ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1687 ลั้วตี้ผู้หายตัวไป
“ ใช่สิ ข้าได้ยินผู้คนบอกกันว่าท่านพ่อต้องการหิน ข้าจึงนำสิ่งนี้มาให้ท่าน “ เนี่ยเวิ่นดึงเอาแหวนมิติออกมา “ นี่คือหินหยาบ 50 ล้านก้อน ”
จางหยูแสดงสีหน้าเฉยเมย “ เจ้าคิดว่าหินหยาบ 50 ล้านก้อนจะซื้อข้าได้รึไง ?”
เนี่ยเวิ่นแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “ หากท่านต้องการอะไรอื่นก็บอกมาได้เลย ข้าจะพยายามทำให้สำเร็จ ”
“ เด็กนี่…” จางหยูกุมขมับพร้อมกับปวดหัวขึ้นมา “ คนดีๆคงไม่ทำแบบนี้หรอก เจ้ามีนิสัยแบบไหนกัน ?”
“ ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึว่าโชคชะตาของข้าคือลูกบุญธรรมของท่าน ! นี่คือประสงค์ของพระเจ้า !”
มุมปากของจางหยูกระตุกไปตาม ชายคนนี้บ้าไปแล้ว หากเขาไม่ตกลงรับเป็นลูกบุญธรรม งั้นเนี่ยเวิ่นคงไม่มีวันยอมอย่างแน่นอน
หากเป็นศัตรู จางหยูอาจจะไม่ต้องปวดหัวแบบนี้ เขาก็แค่ฆ่าอีกฝ่ายทิ้งก็จบเรื่อง แต่ตามคำพูดที่หยวนฉิงและจางเฮ่าหลัน บอกมา คนในสำนักคังเฉียงแทบทุกคนต่างก็ได้รับประโยชน์จากเนี่ยเวิ่นและรู้สึกติดค้างเนี่ยเวิ่น หากจางหยูลงมือกับอีกฝ่าย งั้นไม่ใช่ว่าเขาจะโดนทุกคนเกลียดเอารึไง?
เขาไม่อาจจะลงมือกับอีกฝ่ายได้ แม้แต่ด่าก็ไม่อาจจะทำได้
นี่เป็นครั้งแรกที่จางหยูไม่อาจจะทำอะไรคนในสำนักได้
เขารู้สึกว่าชายคนนี้เหมือนกับดาวนำโชคร้ายมาหาเขา
“ ก็ได้ เจ้าเป็นลูกบุญธรรมก็ได้ ” จางหยูถอนหายใจออกมา อันที่จริงฐานะนี้ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเพราะจางเฮ่าหลันน่ะยอมรับเนี่ยเวิ่นเป็นหลานแล้ว “ แต่ข้าขอบอกเจ้าก่อน หากเจ้าทำเรื่องอะไรแย่ๆและกล้ารังแกคนของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ”
“ เมื่อท่านเป็นพ่อบุญธรรมของข้าแล้ว เป็นธรรมดาที่ท่านมีสิทธิ์สั่งสอนลูก ท่านสบายใจได้ ข้าจะไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับท่านอย่างแน่นอน ” เนี่ยเวิ่นแสดงท่าทีถ่อมตัวต่อจางหยูยิ่งกว่าเก่า
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู เนี่ยเวิ่นก็ตื่นเต้นอย่างมาก ความพยายามที่เขาทุ่มเทไปในโลกป่าไม่ได้เสียเปล่าจริงๆ
“ พ่อบุญธรรมนี่คือใครกัน ?” เขามองไปที่เกลดันที่อยู่ข้างกายจางหยูและถามขึ้นมา
ก่อนที่จางหยูจะได้ตอบกลับ เขาก็เห็นตราผู้ควบคุมขั้น 8 ที่อกของเกลดัน และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ พระเจ้า ผู้ควบคุมขั้น 8 ! ”
จางเฮ่าหลันหรี่ตาลงด้วยความตะลึงและมองไปที่เกลดัน
“ คำนับท่านจาง ข้า เกลดัน ” เกลดันทำความเคารพทันที “ ข้าคือข้ารับใช้ของเจ้าสำนัก ท่านเรียกชื่อข้าโดยตรงก็ได้ ”
ข้ารับใช้ ?
จางเฮ่าหลันและเนี่ยเวิ่นต่างก็แสดงสีหน้าสับสนออกมา
ข้ารับใช้ที่เป็นผู้ควบคุมขั้น 8 !
