ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1704 รวมตัว
จางหยูและคนอื่นๆพากันมองไปยังผู้ควบคุมขั้น 8 รอบๆ พวกนั้นเองก็มองมาที่กลุ่มของจางหยูด้วยเช่นกัน
คนแรกที่โดนจำได้คือหลินเป่ยชาน ในฐานะราชาดาบที่เคยสร้างชื่อเสียงอันโด่งดังก็เป็นธรรมดาที่คนมากมายจะรู้จักเขา บางคนถึงกับพ่ายแพ้ให้เขามาก่อน สรุปคือเมื่อพูดถึงหลินเป่ยชานแล้วมีไม่กี่คนในเขตตะวันออกตอนเหนือที่ไม่รู้จักเขา
คนที่สองคือเกลดัน ยังไงซะตอนที่เกลดันได้รับผลกระทบจากปราณสุสานนั้น มันก็มีคนมากมายที่ได้ยินเรื่องนี้โดยเฉพาะกับการที่เกลดันยอมเป็นทาสของกลุ่มอาทิตย์อุทัย มันทำให้หลายคนจำเขาได้เป็นอย่างดี
จางหยูคือคนที่สามที่โดนจำได้ ชื่อเสียงของเขานั้นไม่อาจจะเทียบกับหลินเป่ยชานและเกลดันได้ แต่ก็มีคนมากมายที่ได้ยินเรื่องของเขา ชื่อเสียงของเขาโด่งดังอยู่หลายกองกำลัง ยังไงซะการทดสอบไปถึงขั้น 7 ระดับ 3 ในคราวเดียวนั้นก็ยากที่ผู้คนจะจำไม่ได้
หากเทียบกับจางหยูและคนอื่นๆแล้ว จ้านเทียนเกอนั้นดูแปลกหน้า ยังไงซะเขาก็อายุมาก การที่ผู้คนจำเขาไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด
สำหรับเสี่ยวเสียแล้ว ไม่มีใครมองเห็นมัน มันราวกับอากาศที่ไม่มีตัวตน
“ ไปเถอะ ข้าเจอเบเกิลแล้ว ” จางหยูยิ้มออกมาก่อนที่จะบินไปหาเบเกิลกับคนอื่นๆ ต้องขอบคุณความเข้าใจการสร้างที่ไปถึงขั้น 9 แล้วทำให้การรับรู้เของเขากว้างกว่าเดิม การค้นหาเบเกิลจึงกินเวลาไม่นานนัก
ไม่นานกลุ่มของจางหยูก็มาถึงจุดที่เบเกิลอยู่
“ ฮ่าฮ่า ! น้องจาง ข้ารู้ว่าเจ้าต้องทำตามที่ตกลงกันไว้ ดูเหมือนว่าข้าจะมองไม่ผิด ” ทันทีที่เห็นจางหยู เบเกิลก็หัวเราะออกมา
คนด้านหลังเบเกิลมีคนกลุ่มเล็กๆอยู่ จางหยูจำจงหรานจากภูเขาธารใสได้
คนในทีมรวมกับเบเกิลแล้วมีทั้งหมด 6 คน มีสองคนเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับทั่วไปอีก 4 คนที่เหลืออยู่ระดับสูง เบเกิลนั้นแข็งแกร่งที่สุด เขาแกร่งยิ่งกว่าหลินเป่ยชาน บางทีคนอื่นๆอาจจะไม่รู้สึก แต่จางหยูรับรู้ได้ว่าคลื่นพลังของเบเกิลนั้นซับซ้อน มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจ้านเทียนเกอ, ตงหยูและเจียงหยุนที่เป็นผู้นำเลย
จางหยูประเมินความแข็งแกร่งของเบเกิลไว้สูง แต่เมื่อรับรู้ถึงคลื่นพลังของอีกฝ่ายจริงๆแล้ว จางหยูก็พบว่าเขาประเมินจ้าวแห่งเขตหงหยวนต่ำไป
ผู้นำ !
