเพิ่งขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 แต่กลับได้รับปราณสุสานเข้ามาในตัวก่อนที่จะโด่งดังขึ้นมาจนอยู่ในสภาพนี้
“ ข้าจะไม่พูดไร้สาระ ข้าถามเจ้าว่าหากข้าสามารถจัดการกับปราณสุสานในตัวเจ้าได้แล้ว เจ้าจะภักดีต่อข้าใช่รึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา เกลดันแสดงสีหน้าจริงจริงออกมา “ ข้าเกลดันพูดแล้วไม่กลับคำ ยิ่งกว่านั้นข้าก็ได้ให้กลุ่มอาทิตย์อุทัยทำตราทาสใส่ตัวข้าไว้แล้ว แค่ทำลายบัตรหยกก็สามารถปลิดชีวิตข้าได้แล้ว ” จากนั้นเขาก็มองไปที่จางหยู “ แต่ข้าก็ขอบอกไว้ก่อนว่าข้าแค่ภักดีแค่เพียงยุคเดียวเท่านั้น เรื่องนี้ข้าไม่รู้ว่าฮั่วลี่บอกเจ้าแล้วรึยัง ”
ไม่ว่าจะเป็นเบเกิล, หลินเป่ยชานหรือเกลดันต่างก็เป็นคนที่มีความเย่อหยิ่งในใจพอสมควร แม้ว่าจะมีเหตุผลพิเศษที่ทำให้ต้องภักดีต่อคนอื่นแต่พวกเขาก็มีหลักการในใจ พวกเขามีความต้องการของตัวเอง หากให้พวกเขาต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต งั้นพวกเขาก็จะยอมตายดีกว่ายอมจำนน
“ แค่ยุคเดียวก็เพียงพอแล้ว ” สำหรับจางหยูแล้วเวลา 1 ยุคนั้นถือว่ายาวนานอย่างมาก
เกลดันไม่ได้กังวลว่าจางหยูจะผิดคำพูดเพราะเรื่องนี้มีกลุ่มอาทิตย์อุทัยคอยดูแลอยู่ หากจางหยูกล้าผิดข้อตกลงจริงๆ งั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอาทิตย์อุทัย แม้ว่ากลุ่มอาทิตย์อุทัยจะไม่ได้สนใจเขาแต่ก็ต้องรักษาชื่อเสียงของตัวเอง หากบอกแล้วว่า 1 ยุคก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
แน่นอนว่าหากเกลดันต้องการจะอยู่ต่อก็เป็นคนละเรื่อง
“ ข้าจะภักดีต่อเจ้าแต่เจ้ามั่นใจรึว่าจะรักษาอาการของข้าได้ ? ” เกลดันมองไปที่จางหยูด้วยสายตาคาดหวังและสงสัย “ เบเกิลเคยลองช่วยข้าแล้วแต่ก็ล้มเหลว…”
ตอนนี้เขาสงสัยว่าคงมีแค่ผู้ควบคุมขั้น 9 เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
จางหยูแสดงสีหน้ามั่นใจออกมา “ หากเป็นปัญหาอื่น ข้าอาจจะไม่มั่นใจแต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ”
“ งั้นก็เชิญ ” เกลดันทรมานกับปราณสุสานมานานแล้ว เขาแทบอดใจไม่ไหว
ไม่ว่าจางหยูจะพูดจาใหญ่โตรึทำได้จริงๆ เขาก็หวังว่ายิ่งลงมือทำเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หากมันสำเร็จก็ถือว่าดีที่สุด หากล้มเหลว งั้นเขาก็ไม่ต้องคอยคาดหวังอะไรต่อ เขาไม่ได้คาดหวังกับจางหยูมากนัก แม้ว่าฮั่วลี่จะบอกว่าจางหยูสามารถเอาชนะหลินเป่ยชานมาได้ก็ตาม
ตอนนี้เขาเหมือนกับคนตายที่รอหมออยู่ หากสำเร็จก็ถือว่าดีแต่หากไม่สำเร็จก็ไม่ได้น่าผิดหวังอะไรนัก
จางหยูพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ฮั่วลี่ “ คุณฮั่ว เจ้าช่วยออกไปก่อนได้รึไม่ ?”
