ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1712 สมบัติทั้ง 5
“ เมื่อเจ้าได้สมบัติไปแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้ามีสมบัติเหลือ 5 ชิ้น ” ราชาตะวันออกมองไปรอบๆ ก่อนจะมองไปที่จางหยูและคนอื่นๆ “ สมบติทั้ง 5 ชิ้นนี้ ชิ้นแรกคือพาหนะมิติ ความเร็วของมันสูงจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะใช้เดินทางรึหนีเอาตัวรอดต่างก็เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม มันคือสมบัติที่ทำให้ข้าอยู่รอดมาได้ถึงวันนี้ ”
ทุกคนฟังอยู่เงียบๆ
“ สมบัติชิ้นที่สองคือหินแห่งการสร้างขั้นเทพ หินนี้ข้าได้ใช้ความพยายามนับไม่ถ้วนรวมไปถึงผลลัพธ์การบ่มเพาะทั้งชีวิตสร้างมันขึ้นมา แต่ก็ได้แค่ชิ้นเดียว มันมีค่าเหนือกว่าหินแห่งการสร้างขั้นเทพในทุกโลก !” ราชาตะวันออกมั่นใจเป็นอย่างมาก นี่คือความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง “ เมื่อได้มันไปแล้ว แม้แต่พวกที่มีพรสวรรค์ทั่วไปก็ยังมีโอกาสขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ! มันไม่ใช่เพราะอะไรอื่น มันเพราะข้าได้สร้างมันขึ้นมา ! มันคือการสร้างทั้งชีวิตของข้า ! ”
มีแค่ราชาตะวันออกเท่านั้นที่หยิ่งทะนงและมั่นใจเช่นนี้ได้
“ หลังจากที่พวกเจ้ารู้ถึงสมบัติทั้งสองแล้ว พวกเจ้าคงตื่นเต้นกันอย่างมากสินะ ?” จิ่งยงหัวเราะออกมา “ แต่ไม่ต้องกังวลไป สมบัติอีก 3 ชิ้นนั้นก็ไม่ด้อยกว่าสองชิ้นแรก ”
ราชาตะวันออกได้พูดขึ้นต่อ “ สมบัติชิ้นที่สามคือต้นอ่อน เอาจริงๆแล้วข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเดินทางอยู่ในโกลาหลและได้พบกับมันเข้า หลังจากที่ตรวจสอบดูดีๆแล้วข้าก็พบว่าต้นอ่อนนี้แผ่พลังลึกลับออกมา พลังลึกลับนี้ทำให้มิติรอบข้างเสถียรขึ้น…ข้าคิดว่ามันต้องเป็นสมบัติพิเศษแต่ข้าไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง ผ่านมาหลายปีมันก็ยังเป็นต้นอ่อนเช่นเดิม ตอนนั้นกับตอนที่ข้าเพิ่งจะได้มันมาก็ดูไม่ต่างอะไรกันเลย บางทีมันอาจจะโตได้ไม่ถึงนิ้วด้วยซ้ำแต่ที่แน่นอนคือมันต้องโดดเด่น หากเราหาวิธีการใช้งานมันได้ บางทีมันอาจจะมีบทบาทที่น่าเหลือเชื่อ ” เขาพูดด้วยความมั่นใจ
จางหยูและคนอื่นๆพากันคิดว่าต้นอ่อนคืออะไร แต่ราชาตะวันออกก็พูดขึ้นต่อ “ สมบัติชิ้นที่ 4 ….สมบัติชิ้นนี้คือตราของข้า เจ้าสามารถสั่งการคนทั้งหมดที่เป็นบริวารของข้าได้ แม้แต่คนในตระกูลข้าก็ด้วยแต่หลังจากที่ผ่านมานานคนที่ภักดีกับข้านั้นคงจะตายไปเกือบหมดแล้ว ตรานี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมาก พวกนั้นจะทำตามคำสั่งของเจ้ารึไม่นั้นข้าก็ยังไม่มั่นใจ ”
เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ เมื่อได้ตรานี้ไป การจะใช้มันควรจะคิดเป็นอย่างดีแล้ว บางทีมันอาจจะทำให้เจ้าประหลาดใจ หรือบางทีมันอาจจะนำจุดจบมาให้กับเจ้าก็ได้”
อำนาจของเขาหมดลงไปแล้วกับเวลาที่ผ่านมายาวนาน แม้ว่าราชาตะวันออกจะมั่นใจในตัวเองแต่ก็ไม่กล้าบอกว่าผ่านมา 1.3 ล้านปีนี้ตราของเขาจะมีบทบาทแบบในอดีต ยังไงซะใจคนก็ยากจะเดาได้
ราชาตะวันออกส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ สมบัติชิ้นสุดท้าย มันคือคัมภีร์ ที่ข้าพูดถึงมันสุดท้าย…เพราะคัมภีร์นี้ไม่ใช่ของข้า แต่ข้าได้มันมาจากดินแดนแห่งการร่วงหล่น! ข้าพบมันที่ยอดวิหาร มันอยู่กับรูปปั้น คัมภีร์นี้ได้บันทึกความลึกลับของดินแดนแห่งการร่วงหล่นเอาไว้ ! ” จางหยูและคนอื่นๆไม่แปลกใจเลยที่คัมภีร์นี้จะมีปราณสุสานที่น่ากลัว
ปราณสุสานในคัมภีร์หากเทียบกับปราณสุสานที่นี่แล้วน่ากลัวกว่ามาก แม้แต่จางหยูที่เป็นกึ่งผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็ยังเกือบรับมือไม่ได้
หากราชาตะวันออกรู้ว่าปราณสุสานในคัมภีร์ได้ฆ่าลูกหลานของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงท่าทียังไง ?
“ ดินแดนแห่งการร่วงหล่นมีความลับสูงสุด ความเป็นจริงอันโหดร้ายได้ถูกปกปิดเอาไว้ ” สายตาของจิ่งยงแสดงความโศกเศร้าออกมา “ แม้ว่าคัมภีร์จะมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ และมีแค่สามคำที่ถูกบันทึกเอาไว้แต่ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความสิ้นหวัง…”
ทำให้ผู้ควบคุมขั้น 9 ระดับสูงสิ้นหวังได้ มันยากจะคิดได้ว่ามีอะไรอยู่ในคัมภีร์นี้
“ คัมภีร์นี้มีความจริงส่วนหนึ่งเกี่ยวกับโกลาหลที่เจ้าอยากจะรู้ มันไม่ใช่สมบัติ ในทางกลับกันแล้วมันคือความรับผิดชอบ..” ราชาตะวันออกพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ หากเจ้ามั่นใจ, แข็งแกร่งและแน่วแน่พอที่จะเชื่อว่าเจ้าจะขึ้นไปจุดสูงสุดของโกลาหลได้ งั้นก็เปิดมันซะ ไม่งั้นแล้วข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเปิดมันจะดีกว่า ”
สีหน้าของเขาเคร่งเครียดอย่างมาก “ จำไว้ว่าหากเจ้าไม่แข็งแกร่งเพียงพอก็อย่าเปิดมัน ! ”
มันยากที่จะคิดได้ว่าคัมภีร์นี้มีอะไรถึงทำให้ราชาตะวันออกย้ำกับพวกเขาแบบนี้
“ นี่คือสมบัติของข้า ใครก็ตามที่ได้มันไป ข้าหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อเจ้า ” ราชาตะวันออกแสดงสีหน้าอ่อนโยนออกมา “ นอกจากนี้หากเจ้าว่าง เจ้าก็ดูแลลูกหลานของข้าด้วย แน่นอนว่าหากพวกนั้นทำอะไรผิดไป ขอให้เจ้าจงมองข้ามด้วย ข้าจิ่งยงเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าไม่อยากให้คนของข้าในอนาคตทำให้ข้าเสียชื่อเสียง ”
