ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1702 การเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง
“ ผ่านไปกว่า 9,000 ปีแล้วรึ ” จางหยูสลดขึ้นมาทันที
แม้ว่าเขาจะปรับตัวเรื่องเวลาในจักรวาลภายนอกได้แล้วแต่เวลาที่ผ่านไปกว่า 9,000 ปีนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่ยาวนานอยู่ดี
ที่สำคัญที่สุดคือโลกป่ากับสำนักคังเฉียงนั้นจะเป็นยังไงหากว่าเวลาผ่านไป 9,000 ปีแล้ว ?
ต้องรู้ก่อนว่าโลกขั้น 8 ภายในโลกตันเถียนนั้นมีการเร่งเวลากว่าพันเท่า โลกขั้น 7 เร่งเวลา 100 เท่า โลกที่เหลือต่างก็มีการเร่งเวลาที่ต่างกันออกไป ด้วยเวลาที่ยาวนานแบบนี้โลกพวกนั้นคงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
แค่ 300 ปี สำนักคังเฉียงก็ยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว แต่ตอนนี้มันผ่านมากว่า 9,000 ปีแล้ว มันจะเป็นอย่างไร จางหยูไม่อาจจะคิดภาพได้ออก
“ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับสำนักในตอนนี้” หลังจากที่ไม่ได้ตรวจสอบสำนักคังเฉียงมานานจางหยู ก็ไม่มั่นใจว่าสำนักคังเฉียงพัฒนาไปมากแค่ไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ์จะดีรึแย่
จางหยูมองไปที่วอซ่งและหลินเป่ยชาน ก่อนจะพูดขึ้น “ ข้าจะรีบกลับไปที่โลกป่า พวกเจ้าจะไปด้วยรึไม่ ?”
วอซ่ง, หลินเป่ยชาน และเกลดันไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าแค่ผ่านไป 9,000 ปีเองรึ ? แม้ว่ามันจะไม่ใช่เวลาน้อยๆแต่เจ้าสำนักก็ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งกลับโลกป่าเช่นนี้ไม่ใช่รึ ?
“ เจ้าสำนัก ท่านจะไม่ไปที่สุสานขั้น 9 รึ ?” วอซ่งถามขึ้นมา
“ ใช่สิ เรื่องสุสานขั้น 9 นั้นหากดูจากเวลาแล้ว เดาว่าคงจะปรากฏขึ้นในอีกไม่กี่ร้อยปี มันอาจจะปรากฏขึ้นมาเร็วกว่านั้น “ หลินเป่ยชานได้สติ “ หากรีบไปตอนนี้ก็อาจจะไม่ทันด้วยซ้ำ” เมื่อพูดถึงสุสานขั้น 9 แล้ว จางหยู ก็นึกถึงข้อตกลงกับ หงซวน แต่ตอนนี้เขากังวลเรื่องสำนักคังเฉียงมากกว่า เขาได้พูดขึ้น “ ก่อนอื่นกลับไปที่สำนักคังเฉียงก่อน การเดินทางจากโลกป่าเร็วกว่าการเดินทางจากโลกนภาใต้ มันจะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะ”
โลกป่านั้นอยู่ในเขตเหนือสุด ภายในเขตตะวันออกตอนบน ส่วนโลกนภาใต้นั้นอยู่เขตใต้ตอนบน
สุสานขั้น 9 อยู่ที่ชายแดนของเขตย่อยดวงดาวกับเขตย่อยเมฆาภายในเขตตะวันออกตอนบน ชัดแล้วว่าโลกป่านั้นอยู่ใกล้กว่า
“ งั้นก็ไปที่โลกป่ากันก่อน” วอซ่งพูดขึ้นมา “ รบกวนเจ้าสำนักด้วย”
เจียงหยุนที่ได้ยินแบบนั้นก็สับสน เขาไม่เข้าใจว่าจางหยูและคนอื่นๆพูดถึงอะไร
“ เจียงหยุนสินะ ? แล้วค่อยพบกันใหม่” จางหยูพยักหน้าให้กับเจียงหยุน ก่อนจะโบกมือสร้างวังวนขึ้นมาโดยที่วังวนนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังจักรวาลเลยแม้แต่น้อย ตอนั้นจางหยู, วอซ่ง, หลินเป่ยชาน, เกลดัน และเสี่ยวซีก็ได้เดินเทางเข้าไปในวังวน
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจวังวนนั้นก็ค่อยๆปิดตัวลงแล้วหายไปราวกับไม่เคยปราฏขึ้นมาก่อน
เจียงหยุนตะลึง เขามองไปที่วังวนที่หายไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ รูหนอนรึ ?”