โลกตันเถียนคือไพ่ลับของเขา เขาไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ต่อใครอื่น อย่างน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้าทุกคนแบบนี้
ฮั่วลี่ยิ้มรับ เมื่อจางหยูเปิดปากพูดด้วยตัวเองแบบนี้แล้วถึงเขาจะสงสัยแต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำพูดจางหยู ไม่งั้นแล้วไม่ใช่แค่จะทำให้จางหยูไม่พอใจ แต่เกลดันก็อาจจะไม่พอใจเขาด้วย
ทุกคนเดินออกไปเหลือแค่จางหยู, เกลดัน, ซานเหอและเหยียนอู้ ซานเหอและเหยียนอู้มองหน้ากันก่อนจะทำราวกับว่าพวกเขาไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ แม้แต่สงสัยพวกเขาก็ยังไม่กล้า
“ เราเริ่มกันได้รึยัง ?” เกลดันเร่งขึ้นมาด้วยความกังวล
จางหยูเข้าใจความรู้สึกของเกลดัน หากเปลี่ยนเป็นเขาแล้วเขาคงกังวลกว่านี้ เขาไม่รอช้าและแผ่จิตผู้สร้างออกไปล้อมรอบมิติรอบตัวเอาไว้เพื่อกันไม่ให้คนนอกรับรู้สถานการณ์ที่นี่ได้ จิตผู้สร้างนี้สามารถปกปิดคลื่นพลังได้ด้วย จากนั้นจางหยู ก็มองไปที่เกลดันและพูดขึ้น “ ต่อไปข้าจะสร้างรูหนอนส่งเจ้าไปยังที่หนึ่ง เจ้าคิดว่ามันคือโลกขั้น 9 อีกใบก็ได้ ที่นั่นข้าสามารถจัดการปัญหาในตัวเจ้าได้ ”
“ รีบเถอะ ” เกลดันไม่ได้คัดค้านอะไร
“ เจ้าไม่กังวลว่าข้าจะทำร้ายเจ้ารึ ?” จางหยูแปลกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเกลดันจะเชื่อใจเขาแบบนี้
“ ในเขตตะวันออกตอนเหนือนั้นมีคนมากมายที่คิดจะช่วยข้าจัดการกับปราณสุสานนี้แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ พวกต่ำกว่าขั้น 9 นั้นคงมีน้อยคนนักที่จะช่วยข้าได้ มันไม่ง่ายที่จะพอมองเห็นความหวัง ไม่ว่ายังไงข้าก็คิดที่จะเสี่ยง” เกลดันพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าสนแค่ว่าเจ้าจะจัดการกับมันได้รึไม่ ”
บางทีเกลดันอาจจะสิ้นหวังมานานแล้ว เมื่อเห็นความหวังแม้ว่าจะน้อยนิดก็ทำให้เขาพร้อมที่จะเสี่ยง แม้ว่าจางหยูจะทำร้ายเขาจริงๆแต่เขาก็จะยอมรับผลลัพธ์นี้ แทนที่จะถูกทรมานโดยปราณสุสานในตัว มันคงจะดีกว่าหากเขาตาย
จางหยูเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อและพูดขึ้น “ หากเป็นเช่นนั้นงั้นก็เชิญ ”
เมื่อพูดจบจางหยูก็สร้างรูหนอนขึ้นมาและเชื่อมต่อมันกับโลกตันเถียนของเขา
เกลดันเดินเข้าไปโดยไม่ลังเลและเข้าสู่โลกตันเถียนของจางหยู
ในเวลาเดียวกันก็มีเจ้าสำนักรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
เมื่อเห็นเจ้าสำนัก เกลดันก็ไม่ได้แปลกใจ การแยกร่างนี้คนระดับเขานั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ตราบใดที่ต้องการเขาก็สามารถสร้างร่างแยกขึ้นมานับไม่ถ้วนได้
