ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1675 ออกเดินทาง
“ สุสานขั้น 9 นั้นอันตรายอย่างมาก หากเจ้าตกอยู่ในอันตรายก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่วงหน้า” เกลดันพูดขึ้น
หลินเป่ยชานพูดขึ้นมา “ เจ้ายังรอดมาได้ มันจะอันตรายแค่ไหนกัน ?”
ครั้งนี้เกลดันไม่อาจจะเถียงอะไรกลับได้ เขามองไปที่หลินเป่ยชาน “ ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดแบบนั้นอยู่หลังจากที่ไปที่นั่น ”
จางหยูพูดขึ้นมา “ พี่หลิน เกลดันน่ะพูดไม่ดีนักแต่เป็นความจริงที่ว่าสุสานแห่งนี้อันตรายกว่าสุสานขั้น 9 ทั่วไป เจ้าควรจะเตรียมใจเอาไว้ ”
ตอนแรกหลินเป่ยชานไม่ได้สนใจมากนักแต่เมื่อได้ยินที่จางหยูพูดมา เขาก็ต้องคิดทบทวนอีกรอบ
เขาไม่เชื่อคำพูดของเกลดัน แต่เขายอมรับในตัวจางหยู คำพูดเดียวกันแต่ออกมาจากปากคนละคนย่อมมีน้ำหนักแตกต่างกัน
“ เมื่อน้องชายพูดเช่นนั้น งั้นดูเหมือนว่าสุสานแห่งนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าจะระวังตัวเอาไว้ ” หลินเป่ยชานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อเห็นหลินเป่ยชานให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จางหยูก็ไม่ได้ย้ำอะไรอีก เขาได้พูดขึ้น “ พี่หลิน มีอะไรอื่นต้องไปจัดการอีกรึไม่ ? หากไม่มีอะไร เราก็รีบออกเดินทางกันเถิด ”
“ ช้าก่อน ” หลินเป่ยชานพูดขึ้นแล้วหันไปหาหลินหลาง เขาคิดจะแลกเอาหินแห่งการสร้างทั้งหมดที่แลกกับจางหยูมอบให้กับหลินหลาง “ ข้าไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่และไม่รู้ว่าจะรอดกลับมารึไม่ หินพวกนี้เจ้าเก็บเอาไว้ เจ้าจงทำความเข้าใจการสร้างในหิน อย่าให้คนนอกรับรู้เรื่องนี้ได้ ”
“ ได้สิ ท่านพ่อ” หลินหลางพยักหน้าตอบรับ
เขาไม่ได้ห้ามหลินเป่ยชาน เพราะเขารู้นิสัยพ่อของเขาเป็นอย่างดี เมื่อหลินเป่ยชานตัดสินใจไปแล้วก็ไม่อาจจะมีใครเปลี่ยนใจเขาได้
ถึงสุสานนี้จะอันตรายแต่ก็มีโอกาสมากมาย หากไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เขาก็อยากที่จะไปด้วย
สำหรับผู้ควบคุมแล้ว การสำรวจสุสานนั้นไม่ใช่สิ่งที่รับไม่ได้ การสำรวจสุสานถือว่าเป็นเรื่องทั่วไปที่ใครก็ทำกัน….