เขารู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่ “สร้างวังวนขึ้นมาในจักรวาลได้ด้วยรึ ?” เขารู้แค่ว่าวังวนนั้นสามารถสร้างขึ้นมาในโลกขั้น 9 ได้แต่เขาไม่เคยเห็นใครสร้างวังวนขึ้นมาในจักรวาลมาก่อน ในทางทฤษฎีแล้วมันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ไม่อาจจะทำได้
แต่จางหยูกลับทำได้ !
“เขาเป็น…ผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆ !” เจียงหยุนใจสั่น
เขาไม่สงสัยในตัวตนของจางหยูอีกต่อไป เขารู้สึกว่าจางหยูอาจจะน่ากลัวกว่าผู้ควบคุมขั้น 9 ทั่วไปซะอีก
ที่โลกตันเถียน
จางหยูและคนอื่นๆได้เดินทางไปยังโลกบรรพกาลก่อนจะเดินทางต่อไปที่โลกป่า
เมื่อปรากฏตัวขึ้นที่ลานจางหยูก็แผ่การรับรู้ไปทั่วโลกป่าเพื่อรับรู้ทุกอย่าง จนสุดท้ายเขาก็เริ่มใจเย็นลงสำนักคังเฉียงเติบโตขึ้นอย่างมากจนตัวเขาเองก็ต้องแปลกใจนิดๆ
อาจารย์และศิษย์ทุกคนได้ผ่านการทดสอบผู้ควบคุมขั้น 1 ไปแล้วและได้ตราขั้น 1 มา บางคนถึงกับได้ตราขั้น 2
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือศิษย์ของจางหยู พวกเขาทุกคนแทบจะได้ตราขั้น 3 มา แม้แต่ศิษย์คนล่าสุดกังได้ตราข้น 2 มา
ต้องรู้ก่อนว่า เย่ฟาน และคนอื่นๆไม่ได้ใช้ผลจักรวาล พวกเขาพึ่งแต่ความสามารถของตัวเอง !
คนที่โดดเด่นที่สุดคือฝานกู่ตอนที่จางหยู จากไปนั้นเขายังไม่ได้เข้ารับการทดสอบแต่ตอนนี้กลับเป็นผู้ควบคุมขั้น 4 แล้ว
ความเร็วในการพัฒนาแบบนี้ทำให้คนนอกโลกป่าต่างก็พากันตะลึง มันถึงกับทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา
วันนี้แทบทั้งเขตตะวันออกตอนบนได้รู้จักโลกป่าและรู้จักสำนักคังเฉียงกันแล้ว
แม้ว่าสำนักจะยังไม่แข็งแกร่งนักแต่ก็มีการพัฒนาที่เร็วจนน่าตกใจ กลุ่มอาจารย์และศิษย์ที่ราวสัตว์ประหลาดนี้ไม่ใช่ตัวตนที่มองข้ามได้
จางหยูได้ให้วอซ่งและคนอื่นๆพักอยู่ในโลกป่า ส่วนเขาได้กลับไปยังบ้านพักและเรียก เจ้าสำนักเข้ามาหาเมื่อพบกับ เจ้าสำนักจางหยูก็ได้ถามขึ้นมา “ 9,000 ปีมานี้สำนักคังเฉียงเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? ทำไมมันถึงพัฒนาได้เร็วแบบนี้ ?”