“ มาเริ่มกันเถอะ ” เจ้าสำนักควบคุมจิตผู้สร้างในโลกตันเถียน จิตที่เหนือกว่าผู้ควบคุมขั้น 9 ได้ไหลเข้าสู่ตัวเกลดัน จิตผู้สร้างของเกลดันสั่นไหวราวกับได้เผชิญหน้ากับเทพสูงสุด
“ จะ..เจ้า…” เกลดันใจสั่นและมองไปที่เจ้าสำนักด้วยความกลัว
ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งตะลึงกับพลังของจิตผู้สร้างในโลกตันเถียนมากเท่านั้น เกลดันในฐานะผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงแล้วเป็นธรรมดาที่จะรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของจิตนี้
แต่เกลดันยังไม่ทันได้พูดต่อ จิตผู้สร้างอันน่ากลัวก็ได้แทรกซึมเข้าไปในตัวเขา จิตนี้ราวกับตรวจสอบร่างกายเขาเพื่อหาปราณสุสาน ต่อมาปราณสุสานที่เหมือนกับก้อนเมฆก็ได้ถูกทำลายไปภายใต้จิตผู้สร้างอันน่ากลัวนี้ มันไม่อาจจะต้านทานได้เลย
แค่อึดใจเดียวความอึดอัดที่เกลดันทนมาหลายหมื่นปีก็หายไป
เมื่อไม่มีปราณสุสานในตัวแล้ว เกลดันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา
นี่มันอะไรกัน ?
นี่คือความรู้สึกที่เขาโหยหามานานแต่ในใจเขาก็ยังตะลึงและมองไปที่เจ้าสำนักด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เจ้า…อยู่ขั้น 9 รึ?”
เขาไม่เคยเห็นผู้ควบคุมขั้น 9 ตัวจริงมาก่อนแต่ก็เคยรับรู้ถึงพลังของผู้ควบคุมขั้น 9 ผ่านปราณสุสาน เขาไม่รู้ว่าผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ปราณสุสานที่ทรมานเขามานานกลับถูกทำลายไปในพริบตาต่อหน้าพลังของเจ้าสำนัก แค่ เจ้าสำนักควบคุมจิตผู้สร้างเข้ามาในตัวเขาก็ทำให้เขารับรู้ได้ว่าเจ้าสำนักนั้นน่ากลัวกว่าเจ้าของสุสานขั้น 9 ที่เขาไปมามากนัก !
“ ขั้น 9 แน่นอน !” เกลดันตะลึงและตัวสั่น “ แกร่งกว่าคลื่นพลังในสุสานที่ข้ารับรู้มาเสียอีก !”
เจ้าสำนักมองไปที่เกลดันโดยไม่คิดจะยอมรับรึปฏิเสธ เขาแค่พูดขึ้นมา “ ปราณสุสานในตัวเจ้าถูกกำจัดไปแล้ว จำที่เจ้ารับปากเอาไว้ด้วย ”
เกลดันได้แต่อ้าปากค้างและถูกส่งกลับออกมาทันที
เมื่อสายตาของเกลดันกลับมาชัดเจนอีกครั้งก็พบว่าเขาได้กลับมายังโลกสวรรค์ร้างแล้ว เขามองไปที่จางหยูด้วยความแปลกใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตะลึงและเคารพรวมถึงเหลือเชื่อด้วย
ซานเหอและเหยียนอู้สับสนอย่างมาก สีหน้าของเกลดันแปลกประหลาดเกินไป ปราณสุสานในตัวเขาถูกจัดการไปแล้วรึ ?
“ เจ้า..ไม่สิ นายท่าน…” เกลดันเหมือนจะสับสน “ ท่าน…อยู่ขั้น 9 รึ ! ”
นี่คือผู้ควบคุมขั้น 9 !! เกลดันไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะได้พบกับผู้ควบคุมขั้น 9 และได้กลายเป็นทาสของผู้ควบคุมขั้น 9 !
ก่อนที่เกลดันจะพูดจบ จางหยูก็ขัดขึ้นมาโดยเผยรอยยิ้มลึกลับ “ เรื่องบางเรื่องแค่รู้ก็พอไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา ไม่งั้นแล้วมันคงไม่น่าสนใจ ”