ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1709 ความโหดร้าย
มันไม่ใช่แค่เรสกูและทัลซาที่ตะลึงแต่คนอื่นๆที่ซ่อนตัวอยู่ก็ตะลึงตามไปด้วย
กองกำลังที่มีผู้นำหลายคนนั้นมีอำนาจเกินกว่าจะคาดถึง
หากเทียบกับกองกำลังอื่นๆแล้ว ตระกูลจิ่งนั้นเก็บตัวอย่างมาก ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับราชาตะวันออก แต่เมื่อความจริงเปิดเผยออกมาก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าตระกูลจิ่งนั้นน่ากลัวเพียงใด
“ ราชาตะวันออกเป็นบรรพชนของข้า สมบัติของบรรพชนข้าจะต้องไม่โดนคนอื่นได้ไป ” จิ่งชานพูดขึ้นมา “ ข้าจึงให้เซี่ยงอู่เซิงกับอู๋ชิงโหรวแสดงตัวออกมาและแอบปล่อยข่าวให้พวกเจ้าสองคน เพื่อที่ทั้งหกคนจะได้ตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะไม่เสียสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียว ”
เรสกูพึมพำออกมา “ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า ?”
จิ่งชานยิ้มและพูดขึ้นมา “ หยกเป็นตายที่ผูกชีวิตเจ้าอยู่กับตระกูลจิ่ง เจ้าไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อรึไม่ก็ตาม ”
“ ในความเห็นข้าแล้วเจ้าก็แค่ปั่นหัวเราเท่านั้น ” เรสกูหรี่ตาลงและพูดขึ้นมา “ สัญญาทาสอะไรกัน หยกเป็นตายอะไรกัน ข้าเรสกูไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน เจ้าคิดจะหลอกข้ารึไง ? ไม่มีทางซะหรอก ! ”
“ หากเป็นเช่นนั้น…” จิ่งชานยิ้มออกมา “งั้นเจ้าก็เอาสมบัติของราชาตะวันออกไป ข้ารับปากว่าข้าจะไม่หยุดเจ้า แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะส่งมันกลับคืนมาให้ข้าในภายหลัง ”
เรสกูและทัลซามองหน้ากันก่อนจะมองลงไปที่ด้านล่างภูเขาไฟ แล้วพบกับของลึกลับที่แฝงไปด้วยปราณสุสานอันน่ากลัว
เรสกูแผ่จิตผู้สร้างออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นมือ ก่อนจะล้วงลงไปในลาวาเพื่อจับสมบัติ
ปราณสุสานราวกับมีชีวิต มันได้เข้ากัดกินมือนั้นก่อนจะลามมาที่ตัวเรสกู จนทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เรสกูยังไม่ทันได้สติ โล่พลังของเขาก็ระเบิดออกพร้อมกับปราณสุสานที่รุกล้ำเข้าไปในร่าง
ตูม !
แม้ว่าจะเป็นผู้นำแต่ก็ไม่อาจจะต้านทานพลังของปราณสุสานได้ สติของเรสกูโดนกลืนกิน เขากลายเป็นหุ่นเชิด ตาของเขากลายเป็นสีขาวไม่มีนัยน์ตา เขาราวกับคนที่ตายไปแล้ว
ฉากนี้ทำให้ทัลซาหวาดกลัวขึ้นมา นางถึงกับผงะถอยกลับไปและมองไปที่สมบัติด้านล่างด้วยความกลัวและตะลึง
“ ช่างเป็นปราณสุสานที่น่ากลัวจริงๆ !” เมื่อเห็นแบบนั้นจางหยูและคนอื่นๆต่างก็พึมพำออกมา
ลาวาที่เต็มไปด้วยปราณสุสานนี้น่ากลัวยิ่งกว่าปราณสุสานที่จางหยูและจ้านเทียนเกอเคยเจอในสุสานแห่งนี้ แม้แต่ผู้นำก็ไม่อาจจะต้านทานได้
“ นี่น่าจะเป็นปราณจากสุสานในตัวราชาตะวันออก “ จางหยูแอบคิด “ แต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ภัยของปราณสุสานนั้นน่าจะลดลงมากแล้ว…แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำจะรับมือไหว ”
มันยากที่จะคิดได้ว่าในตอนแรกเริ่มปราณสุสานที่นี่จะน่ากลัวแค่ไหน ไม่แปลกเลยที่ราชาตะวันออกไม่อาจจะยับยั้งมันได้และสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะฆ่าตัวตาย ”
ในเวลาเดียวกันจิ่งชานก็ค่อยๆหลับตาลงเหมือนกับส่งต่อข้อมูลบางอย่าง ต่อมาเรสกูที่แผ่คลื่นพลังอันน่ากลัวและปราณสุสานก็ค่อยๆหมดลมหายใจไป
เรสกู…ตายแล้ว !
ไม่ได้มีการต่อสู้ใดๆแต่ผู้นำขั้น 8 กลับตายลงอย่างง่ายดาย
ตูม ! ร่างของเรสกูตกลงไปในลาวาจนทำให้ลาวากระเซ็นออกมา
ทัลซาตัวสั่น การตายของเรสกูทำให้นางหวาดกลัวขึ้นมา
“ ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าเป็นทาสของตระกูลข้า พวกเจ้าไม่เชื่อเอง ” จิ่งชานส่ายหน้า “ ตอนนี้เจ้าเชื่อรึยัง ? ” การตายของเรสกูน่ะยืนยันคำพูดของจิ่งชาน การตายแบบนี้มีแค่ทาสที่ผูกชีวิตไว้กับหยกเป็นตายเท่านั้นที่จะตายได้
ทัลซาจะไม่เชื่อได้ยังไง ?
นางไม่อาจจะไม่เชื่อได้ !
นางไม่กล้า !
ทัลซาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วมองไปที่จิ่งชาน “ เจ้าต้องการอะไร ?”
จิ่งชานไม่ได้ตอบกลับแต่กลับสารภาพออกมา “ เอาจริงๆแล้วข้าไม่ได้อยากฆ่าเรสกู ยังไงซะเขาก็เป็นผู้นำ สำหรับตระกูลจิ่งแล้วเขาจะช่วยได้อย่างมาก การตายของเขาจะทำให้เกิดผลเสีย…ตระกูลจิ่งมีผู้นำแค่ 5 คนรวมกับข้าก็เป็น 6 คน การที่เรสกูตายไปจะทำให้เหลือแค่ 5 คน ตระกูลจิ่งได้พยายามอย่างมาก หลังจากที่ผ่านมานานก็มีขุมกำลังเช่นนี้ได้ บอกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นใครในหกคนนี้เราก็ไม่อาจจะเสียได้” เมื่อพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงของจิ่งชานก็เปลี่ยนไป “ โชคร้ายที่เรสกูโดนปราณสุสานครอบงำ นี่คือปราณของดินแดนแห่งการร่วงหล่น …”
ปราณที่ราชาตะวันออกไม่อาจจะต้านทานได้ แล้วผู้นำขั้น 8 จะต้านทานได้ยังไง ?
“ มันคือกรรมของเขาเอง ” จิ่งชานแสดงสีหน้าเสียดายออกมา แต่ในสายตาไม่ได้มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย
เยว่จ้งที่ยืนอยู่ข้างๆไม่พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของทัลซา จิ่งชานก็ตื่นเต้นขึ้นมา นี่คือความรู้สึกที่ตระกูลจิ่งต้องอดทนมาหลายปีก็เพื่อวันนี้ไม่ใช่รึ?
ตราบใดที่ได้สมบัติของราชาตะวันออกมา จิ่งชานก็มีหวังที่จะขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ตระกูลจิ่งจะกลับไปอยู่จุดสูงสุดของโกลาหลอีกครั้ง
“ ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำร้ายสาวงามหากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ” จิ่งชานพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
จิ่งชานหันกลับไปมองเยว่จ้งและพูดขึ้น “ เจ้าลงมือได้แล้ว ”
เมื่อได้ยินคำพูดของจิ่งชาน เยว่จ้งก็ตัวสั่นแต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับ เยว่จ้งได้ลบโล่พลังออกก่อนจะมุดลงไปในลาวา มันเหมือนกับเรสกู แต่ความต่างเพียงอย่างเดียวคือเยว่จ้งนั้นได้ทำการลบโล่พลังออกราวกับว่าจงใจให้ปราณสุสานรุกล้ำเข้ามาในตัว
เมื่อเข้าไปในลาวา ปราณสุสานก็ปะทุขึ้นก่อนจะรุกล้ำเข้าไปในตัวเยว่จ้ง
แปลกที่เยว่จ้งไม่ใช่แค่ไม่ชะงักแต่ยังเดินหน้าต่อ ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวและโดนครอบงำ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นหุ่นเชิด ปราณสุสานแผ่ออกมาจากตัวเขา หากเทียบกับเรสกูแล้ว เขาแผ่ปราณสุสานออกมามากกว่าเรสกูถึง 3 เท่า
ตูม !
ต่อมาวิญญาณของเยว่จ้งก็ถูกทำลายไป ปราณสุสานในตัวนางได้กระจายไปทั่วลาวาด้านล่าง
ผู้นำอีกคนตายไปแล้ว !
แต่จิ่งชานก็ยังแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมา ในทางกลับกันแล้วสายตาของเขากลับแสดงความตื่นเต้นออกมา “ เรสกูและเยว่จ้งผลาญปราณสุสานแทบหมดแล้ว สมบัติของบรรพชนอยู่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ ! ”
จากนั้นจิ่งชานก็มองไปที่ทัลซาและหัวเราะออกมา “ ต่อไปก็ตาเจ้าแล้ว ”
ทัลซาตัวสั่น ในมุมมองของนางนั้นรอยยิ้มของจิ่งชานไม่ต่างอะไรจากรอยยิ้มของปิศาจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เรสกูและเยว่จ้งต้องเจอแล้ว ทัลซาก็ตัวสั่นและถอยกลับ “ ไม่ ไม่…”
“ เจ้าต้องฟังคำสั่งของข้า ไม่มีทางเลือกอื่น ” รอยยิ้มของจิ่งชานหายไป “ หากเจ้าทำตามคำสั่งของข้า มันก็มีโอกาสที่จะรอดแต่หากเจ้าไม่ฟัง เจ้าก็ต้องตายตอนนี้ !” สีหน้าเขาเฉยเมยยิ่งกว่าเดิม “ ข้าไม่ได้พูดเล่น ! ”
ในสายตาจิ่งชานหรือแม้แต่ทั้งตระกูลจิ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรสกู, ทัลซารึเยว่จ้งต่างก็เป็นสิ่งของ พวกนี้คือเครื่องมือสำหรับพวกเขา เมื่อพวกนี้เป็นเครื่องมือ งั้นตราบใดที่มีประโยชน์มากพอ พวกเขาก็ยอมทิ้งเครื่องมือพวกนี้ได้ทุกเมื่อ
ทัลซาไม่รู้ว่าเธอเป็นทาสของตระกูลจิ่งจริงรึไม่แต่เธอไม่กล้าที่จะเสี่ยง
สุดท้ายทัลซาก็พุ่งลงไปในลาวาด้านล่าง นางเปิดโล่พลังพยายามจะต้านทานปราณสุสานเอาไว้ แม้ว่าไม่อาจจะต้านทานได้ทั้งหมดแต่ก็ไม่น่าจะเสียสติทันที แม้ว่าจะโดนครอบงำแต่ก็ยังมีโอกาสที่จะยังรอดชีวิต
ตอนที่ทัลซาผ่านผิวลาวาลงไป ปราณสุสานด้านล่างก็พุ่งเข้าหานาง โชคดีที่ปราณสุสานนั้นมีน้อยนิดไม่อาจจะทลายโล่พลังของนางได้ ตอนแรกทัลซาคิดว่านางต้องตายแต่เมื่อรอดมาได้ ไม่ต้องเดาเลยว่านางต้องดีใจจนสะอื้นไห้ออกมา
“ฮ่าฮ่า ! ได้ผล !” จิ่งชานเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น