ตอนนี้ เจ้าสำนัก และร่างแยกอื่นๆนั้นยังเป็นกึ่งผู้สร้างแต่คลื่นพลังพวกเขาแข็งแกร่งอย่างมาก แกร่งกว่ากึ่งผู้ย้อนกลับทุกคนที่จางหยูเคยเจอมา จางหยูถึงกับสงสัยว่ารากฐานของพวกนี้แข็งแกร่ง เมื่อพวกนี้สร้างโลกขึ้นมา ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับที่คาดไม่ถึง
“บางทีอาจจะเป็นเพราะหินแห่งการสร้าง” เจ้าสำนักเองก็เหมือนจะตรวจสอบปัญหานี้เหมือนกัน “ หินแห่งการสร้างจากโลกตันเถียนนั้นมีพลังการสร้างสูงสุด ผลของมันเหนือกว่าหินแห่งการสร้างทั่วไปกว่าสิบเท่ารึร้อยเท่า รวมกับการที่ศิษย์และอาจารย์ต่างก็ฝึกฝนทักษะขั้นสมบูรณ์รึเกิดขึ้นมาในโลกตันเถียน การบ่มเพาะของพวกเขาจึงพัฒนาเกินกว่าจะคาดถึง”
หินแห่งการสร้างนั้นได้มาจากจางหยู ทักษะอู๋จี๋ก็คือสิ่งที่จางหยูสร้างขึ้นมา นี่คือผลงานของจางหยูโลกตันเถียนก็เป็นฝีมือของจางหยู
เมื่อรวมสามข้อนี้เข้าด้วยกันแล้ว ผลของมันก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปใหญ่
“ มันไม่ใช่แค่สำนักคังเฉียง โลกป่าเองก็พัฒนาอย่างน่าทึ่ง” เจ้าสำนักพูดขึ้น “ ตอนนี้มีคนมากมายแห่มาที่โลกป่า พวกคนที่เข้ามาตอนแรกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วถึงจะด้อยกว่าคนของสำนักคังเฉียงแต่ก็ยังถือว่าดีอยู่” เจ้าสำนักพูดขึ้น “ ภูผา และสายธาร ได้ขึ้นไปขั้น 7 ชางหยูและวูหยาง ได้รับอนุญาตจากเจ้าก็จริงแต่ไม่ได้รับการดูแลพิเศษใดๆ ทั้งสองจึงพัฒนาช้ากว่คนของเรา”
สำนักคังเฉียงตนอนี้ได้กลายเป็นดวงอาทิตย์ที่เป็นเป้าสายตาของทุกคนไปแล้ว
พวกคนที่มีอำนาจ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนของสำนักคังเฉียงก็ดูด้อยลงไปเลย ต้องรู้ก่อนว่าทรัพยากรต่างๆล้วนแต่มาจากสำนักคังเฉียง แม้แต่ผลประโยชน์น้อยนิดก็ยังถือ่วามีค่าสำหรับพวกเขา
เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ของสำนักคังเฉียงในวันนี้ จางหยู ก็พอใจอย่างมากแต่ก็ยังคิดในใจ “ ดูเหมือนว่าสำนักคังเฉียงในตอนนี้แม้ว่าจะไม่มีข้าแต่ก็ยังพัฒนาได้เป็นอย่างดี ” เขาจากสำนักคังฉียงไปกว่า 9,000 ปี มันไม่ได้เกิดปัญหาใดๆๆขึ้นมา มันกลับพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาคงไม่เชื่อหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง
เจ้าสำนักพูดขึ้น “ ไม่ เจ้าน่ะยังเป็นคนที่สำคัญที่สุดของสำนัก !” เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ เจ้าไม่ใช่แค่เสาหลักของสำนักคังเฉียงแต่ยังเป็นความเชื่อในใจผู้คน เจ้าคือเทพผู้พิทักษ์ของสำนัก ! หากไม่ใช่เพราะชื่อเสียงที่เจ้าได้สร้างขึ้นมา สำนักคงไม่สงบสุขแบบนี้ !”
จางหยูจำได้ตอนที่เขาไปทดสอบผู้ควบคุมขั้น 7 รวมถึงการที่เขาเอาชนะหลินเป่ยชาน ข่าวนี้ได้โด่งดังไปทั่วเขตตะวันออกตอนบน มันถึงกับดังไปถึงเขตอื่นๆ คนมากมายที่หมายตาสำนักคังเฉียงต่างก็กลัวผู้ควบคุมขั้น 8 พวกนั้นได้แต่ถอยกลับ พวกต่ำกว่าขั้น 8 ไม่มีใครกล้าคิดร้ายต่อสำนักคังเฉียงเลยสักคน