หากไม่ใช่เพราะการรับรู้พัฒนา จางหยูคงไม่เชื่อว่าเบเกิลได้ขึ้นเป็นผู้นำแล้ว บางทีชื่อเสียงของเขาอาจจะไม่เท่ากับผู้นำคนอื่นๆรึไม่ได้ชื่อว่าผู้นำ แต่ความแข็งแกร่งของเขาน่ะไม่ได้ด้อยกว่าผู้นำคนที่เหลือเลย
บางทีต่ำกว่าขั้น 9 คงอยากที่จะเอาชนะเขาได้ จ้านเทียนเกอก็คงยากจะเอาชนะเขาได้
“ พี่เบเกิล พี่จงหราน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ” จางหยูยิ้มออกมาและทักทายทุกคน
จงหรานหัวเราะออกมา “ ไม่ได้เจอกันนานเจ้าพัฒนาขึ้นมาเยอะมาก จะมีใครในเขตตะวันออกตอนเหนือที่ทำการทดสอบผ่านไปถึงขั้น 7 ระดับ 3 ในคราวเดียวได้อีก ?”
เบเกิลพูดขึ้น “ ตอนแรกที่ข้าพบเจ้า ข้าก็รู้ว่าเจ้าน่ะโดดเด่น เจ้าต้องสร้างเรื่องที่น่าแปลกใจได้แน่ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วแบบนี้…หากไม่ใช่เพราะข้าเพิ่งทะลวงผ่านมา เกรงว่าคงไม่อาจจะเป็นคู่มือของเจ้าได้ ”
“ เจ้าคิดผิดแล้ว” หลินเป่ยชานพูดขึ้นมา “ แม้ว่าเจ้าจะทะลวงผ่านได้ แต่เจ้าก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของเจ้าสำนักได้”
เกลดันพูดขึ้น “ เบเกิล เจ้าไม่รู้อะไรเรื่องความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักเลย”
จางหยูกระแอมไอออกมาก่อนจะส่ายหน้าให้ทั้งสองคน แล้วพูดขึ้นมาว่า “ บางอย่างไม่ควรจะพูดออกมา “ จากนั้นจางหยูก็พูดขึ้นต่อ “ พวกเจ้าคงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของพี่เบเกิลสินะ ? เอาจริงๆหากข้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ข้าคงไม่ใช่เชื่อว่าคลื่นพลังของพี่เบเกิลนั้นจะทัดเทียมกับผู้นำได้ ” เมื่อพูดจบ จางหยูก็หันไปหาเบเกิล “ ยินดีกับพี่เบเกิลด้วย สุดท้ายเจ้าก็ขึ้นเป็นผู้นำของเขตตะวันออกตอนเหนือได้ ”
หลินเป่ยชานและเกลดันพากันมองเบเกิลด้วยความแปลกใจ “ ผู้นำรึ ?”
“ เจ้ารู้ได้ยังไง ?” เบเกิลเองก็แปลกใจ “ ข่าวนี้มีแค่คนเดียวที่รู้ นอกจากนั้นข้าไม่เคยบอกใคร เจ้ารู้ได้ยังไง ?”
จางหยูยิ้มออกมาแต่ไม่ได้อธิบายอะไร เขาหันกลับไปหาจ้านเทียนเกอแทน “ ใช่สิ เราเองก็มีผู้นำอยู่ในกลุ่ม พวกเจ้าสองคนน่าจะพูดคุยกันได้ ” จางหยูไม่ได้นับตัวเองเป็นผู้นำ บางทีความแข็งแกร่งของเขากับผู้นำอาจจะทัดเทียมกัน แต่ตอนนี้เขาก้าวข้ามผู้นำไปแล้ว
“ เจ้าเป็นใครกัน ?” ตอนแรกเบเกิลไม่ได้สนใจจ้านเทียนเกอ แต่เมื่อได้ยินที่จางหยูบอกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จ้านเทียนเกอ
“ จ้านเทียนเกอ เขตเหนือตอนเหนือ ฝากตัวด้วย” จ้านเทียนเกอมองไปที่เบเกิลด้วยท่าทีเยือกเย็น
เบเกิลหรี่ตาลงก่อนจะเผยสีหน้าตะลึงออกมา “ จ้านเทียนเกอ ! ”
เขาเคยได้ยินชื่อจ้านเทียนเกอมาก่อน นี่คือผู้นำในตำนานที่เหนือกว่าผู้นำทุกคน มันจะมีสักกี่คนที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขา ?