“ เฮ้อ นี่มัน ” จางเฮ่าหลันแทบไม่อาจจะทำใจเชื่อได้
“ คิดว่าเขาเป็นสหายของข้าก็ได้ ” จางหยูพูดขึ้น “ เพราะเหตุผลบางอย่างเขาจึงติดตามข้าสักพัก ”
จางเฮ่าหลันใจสั่นและพูดขึ้นมา “หยูเอ๋อ มีข่าวลือว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งระดับผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงแต่เจ้ากลับมีข้ารับใช้เป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ด้วย นี่คือความจริงรึ ? ”
ข่าวลือที่ว่านั้นอู๋ยงและซางอี๋ว์น่าจะเป็นคนบอก
“ ถูกแล้ว” จางหยูพูดขึ้น “ แต่เกลดันเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 มันจะดีกว่าที่จะไม่มองว่าเขาเป็นคนรับใช้ ” จางเฮ่าหลันไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ ข้าที่เป็นกึ่งผู้สร้างจะกล้ามองว่าผู้ควบคุมขั้น 8 เป็นข้ารับใช้ได้ยังไง ?”
ตอนนี้คนที่อ่อนแอที่สุดในสำนักคังเฉียงเป็นกุยหยวน มันไม่แปลกเลยที่จางเฮ่าหลันจะขึ้นเป็นกึ่งผู้สร้างได้
“ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ถือว่าเป็นสหายของข้าก็ได้ ” จางหยูพูดขึ้นมา
ในสายตาของเกลดันแล้ว จางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 หากจางหยูสุภาพกับเขาแบบนี้ มันจะไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นผู้ควบคุมขั้น 9 งั้นรึ
ไม่นานหลังจากนั้นซางอี๋ว์,อู๋ยง, ซานเหอ, เหยียนอู้และคนอื่นๆก็มุ่งหน้ามาที่นี่
“ เจ้าสำนัก ” ทุกคนต่างก็รีบทำความเคารพ
“ เป็นยังไงกันบ้าง พวกเจ้าชินกับการปรับตัวกับสำนักคังเฉียงรึยัง ? ” จางหยูถามขึ้นมา
“ ดีขึ้นแล้ว ” พวกเขาพากันตอบกลับ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรับตัวจนชิน ยังไงซะโลกป่าก็แย่กว่าโลกของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ไม่นานพวกเขาก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานโลกป่าก็จะพัฒนาขึ้นมาจนไม่ด้อยกว่าโลกจิตวิญญาณแต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าโลกป่ามีบางอย่างที่โลกอื่นไม่อาจจะเทียบได้…นั่นก็คือความสงบ
ไม่มีโลกขั้น 9 ไหนที่ไม่มีการฆ่าฟันและการแย่งชิงกัน ทุกคนที่นี่เป็นมิตรต่อกัน แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันบ้างแต่เพราะการมีอยู่ของสำนักคังเฉียงจึงทำให้ผู้คนยังรักษาความสงบ มันทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย นี่คือสิ่งที่โลกขั้น 9 ใบอื่นไม่มี
….
ตลอดหลายวันมานี้จางหยูได้เดินทางไปทั่วโลกป่าเพียงลำพังเพื่อตรวจสอบที่นี่
ระหว่างนั้นเขาได้ใช้เวลาตรวจสอบเย่ฟานและคนอื่นๆด้วย เขาได้ให้หินแห่งการสร้างกับพวกนั้นคนละล้านก้อนรวมถึงให้คำตอบที่พวกนั้นสงสัย ก่อนจะกลับออกมา
เมื่อเดินทางรอบโลกป่าเสร็จ จางหยูก็ได้กลับมายังสำนักคังเฉียง แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวต่อหน้าเข้า
“ ร่างหลัก ”
“ ความว่างเปล่า” จางหยูมองไปที่ความว่างเปล่าด้วยความแปลกใจ “ มีเรื่องอะไรรึ ?”
“ ร่างหลัก ข้า…ขอกลับไปเชื่อมต่อกับเจ้าได้รึไม่ ? ” ความว่างเปล่าเหมือนจะขอร้องออกมา
จางหยูแปลกใจนิดๆ “ เจ้าไม่อยากได้อิสระอีกแล้วรึ ? ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อเจ้าเชื่อมต่อกับข้าแล้ว เจ้าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า แม้แต่ความคิดของเจ้าก็จะถูกข้ารับรู้ ”
ความว่างเปล่ายิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ข้าเคยคิดว่าหากตัดขาดการเชื่อมต่อกับเจ้า ข้าจะเหนือกว่าร่างแยกคนอื่นๆและขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ แต่ผ่านมาหลายร้อยปีข้าก็พบว่าข้าคิดผิดไป ข้าได้ประมือกับเซียนกระบี่พเนจรและพบกับความต่างชั้น ช่องว่างนั้นมีแต่จะมากขึ้นมาเรื่อยๆ..” ในฐานะร่างแยกที่เป็นจอมเทพอันดับหนึ่ง เขาน่ะก็มีเกียรติของตัวเองแต่ตอนนี้เขากลับโดนร่างแยกคนอื่นๆแซงหน้า แม้แต่ร่างแยกที่บ่มเพาะแปดแสนร่างเขาก็ไม่อาจจะเทียบได้ มันทำให้เขาหมดหนทางและต้องยอมรับความเป็นจริง
“ เจ้ามั่นใจรึ ?”