“ รีบไปบ่มเพาะ หวังว่าเมื่อข้ากลับมาเจ้าจะทะลวงผ่านได้ ” หลินเป่ยชานตบไหล่หลินหลางด้วยท่าทีเอ็นดู
กล่าวได้ว่าหลินหลางน่ะได้รับสืบทอดพรสวรรค์ของหลินเป่ยชานมา เขามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้น่าทึ่งเท่ากับ หลินเป่ยชาน แต่ก็มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวพอตัว ในด้านการบ่มเพาะเพียงลำพังแล้ว หากเทียบกับหลินเป่ยชานตอนอายุเท่ากัน หลินเป่ยชานไม่อาจจะเทียบกับหลินหลางได้ด้วยซ้ำ
มันอาจจะไม่เหมาะแต่ต้องบอกว่าหลินหลางน่ะต้องประสบความสำเร็จเหนือกว่าหลินเป่ยชานได้แน่
หลังจากที่บอกกับหลินหลางแล้ว หลินเป่ยชานก็ได้พูดกับจางหยู “ น้องชาย ไปกันเถอะ ”
จางหยูพยักหน้าก่อนจะบอกกับเกลดัน “ ไปกันเถอะ ”
ทั้งสามคนได้เดินทางออกไปยังความโกลาหลทันที
“ ใช้พาหนะมิติของข้าสิ ” หลินเป่ยชานโด่งดังมาหลายปีแล้วและมีเงินทองมากมาย พาหนะมิตินั้นแม้ว่าจะหาได้ยาก แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก “ เจ้าส่งพิกัดมาให้กับข้า ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง ” ด้วยความแข็งแกร่งระดับผู้ควบคุมขั้น 8 และพาหนะมิติระดับสูงแล้ว มันสามารถเดินทางได้เร็วทัดเทียมผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงได้
เกลดันไม่คิดอะไรมากและส่งพิกัดให้กับหลินเป่ยชาน
พาหนะได้แล่นออกไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
“ คลื่นพลังของเจ้า…” เกลดันรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของหลินเป่ยชาน “ ไม่ได้อ่อนแอกว่าเบเกิลเลย ! ”
ในเขตตะวันออกตอนเหนือนั้น เบเกิลถือว่าแกร่งที่สุด เขาโดดเด่นเหนือผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงคนอื่นๆ ในเขตตะวันออกตอนเหนือนี้ไม่มีผู้ควบคุมขั้น 8 คนไหนที่แข็งแกร่งกว่าเบเกิล เขาน่ะถือว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูงของเขตตะวันออกตอนเหนือ เขาคือตัวแทนของผู้ควบคุมขั้น 8 ในเขตตะวันออกตอนเหนือก็ว่าได้
ตราบใดที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับเบเกิลได้ มันก็ถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งอันดับต้นๆของผู้ควบคุมขั้น 8 ในเขตตะวันออกตอนเหนือ
เกลดันไม่คิดว่าหลินเป่ยชานจะแข็งแกร่งขึ้นมาได้ในระดับนี้ มันแทบไม่ต่างอะไรจากเบเกิลเลย
หากทั้งสองต้องสู้กันจริงๆก็ยากจะตัดสินได้ว่าใครแพ้รึชนะ
“ หากไม่มีความแข็งแกร่งแล้ว ข้าจะกล้ามากับเจ้าในการสำรวจสุสานนี้ได้ยังไง ? หากข้าแข็งแกร่งระดับนี้เมื่อสิบปีก่อนข้าคงไม่ต่างจากเบเกิลมากนัก ตอนนั้นข้าไม่อาจจะเป็นคู่มือของเขาได้ แต่ตอนนี้เบเกิลอาจจะเอาชนะข้าไม่ได้ ” หลินเป่ยชานพูดขึ้น
เขาไม่ได้หลงตัวเองรึดูหมิ่นเบเกิล
“ ข้าไม่รู้ว่าใครจะแกร่งกว่ากันแต่ดูจากคลื่นพลังของเจ้าแล้ว พวกเจ้าสองคนน่าจะอยู่ระดับเดียวกัน “ เกลดันไม่ได้ถากถางออกมา “ ราชาดาบ เจ้าสมกับชื่อเสียงของเจ้าจริงๆ ”
เกลดันไม่ได้เยาะเย้ยหลินเป่ยชาน จึงทำให้หลินเป่ยชานได้ใจ “ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้แล้ว แม้แต่เบเกิล ข้าก็ไม่กลัว แต่…” เขามองไปที่จางหยูแล้วส่ายหน้า “ ข้ายังไม่อาจจะเทียบกับน้องชายได้ มันแปลก ทุกครั้งที่ข้าอยากจะประมือกับเขา แต่สัญชาตญาณกลับบอกข้าว่ามันอันตราย ! ”
เขาไม่รู้ว่าเพราะความแตกต่างของเขากับจางหยูก่อนหน้านี้รึว่าเป็นเพราะแผลในใจกันแน่ ?