คนอื่นๆในทีมเบเกิลต่างก็พากันมองจ้านเทียนเกอด้วยสีหน้าตะลึงเช่นกัน
“ หลังจากที่ไปยังสุสานขั้น 9 หากมีโอกาสเราควรเรียนรู้จากกัน “ จ้านเทียนเกอน่ะคล้ายกับเบเกิล เบเกิลคือจ้านเทียนเกอในวัยเยาว์ก็ว่าได้ มันไม่แปลกเลยหากเบเกิลจะกลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดได้
เบเกิลเหมือนจะหงุดหงิดขึ้นมา “ หากไม่ใช่เพราะสุสานขั้น 9 ข้าคงประมือกับเจ้าไปแล้ว”
จ้านเทียนเกอยิ้มรับและพูดขึ้น “ สบายใจได้ ข้าจะอยู่ในเขตตะวันออกตอนเหนือ ”
ตอนนั้นจางหยูก็หัวเราะออกมา “ เรื่องประมือไว้ว่ากันทีหลัง พี่เบเกิล เจ้าไม่คิดจะแนะนำคนที่เหลือรึ ?”
“ ข้าผิดเอง ข้าเกือบลืมไป “ เบเกิลเริ่มแนะนำสมาชิกในทีม “ ข้าจะไม่แนะนำคนที่เจ้าเคยเจอมาแล้ว สำหรับสี่คนที่เหลือ…” เขาชี้ไปที่ชายหนุ่มกำยำคนหนึ่ง “ นี่คือลู่ติง เขาชื่อเล่นว่าไอ้กระบองใหญ่ “ จากนั้นก็ชี้ไปที่อีกสามคนที่เหลือ “ นี่คือ หลี่เหลิ่ง หัวหน้าตระกูลหลี่ นี่คือโจวโจว ผู้เยาว์สวรรค์ของเขตตะวันออกตอนเหนือ คนสุดท้ายคือหลิงหลง ยอดฝีมือแห่งโลกซวนเทียน“
ลู่ติงและหลี่เหลิ่งเป็นผู้ควบคุมขั้น 8ระดับสูง โจวโจวและหลิงหลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ระดับสูงแต่ก็ใกล้เคียง
ทั้งทีมมีความแข็งแกร่งไม่น้อยเลย
“ คำนับทุกคน ” จางหยูยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ ข้าขอฝากตัวด้วย”
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทักทายกันแล้ว เบเกิลก็พูดขึ้น “ น้องชาย เจ้าไปเจอกับจ้านเทียนเกอได้ยังไง ?”
“ บางทีอาจจะเป็นโชคชะตา” จางหยูหัวเราะออกมา “ จ้านเทียนเกอโดนกักขังไว้ในสุสานขั้น 9 ข้าไปที่นั่นและได้ช่วยเขาออกมา” เขาไม่ได้พูดชื่อสุสาน “ เมื่อได้ยินว่าข้าจะไปสำรวจสุสานขั้น 9 เขาจึงตามข้ามาด้วย”
“ แล้วพวกนี้ล่ะ” เบเกิลมองไปที่หลินเป่ยชานและเกลดัน “ เจ้าเชิญพวกเขามารึ ?”
“ มันเป็นเกียรติที่ได้สำรวจสุสานขั้น 9 ร่วมกับเจ้าสำนัก แต่เราไม่ได้รับคำเชิญแต่อย่างใด ” หลินเป่ยชานรีบพูดขึ้นมา “ เบเกิล เจ้าเอาชนะข้าอย่างเคยไม่ได้แล้วนะ !” เบเกิลหัวเราะออกมา เขาอยากจะถามว่าทำไมหลินเป่ยชานถึงได้อคติกับเขานัก ?
แต่เขาก็สงสัย หลินเป่ยชานน่ะเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูง หลินเป่ยชานไม่ได้อ่อนแอ คนแบบนี้แต่ทำไมเรียกจางหยูว่าเจ้าสำนักกัน ?