ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1677 กองกระดูก
หากคนเรามีจุดอ่อน งั้นบางทีสำหรับจางหยูคงมีจุดอ่อนที่ว่าไม่สามารถรับรู้ถึงความยากลำบากแบบคนอื่นๆ
“ เรามาถึงแล้ว ” ตอนนั้นเกลดันได้พูดขึ้นมา
หลินเป่ยชานได้ทำการหยุดพาหนะมิติ จากนั้นทั้งสามคนก็ได้กระโดดลงจากพาหนะและลอยอยู่ในความโกลาหล
“ เจ้ามั่นใจรึว่ามันอยู่ที่นี่ ?” หลินเป่ยชานเก็บพาหนะมิติก่อนจะมองไปรอบๆแล้วถามขึ้นมา “ ทำไมข้าไม่อาจจะรับรู้ถึงร่องรอยของสุสานได้ ”
เกลดันพูดขึ้น “ หากผู้ควบคุมขั้น 8 รับรู้ถึงมันได้ มันจะยังเป็นสุสานขั้น 9 รึ?”
เกลดันมองไปรอบตัวก่อนจะตรวจสอบพิกัดแล้วพูดขึ้น “ ที่นี่แหละ ไม่ผิดหรอก ”
พวกเขามักจะใช้โลกของตัวเองในการตรวจสอบพิกัดของที่อื่นๆ
เขาได้เอาหยกออกมา หยกนี้มีตราประทับลึกลับ ด้านหนึ่งของหยกสลักเป็นรูปดอกไม้ หยกนี้แผ่พลังสร้างออกมา
“ หยก….” หลินเป่ยชานยักคิ้ว “ คลื่นพลังนี่มันอะไรกัน ! ”
นี่คือ….พลังขั้น 9 !
แม้ว่าคลื่นพลังนี้จะเบาบางแต่ก็ยังทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของมันได้
“ ข้าพึ่งทำความเข้าใจพลังสร้างในหยกนี้ และขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงได้สำเร็จ ” เกลดันพูดขึ้นมา “ หยกนี้คือกุญแจในการเข้าสู่สุสานของอัลเวอร์ คลื่นพลังนี้เป็นของอัลเวอร์ ”
แม้ว่าอัลเวอร์จะตายไปแล้วแต่พลังนี้ก็สูงจนน่าตกใจ
“ มาเปิดสุสานกันเถอะ ” หลินเป่ยชานเริ่มร้อนใจ
เกลดันมองไปที่อีกฝ่ายแล้วพูดขึ้นมา “ข้าแนะนำว่าให้แผ่จิตผู้สร้างออกมาเพื่อเตรียมตัวป้องกันเอาไว้ ”
หลินเป่ยชานคิ้วขมวด “ จำเป็นด้วยรึ ? ”
“ สุสานของอัลเวอร์ต่างจากสุสานขั้น 9 ทั่วไป ” เกลดันพูดขึ้น “ หากเดินเข้าไปตรงๆ มันจะทำให้ปราณสุสานเข้าโจมตี อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ”
“ เจ้าขู่ข้ารึ?” หลินเป่ยชานมองไปที่เกลดัน “ สุสานขั้น 9 นั้นข้าไม่มีทางประมาทหรอก เมื่อปีก่อนมันมีสุสานขั้น 9 ในเขตตะวันออก ข้าได้เข้าไปที่นั่นแต่ข้าก็ไม่ได้ประมาทแบบที่เจ้าบอก…”
“ ก็ได้ งั้นเจ้าก็เข้าไปซะสิ ” เกลดันฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาและพูดขึ้น “ อย่าหาว่าข้าไม่บอกเจ้าก็แล้วกัน ”
ตอนนั้นจางหยูก็ได้พูดขึ้น “ หากเป็นเช่นนั้น พี่หลิน เจ้าเตรียมตัวป้องกันไว้จะดีกว่า ”
สิ่งที่เขาพูดนั้นน่าเชื่อถือว่าเกลดัน ยังไงซะในสายตาของเกลดันแล้วเขาคือผู้ควบคุมขั้น 9 เกลดันจะกล้าขัดคำสั่งเขารึไง?
ระหว่างที่พูดนั้นจางหยูก็แผ่จิตผู้สร้างออกมาและสร้างโล่รอบตัว
เมื่อเห็นว่าจางหยูสร้างโล่ป้องกันขึ้น หลินเป่ยชานก็ไม่คิดจะเถียงกับเกลดันอีกต่อไปและทำการสร้างโล่ขึ้นมาทันที
“ เราเปิดสุสานได้รึยัง ? ” หลินเป่ยชานถามขึ้นมา
เกลดันได้ตรวจสอบการป้องกันของตัวเอง เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาใดๆเขาก็ได้กระตุ้นพลังของหยก ต่อมาหยกก็ได้ส่องแสงขึ้นย้อมสภาพแวดล้อมรอบตัวให้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือด
ตูม !
อยู่ๆก็เกิดเสียงระเบิดดังก้องขึ้น หยกราวกับเชื่อมต่อกับส่วนที่ลึกลับก่อนที่แสงจะรวมตัวกันแล้วก่อตัวเป็นวังวนสีแดงขึ้นมาราวกับรูหนอนขนาดใหญ่
“ ไปกันเถอะ ” เกลดันกำหยกเอาไว้ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในวังวน
จางหยูและหลินเป่ยชานไม่ลังเลและรีบตามเข้าไปทันที
ต่อมาก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น โล่พลังของพวกเขาก็ราวกับได้รับแรงกดดันมหาศาล มันบิดเบี้ยวราวกับกำลังจะแตกออก
โล่พลังของจางหยูไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
แรงกดดันนี้ไม่ได้มากมายสำหรับเขาแต่สำหรับหลินเป่ยชานและเกลดันกลับรู้สึกหนักใจกับมันอย่างมาก
แม้ว่าหลินเป่ยชานจะแข็งแกร่งกว่าเกลดัน แต่เขาก็ไม่รู้สถานการณ์ในสุสานแห่งนี้ โล่พลังของเขาเกือบจะพังลงทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและเพิ่มจิตผู้สร้างทำให้โล่พลังกลับมาเสถียรอีกครั้ง
ช่างเป็นสุสานที่น่ากลัวจริงๆ !
สีหน้าของหลินเป่ยชานบิดเบี้ยวไป “แกร่งกว่าปราณสุสานขั้น 9 ที่ข้าเคยไปมาอีก ! ”
เกลดันไม่ได้มีพลังมากเท่ากับหลินเป่ยชาน ปราณสุสานอันน่ากลัวนี้ทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก
จางหยูเห็นแบบนั้นก็แผ่จิตผู้สร้างเข้าไปช่วยเกลดันเพื่อต้านทานปราณสุสาน
ด้วยความช่วยเหลือจากจางหยู เกลดันก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เขามองไปที่จางหยูด้วยสายตาซาบซึ้ง “ ขอบคุณเจ้าสำนักที่ช่วยเหลือ ! “
จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาและมองไปรอบๆ “ นี่คือสุสานขั้น 9 รึ ?”
เขาพยายามตรวจสอบที่นี่แต่ก็พบว่าการรับรู้ของเขาถูกจำกัดเอาไว้ การจำกัดของที่นี่มากกว่าในโลกสวรรค์ร้างเป็นสิบเท่าราวกับว่ามีโซ่ตรวนล่ามเขาเอาไว้ แต่จากสภาพแวดล้อมที่นี่เพียงอย่างเดียวนั้นสุสานขั้น 9 นี้ก็ต่างจากที่จางหยูคิดเอาไว้ จางหยูคิดเสมอว่าสุสานควรจะเป็นสุสานแต่ตอนนี้สิ่งที่เรียกว่าสุสานกลับเป็นเหมือนโลกย่อยซะมากกว่า !
นอกจากหน้าผาสูงชัน ภูเขาและผืนดินแล้วก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลยราวกับว่าโลกนี้มีแต่ดินและหิน ไม่มีร่องรอยพลังชีวิต เมื่อรวมกับปราณสุสานอันน่ากลัวแล้ว มันก็ทำให้สภาพแวดล้อมที่นี่ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
เกลดันพูดขึ้นมา “ สำหรับผู้ควบคุมแล้วอันที่จริงสุสานก็คือโลกย่อย ! สุสานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ตายไป จิตผู้สร้างของพวกเขาได้สร้างโลกนี้ขึ้นมา ! ยิ่งเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ โลกที่สร้างขึ้นมานั้นก็ยิ่งใหญ่และมั่นคง…” เกลดัน เงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ น่าเสียดายที่มันเป็นแค่โลกย่อย มันไม่ใช่โลกขั้น 9 ที่แท้จริง แม้ว่าจะแกร่งกว่าโลกขั้น 9 อื่นๆในด้านการปลอดภัยและมีขนาดใหญ่กว่า แต่ก็มีข้อเสีย เมื่อเวลาผ่านไปสักวันที่นี่ก็จะหายไป มันไม่เหมือนโลกขั้น 9 ที่ตราบใดที่ไม่ถูกทำลาย มันก็จะยังคงอยู่ต่อไปและจะเติบโตขึ้น…”
โลกนี้ต้องการจิตผู้สร้างในการเติมเต็มพลังงาน พลังสร้างนั้นมาจากจิตผู้สร้าง
หากผู้ควบคุมขั้น 9 ยังมีชีวิตอยู่ งั้นก็สามารถเติมเต็มจิตผู้สร้างได้อย่างต่อเนื่อง โลกนี้ก็จะคงอยู่ต่อไปอีกนานแต่เมื่อผู้ควบคุมขั้น 9 ตายไป มันก็ไม่มีจิตผู้สร้างคอยเติมเต็มอีก เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะมีสักวันที่โลกแห่งนี้จะหมดพลังไป
“ สุสานแห่งนี้แปลกประหลาด ” หลินเป่ยชานระวังตัวอย่างมาก “ ปราณสุสานจำเป็นต้องใช้พลังสร้างในการรักษาสภาพ ภายใต้เงื่อนไขปกติแล้วปราณสุสานนั้นไม่อาจจะแผ่มาท่วมทั้งสุสานแบบนี้ได้ มันจะกระจุกที่เขตกลางของสุสาน แต่สุสานแห่งนี้กลับมีปราณสุสานอยู่นับไม่ถ้วนในทุกๆที่ …”
นอกซะจากว่าอัลเวอร์จะยังมีชีวิตอยู่ งั้นมันก็ไม่มีคำอธิบายในเรื่องนี้
ปัญหาคืออัลเวอร์น่ะตายไปแล้ว เขาตายมาหลายพันปีแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีสุสานแห่งนี้กำเนิดขึ้นมา
แล้วปราณพวกนี้มาจากไหนกัน ?