“ ข้ามั่นใจ ! ”
“ งั้นก็ได้ ” จางหยูได้ส่งพลังวิญญาณออกมาโดยไม่ลังเล
จางหยูได้ส่งวิญญาณเข้าไปในตัวความว่างเปล่า ในพริบตามันก็ได้ทำการเชื่อมต่อวิญญาณของทั้งสองเข้าหากัน
“ จากนี้ไปเจ้าจะไปบ่มเพาะกับเซียนกระบี่พเนจร เจ้าจะได้รับการดูแลแบบพวกเขา “ จางหยูพูดขึ้น “ ข้าจะให้สิทธิ์ใช้จิตผู้สร้างโลกตันเถียนกับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้มันอย่างระมัดระวัง “ “ ได้ ร่างหลัก ! ” ความว่างเปล่ารีบตอบกลับ
…
“ ร่างหลัก ” ไม่นานเจ้าสำนักก็มาหาจางหยู
จางหยูมองไปที่เจ้าสำนักแล้วถามขึ้นมา “ เจ้าบ่มเพาะมาเป็นกึ่งผู้สร้างแล้ว เจ้าไม่คิดจะสร้างโลกรึ ?”
เวลาผ่านไป 300 ปี นอกจากความว่างเปล่าแล้ว ร่างแยกอื่นๆต่างก็ขึ้นเป็นกึ่งผู้สร้างได้แล้ว
เจ้าสำนักได้ตอบกลับ “ พลังเรายังไม่เพียงพอ เราตั้งใจจะบ่มเพาะให้ถึงขีดจำกัดจริงๆก่อนจะเปิดโกลาหลสร้างโลกขั้นที่ 9 ขึ้นมา ”
มีแค่การเปิดโกลาหลเท่านั้นที่จะสร้างโลกขั้นที่ 9 ขึ้นมาได้โดยไม่ต้องยืมพลังจากภายนอก และจะสามารถดึงความสามารถของพวกเขาได้ถึงขีดสุดและทำให้ระดับของพวกเขาสูงกว่าเดิมในอนาคต
แม้แต่จ้านเทียนเกอ, เบเกิล, หลินเป่ยชาน , เกลดันและคนอื่นๆ ก็ทำการเปิดโกลาหลและสร้างโลกขั้นที่ 9 ขึ้นมา
เซียนกระบี่พเนจร, เจ้าสำนักและร่างแยกอื่นๆได้รับทรัพยากรจำนวนมาก แต่ก็ทำให้พวกเขาหยิ่งทะนงไม่คิดจะใช้ผลโกลาหล
“ ไม่ใช่ว่ามันจะเสียเวลารึไง ? ” จางหยูคิ้วขมวด
“ มันไม่เป็นการเสียเวลาหรอก ” เจ้าสำนักอธิบายออกมา “ ยิ่งเราสั่งสมพลังได้มากเท่าไหร่ เมื่อเราเปิดโกลาหลออกและสร้างโลกขั้นที่ 9 นั้นจะให้ประโยชน์มากกว่า มันมีโอกาสสูงกว่าเดิมที่จะกลายเป็นผู้สร้างที่แท้จริง ! เราอาจจะขึ้นไปถึงขั้น 1 รึ 2 หรืออาจจะ 3 ได้ ! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็ไม่อาจจะมองข้ามได้ “ เมื่อเจ้าไม่รีบร้อน งั้นก็ทำตามแผนของเจ้า ข้าไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซง” “ แล้วไป่หลิงและไป่ลู่ล่ะ ? ” จางหยูถามขึ้นมา “ทำไมข้าถึงไม่เจอพวกนาง ?”
“ พวกนางน่าจะออกจากโลกป่าไปแล้ว ” เจ้าสำนักพูดขึ้น “ ประมาณ 200 ปีก่อน ไป่หลิงและไป่ลู่ได้ปลุกความทรงจำกลับมาและได้ขึ้นเป็นกึ่งผู้สร้างได้สำเร็จ ไม่นานหลังจากนั้นลั้วตี้ก็ไปหาพ่อของท่านและได้ขอลา ข้ายังไม่ทันได้เจอนาง นางก็ได้จากไปแล้ว…ข้ากลับมาสักพักถึงรู้เรื่องนี้ ข้าไม่ได้ยินข่าวอะไรจากนางอีก เดาว่านางคงเดินทางออกไปยังโกลาหลภายนอกแล้ว ”