จางหยูยิ้มออกมาแต่ก็ไม่พูดอะไร
เกลดันมองไปที่หลินเป่ยชานราวกับมองคนโง่ “ เจ้ายังกล้าคิดประมือกับเจ้าสำนักอีกรึ ?”
ประมือกับผู้ควบคุมขั้น 9 รึ?
เขาเอาความกล้ามาจากไหนกัน ?
“ ผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงเหมือนกัน แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเทียบกับน้องชายไม่ได้แต่ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะประมือกับเขาเลยรึ ?” หลินเป่ยชานกรอกตาใส่
“ ขั้น 8…” เกลดันมองไปที่หลินเป่ยชานด้วยสายตาสงสารและถากถาง
ในใจเขาพึมพำออกมา “ เจ้าบ้านี่ยังคิดว่าเจ้าสำนักอยู่ขั้น 8 อยู่…”
“ นี่..” จางหยูกลัวว่าเกลดันจะพูดอะไรออกไปจึงขัดขึ้นมา “ สุสานของอัลเวอร์นั้นไม่น่าจะอยู่ห่างมากนัก มาคุยเรื่องสุสานกันก่อนจะดีกว่า เกลดันเจ้าได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับที่นั่นมาบ้าง ? เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผู้ควบคุมขั้น 9 คนนี้ ?”
ผู้ควบคุมขั้น 9 คือผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของความโกลาหล คนระดับนี้ตายไปได้ยังไง ?
เกลดันส่ายหน้าและพูดขึ้น “ อัลเวอร์นั้นลึกลับมาก ข้อมูลเกี่ยวกับเขาเหมือนกับว่ามีคนจงใจลบทิ้ง ข้าพยายามตรวจสอบมาหลายปี แต่ก็ไม่มีข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์เลย ข้าแค่ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ที่อาศัยอยู่ในเขตตะวันออกตอนเหนือ และเป็นเจ้าของของโลกสวรรค์ร้าง นอกเหนือจากนั้น ข้าก็ไม่รู้เลย ”
หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ ผู้ควบคุมขั้น 9 ทุกคนถือว่าเป็นตำนาน ตัวตนแบบนั้นมีใครตรวจสอบได้ด้วยรึ ? อย่าพูดถึงเจ้าเลย แม้แต่กลุ่มอาทิตย์อุทัยก็อาจจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมา…” หลินเป่ยชานเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นยืนอยู่จุดสูงสุดของความโกลาหล ไม่มีอะไรที่เป็นภัยต่อชีวิตของพวกเขาได้ การฆ่าคนระดับนี้ได้อาจจะต้องเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 เหมือนกันรึอาจจะมีผู้ควบคุมขั้น 9 หลายคนร่วมมือกัน…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวด “ ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็มีโอกาสตายได้อยู่ดี ”
ผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ยังตายได้ ตลอดหลายปีมานี้มีผู้ควบคุมขั้น 9 กี่คนกันที่ต้องตายไป ?
“ คนที่ไม่ถึงขั้น 9 ไม่ต่างอะไรจากมด แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ ” หลินเป่ยชานเงียบไปสักพักแล้วถอนหายใจออกมา “ ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้แล้วมีผู้ควบคุมขั้น 9 กี่คนที่ตายไป เทียบกับพวกนั้นแล้วเราจะมีค่าอะไร ?”
“ ต้องบอกว่า…” เกลดันพูดขึ้น “ ผู้ควบคุมขั้น 9 คือสิ่งที่ทุกคนไล่ตาม! แต่มีแค่คนที่ไปถึงขั้นนั้นได้ถึงจะได้เห็นมุมมองที่สูงกว่า”
คำพูดนี้คือสิ่งถูกต้อง หากได้มองจากมุมองที่สูงกว่านี้ บางทีหลายคนก็ยอมแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม