ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1710 ปรากฏตัว
มันคุ้มค่าที่จะเสียผู้นำสองคนแลกกับสมบัติของราชาตะวันออกรึ ?
บางทีสำหรับตระกูลจิ่งแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงการสูญเสียผู้นำสองคน แม้ว่าจะต้องสูญเสียผู้นำทุกคนรึทั้งตระกูลจิ่งแต่พวกเขาก็คงไม่ลังเล
“ สมบัติของตระกูลห้ามให้ใครเอาไป ! ” จิ่งชานดูคลั่งขึ้นมา รอยยิ้มของเขาดูน่ากลัว
เขาไม่อาจจะอดใจรอได้และเตรียมพร้อมที่จะลงไปในลาวา
ตอนนั้นเองจางหยู, จ้านเทียนเกอและเบเกิลก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
จิ่งชานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปที่กลุ่มของจางหยู เมื่อเห็นว่ามีไม่กี่คนจิ่งชานก็โล่งอกทันที “ เบเกิล จางหยู “ เขาจำจางหยูและเบเกิลได้ทันที ปรากฏว่าเขารู้จักยอดฝีมือทั้งหมดในเขตตะวันออกตอนบน
“ พวกเจ้ามาที่นี่กันนานแค่ไหนแล้ว ?” จิ่งชานขมวดคิ้ว
จางหยูยังไม่ทันได้ตอบกลับ จิ่งชานก็พูดขึ้นต่อ “ ช่างเถอะ ไม่ว่าพวกเจ้าจะมากันนานแค่ไหนแต่เมื่อพวกเจ้ามาที่นี่แล้วก็ไม่อาจจะรอดไปไหนได้ ”
เขามองไปที่ทัลซาด้วยสีหน้าเฉยเมย “ เจ้ากับข้าร่วมมือกันกำจัดพวกนี้ก่อน ” เขาถือว่าตัวเองเป็นเจ้านายของทัลซา เขาได้สั่งการออกมา ถึงอย่างนั้นทัลซาก็ไม่มีความกล้าพอจะปฏิเสธ
“ เจ้ามั่นใจรึว่าจะสู้กับเรา ? ” เบเกิลถามขึ้นมา
จิ่งชานคิ้วขมวด เขาไม่ได้ใส่ใจเบเกิล แต่จ้านเทียนเกอนั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นตาแต่เขาไม่อาจจะจำได้ เขามองไปที่จ้านเทียนเกอแล้วพูดขึ้น “ เจ้าคือ..” เขายังคงนึกต่อ ตอนนั้นเองก็มีภาพของคนคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัว “ เป็นเจ้านี่เอง จ้านเทียนเกอ ”
เมื่อพูดชื่อของจ้านเทียนเกอออกมา จิ่งชานก็เหมือนจะตะกุกตะกักขึ้น
ทัลซามองจ้านเทียนเกอด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ จ้านเทียนเกอแล้วยังไง ?” จิ่งชานได้สติกลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เรามีผู้นำสองคน ทำไมต้องกลัวเจ้าแค่คนเดียว ? ”
เบเกิลหัวเราะออกมา “ แล้วหากนับรวมข้าเข้าไปล่ะ ?”
เมื่อพูดจบ เบเกิลก็ระเบิดพลังออกมา พลังอันน่ากลัวได้พัดปราณสุสานโดยรอบออกไป พลังนี้ไม่ได้ด้อยกว่าจิ่งชานหรือทัลซาเลย
“ เจ้ามาถึงระดับนี้ได้เร็วเช่นนี้เลยรึ ” จิ่งชานย่นคิ้ว “ ตามการคำนวณของตระกูลข้าแล้ว เจ้าไม่น่าจะมีพลังของผู้นำได้ ”
“ ข้าจะเอาสมบัตินี้ไป ข้าไม่คิดจะยุ่งเรื่องตระกูลเจ้าแต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว “ เบเกิลหรี่ตาลง “ หากจะฆ่าเรา งั้นเจ้าก็เตรียมตัวโดนเราฆ่าด้วย ”
ทายาทราชาตะวันออกแล้วยังไง ?
พวกเขาฆ่าไม่ได้รึไง ?
ไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของราชาตะวันออกได้ แต่ราชาตะวันออกน่ะตายไปหลายปีแล้ว นอกจากทาสที่ตระกูลจิ่งควบคุมเอาไว้ตั้งแต่เกิดแล้ว ใครกันจะสนใจทายาทของราชาตะวันออก?
“ ข้าเสียใจที่ข้าไม่ได้เกิดยุคเดียวกับราชาตะวันออก แต่มันก็ดีที่จะได้สู้กับทายาทของราชาตะวันออก“ จ้านเทียนเกอยืนอยู่บนลาวาและแผ่พลังออกมา แน่นอนหากเทียบกับราชาตะวันออกแล้ว จ้านเทียนเกอด้อยกว่ามาก ยังไงซะเขาก็ยังไม่เป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9
จิ่งชานใจหล่นวูบ เขาไม่อาจจะควบคุมสถานการณ์ได้
แต่เดิมแล้วเขาคิดว่าผู้นำแค่ 6 คนก็เพียงพอจะควบคุมสถานการณ์ได้ !
แต่ตอนนี้ด้วยการที่เรสกูและเยว่จ้งตายไป เขาก็เหลือผู้นำแค่ 3 คน อีก 2 คนไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยและคงต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางมาที่นี่ได้
“ พวกนั้นยังไม่รีบมากันอีกรึ ! ” จิ่งชานหงุดหงิดอย่างมาก
หากจางหยูและคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ในตอนที่เรสกูและเยว่จ้งยังไม่ตาย งั้นพวกเขาทั้งสี่ก็คงได้เปรียบ
บอกได้ว่าจางหยูและคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นในตอนที่กลุ่มของเขาอ่อนแอที่สุด !
“ ฮึ่ม !” จิ่งชานฮึดฮัดออกมา “ อย่าลำพองใจไปเลย เจ้ากับข้าก็เป็นผู้นำ แม้ว่าจ้านเทียนเกอจะแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่แล้วยังไง ? อีกไม่นาน กำลังเสริมของข้าก็จะมาถึง ตอนนั้นพวกเจ้าได้ตายแน่ ! ” เขาไม่ได้เห็นหัวจางหยู แม้ว่าจางหยูจะทดสอบผ่านถึงขั้น 7 ได้ในคราวเดียวและสามารถต่อต้านปราณสุสานโดยรอบได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจางหยูไม่ได้อ่อนแอ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะสู้กับผู้นำได้
เขาพูดขึ้น “ ข้าคงต้องบอกเจ้าว่าเซี่ยงอู่เซิงและอู๋ชิงโหรวนั้นเป็นคนของข้า ”
“ เลิกพูดไร้สาระแล้วรีบลงมือซะ ” เบเกิลไม่คิดจะเถียงกับจิ่งชาน
“ ช้าก่อน ” จิ่งชานสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ หากเจ้ารับปากว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ข้าจะแบ่งสมบัติให้กับเจ้า ! ”
เขาพยายามถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด “ เจ้าก็น่าจะรู้ว่าสมบัติที่ฝังอยู่ที่นี่น่ะคือสมบัติที่แท้จริงของราชาตะวันออก แต่ละชิ้นมีพลังทำลายล้างที่สูง แม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็ต้องอิจฉา ”
“ ฆ่าเจ้าแล้วสมบัติทั้งหมดจะเป็นของเรา ” จ้านเทียนเกอพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย
สีหน้าของจิ่งชานบิดเบี้ยวไป “ เจ้าคิดจะทำแบบนั้นจริงๆรึ ?” เขาพึมพำออกมา “ ข้าให้โอกาสเจ้าอยู่ หากเจ้าดื้อด้าน สุดท้ายเจ้าจะเสียใจ ! ”
“ ตายซะ !” จ้านเทียนเกอนั้นตรงไปตรงมากกว่าเบเกิล เขาไม่ได้พูดอะไรมากและไม่ได้สนใจที่จิ่งชานพูด ดาบในมือเขาได้ฟันออกไปราวกับจะตัดท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน
จิ่งชานหรี่ตาลงพร้อมกับใจที่เริ่มสั่น
เขาพลิกฝ่ามือพร้อมกับเข็มทองสามอันโผล่ออกมา แค่สะบัดเบาๆเข็มทองทั้งสามก็พุ่งใส่ใบมีดที่พุ่งเข้ามา
ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ตะโกนออกมา “ ยังไม่มาช่วยข้าอีกรึ ? หากข้าตาย เจ้าก็อยู่ต่อไม่ได้ ! ”
ชัดแล้วว่าเขาบอกกับทัลซา
ทัลซาลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็เตรียมที่จะโจมตี นางกำลังเข้าไปช่วยจิ่งชาน แต่ก็โดนเบเกิลหยุดเอาไว้ “ ตั้งแต่ที่เป็นผู้นำมา ข้าก็ไม่เคยสู้กับผู้นำคนอื่นเลย เจ้าไม่อยากเล่นกับข้าหน่อยรึ แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้หญิงแต่ก็มีชื่อเสียงมานาน หากสู้กับเจ้า คนอื่นคงบอกไม่ได้ว่าข้ารังแกเจ้า ”
ทัลซาแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา “ งั้นก็ลองดู ”
นางกางมือออกก่อนที่จะมีดาบเล่มใหญ่โผล่ขึ้นมาในมือ ดาบนี้ดูหนาและหนัก มันแผ่แรงกดดันราวกับขุนเขาออกมา ภาพลักษณ์ของนางดูแข็งแกร่งขึ้นมาทันที กล่าวได้ว่าตอนที่นางถือดาบนางดูเปลี่ยนไปอย่างมาก นางดูเข้ากับดาบได้อย่างสมบูรณ์ราวกับว่าดาบนี้ถูกสร้างมาเพื่อนาง
“ ผู้หญิงกับดาบใหญ่นี้หาได้ยาก ” เบเกิลยักคิ้วก่อนจะเรียกดาบใหญ่ออกมาเช่นกัน “ กลับเป็นว่าข้าก็ใช้ดาบใหญ่เช่นกัน “
ทัลซายักคิ้วพร้อมสายตาที่อาฆาต
ทัลซาก้าวเหยียบลาวาด้านล่างก่อนจะพุ่งเข้าใส่เบเกิล ร่างกายที่ดูบอบบางของนางกลับระเบิดพลังอันมหาศาลออกมา พลังที่ราวกับไม่มีใครจะหยุดได้
ในพริบตาเบเกิลและทัลซาก็ปะทะกัน ความแข็งแกร่งของทัลซานั้นโดดเด่น เบเกิลไม่ใช่แค่โดนอีกฝ่ายยื้อเอาไว้แต่ยังเสียเปรียบอีกด้วย ถึงอย่างนั้นทุกคนต่างก็เป็นผู้นำ แม้ว่าเบเกิลจะใช้พลังสร้างได้ด้อยกว่าแต่ก็ไม่ได้เป็นภัยถึงชีวิตในเวลาสั้นๆ
“ ฝั่งหนึ่งคือจ้านเทียนเกอและจิ่งชาน อีกฝั่งคือเบเกิลกับทัลซา ” จางหยูไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
เขามองลงไปที่ลาวาด้านล่างก่อนจะเดินลงไปทีละก้าวๆ เขาสงสัยว่ามีสมบัติอะไรอยู่ที่นี่ ?
ตระกูลจิ่งใช้เวลาถึง 1.3 ล้านปีผ่านความยากลำบากและถึงกับยอมเสียผู้นำสองคนเพื่อสมบัตินี้รึ ?
ทุกคนเห็นการกระทำของจางหยู แต่ไม่มีใครเข้าไปหยุดจางหยู จ้านเทียนเกอและเบเกิลเชื่อในความแข็งแกร่งของ จางหยู ดังนั้นจึงไม่ได้หยุดเขาไว้ ส่วนจิ่งชานและทัลซานั้นเพราะสู้อยู่จึงไม่อาจจะปลีกตัวออกมาได้ ทั้งสองทำได้แค่มองจางหยูเดินไปที่ลาวาทีละก้าวๆ
ตอนที่ห่างจากลาวาแค่เมตรเดียวจางหยูก็หยุดก่อนจะมองไปที่สมบัติในลาวา
แม้ว่าจะไม่เห็นรูปร่างของมันชัดเจน แต่จากตำแหน่งของมันแล้วก็พอจะบอกได้ว่ามีสมบัติทั้งหมด 5 ชิ้น
มี 4 ชิ้นที่มีขนาดไม่ใช่น้อย มันกินพื้นที่อย่างมาก แต่สมบัติชิ้นเล็กกลับทำให้จางหยูสนใจมากที่สุด มันคล้ายกับม้วนคัมภีร์ขนาดเท่ากับแขนและมีหนังสีดำมัดเอาไว้