“ รึว่าปราณสุสานกระจุกที่เขตนอกไม่ได้มีในเขตอื่น ?” หลินเป่ยชานเดา
“ สถานการณ์จะเป็นแบบไหน เมื่อเราเข้าไปด้านในก็จะรู้คำตอบเอง ” จางหยูมองออกไป เพราะด้านหลังเขาคือความโกลาหล ข้างทางมีแต่ภูเขา การรับรู้ก็จำกัด เขาไม่อาจจะรับรู้ถึงสถานการณ์ข้างในภูเขาได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือต้องเดินหน้าต่อและเข้าไปในส่วนลึกของสุสานแห่งนี้
เมื่อมีจางหยูคอยนำหน้า หลินเป่ยชานและเกลดันก็เริ่มใจกล้ามากขึ้น พวกเขารีบตามจางหยูไปทันที
แต่เดินทางมาได้ไม่ไกลนักสีหน้าของพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนไป
“ มากมายจริงๆ…” เกลดันพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น
หลินเป่ยชานเองก็ขนลุก “ มีกี่คนกันที่ตายกันที่นี่ ?”
รอบตัวนั้นมีแต่กองกระดูกที่กองเนินเป็นภูเขา แทบทุกที่เต็มไปด้วยโครงกระดูก มันถึงกับมีศพที่ยังไม่เน่าอยู่ด้วย ร่างเหล่านี้ถูกปราณสุสานกัดเซาะช้าๆ บางทีมันอาจจะใช้เวลาหลายร้อยล้านปีกว่าที่จะกัดเซาะร่างกายพวกนี้จนหมดได้
ร่างกายของผู้ควบคุมยากที่จะกัดเซาะได้ หากไม่มีสถานการณ์พิเศษแล้ว งั้นการใช้เวลาหลายพันยุครึหลายหมื่นยุคก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ที่นี่ร่างกายของผู้ควบคุมนั้นคงยากที่จะแข็งแกร่งแบบนั้นได้
ส่วนที่แปลกที่สุดคือกระดูกที่นี่ไม่ได้มีแค่ผู้ควบคุมขั้น 8 แต่ยังมีผู้ควบคุมระดับต้นอีกจำนวนมาก
ทำไมโครงกระดูกของผู้ควบคุมระดับต่ำถึงได้มาอยู่ที่นี่ ?
“ ดูเหมือนว่าเราจะเจอกับความลับยิ่งใหญ่เข้าแล้ว สถานการณ์ในสุสานแห่งนี้อาจจะซับซ้อนกว่าที่เราคิดเอาไว้ “ จางหยู พูดขึ้น“ พวกเจ้าระวังตัวเอาไว้ หากเจอกับอันตรายใดๆ ข้าจะสร้างรูหนอนขึ้นมาและส่งพวกเจ้าเข้าไปในโลกที่ข้าเชื่อมต่อเอาไว้ทันที ! “
จางหยูไม่มั่นใจว่าเขาจะปกป้องหลินเป่ยชานและเกลดันได้
“ ได้ ! ” เกลดันพยักหน้าโดยไม่ลังเล
หลินเป่ยชานไม่เข้าใจคำพูดของจางหยู แต่เขาก็เชื่อใจจางหยู “ หากเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรก็บอกมา ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก ” ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงเกียรติของตัวเอง จางหยูมีวิธีที่จะพาพวกเขาหลีกเลี่ยงอันตรายได้ งั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปฏิเสธจางหยู
ตูม !
ตอนที่พวกเขาเดินหน้าต่อนั้นก็ได้มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันพลังสร้างอันน่ากลัวก็ได้กวาดเข้ามาหาพวกเขา
“ ยอดฝีมือ !” หลินเป่ยชานและเกลดันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แม้แต่จางหยูก็ยังแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ คลื่นพลังนี่….น่ากลัวนิดๆ !”
คลื่นพลังนี้เทียบกับผู้ควบคุมขั้น 9 แล้วก็ยังมีช่องว่างต่างกันอย่างมากแต่ในหมู่ผู้ควบคุมขั้น 8 ที่จางหยูเคยเห็นมาแล้ว มันถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งก็ว่าได้ แม้แต่หลินเป่ยชานเองก็ไม่อาจจะเทียบกับคลื่นพลังนี้ได้