เมื่อพูดจบราชาตะวันออกก็ค่อยๆสลายไป
ลาวาได้ลงกลับไปที่ภูเขาไฟทันที
“ ราชาตะวันออก เขา…” จ้านเทียนเกอถอนหายใจออกมา “ น่าชื่นชมจริงๆ ! ”
ในฐานะผู้นำในตำนานแล้ว เขามั่นใจว่าตัวเองจะขึ้นไปขั้นที่ 9 ได้ เขาไม่เคยชื่นชมใคร แม้แต่จางหยูเขาก็ไม่แสดงความชื่นชมออกมา แต่ต่อหน้าราชาตะวันออกแล้ว จ้านเทียนเกอกลับแสดงความชื่นชมออกมา
“ น่าเสียดาย…” เบเกิลแสดงท่าทีชื่นชมและเสียดายออกมา “ ผู้ควบคุมขั้น 9 ที่เก่งกาจแบบนี้กลับตายไป ”
หากราชาตะวันออกไม่เข้าไปในดินแดนแห่งการร่วงหล่น เขาก็คงไม่ตาย ในโกลาหลก็ไม่มีใครเป็นภัยต่อเขาได้
“ ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ ” จางหยูส่ายหน้า “ บางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนของเขา ”
แม้ว่าจางหยูจะไม่เชื่อในโชคชะตาแต่บางอย่างก็มีแต่โชคชะตาที่อธิบายได้
ทัลซาใจสั่นแต่ต่อหน้ากลุ่มของจางหยูแล้ว นางไม่กล้าที่จะพูดออกมา
จ้านเทียนเกอ, เบเกิลนั้นเพียงพอที่จะบดขยี้นางได้แล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้ควบคุมขั้น 9 อย่างจางหยูเลย !
“ เจ้าสำนัก ” ตอนนั้นจ้านเทียนเกอก็ได้พูดขึ้นมา “ เราจะทำยังไงกับนางดี ?”
เบเกิลมองไปที่จางหยู แต่ไม่ใช่สายตาที่มองน้องชายอีกต่อไป แต่เป็นมองคนที่แข็งแกร่ง เขาถึงกับสงสัยว่าจางหยูจงใจปิดบังพลังเอาไว้เพื่อที่จะปั่นหัวเขา
ทัลซากังวลอย่างมาก นางผ่านความลำบากมานับไม่ถ้วนและได้พยายามอย่างมากกว่าจะสำเร็จถึงระดับนี้ได้ นางไม่อยากตายแบบนี้
“ อย่าโทษเราเลย..” จางหยูถอนหายใจออกมา “ เจ้าต้องตาย ไม่งั้นแล้วหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป มันอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้น..แม้ว่าเราจะปล่อยเจ้าไป แต่ตระกูลจิ่งคงไม่ปล่อยเจ้าไป ยังไงซะเมื่อจิ่งชานตายไปแต่เจ้ากลับไม่ตาย มันก็น่าสงสัย ” ในเมื่อทัลซาต้องตาย มันจะดีกว่าที่จะตายด้วยฝีมือของพวกเขาเพื่อลดความเสี่ยง
ทัลซาตัวสั่น
สายตาของนางหม่นหมองลงก่อนที่นางจะยิ้มออกมา “ ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ”
นางไม่คิดจะต่อต้าน นางรู้ว่าต่อหน้าความแข็งแกร่งเช่นนี้ต่อต้านไปก็ไร้ค่า
“ ข้าอยากถามท่านหนึ่งคำถาม ” ทัลซามองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น “ ท่านเข้ามาในสุสานขั้นที่ 9 ได้ยังไง ?”
สุสานขั้น 9 ไม่อาจจะทนรับพลังของผู้ควบคุมขั้น 9 ได้ นางไม่เข้าใจว่าจางหยูเข้ามาได้ยังไง
จางหยูแผ่จิตผู้สร้างออกมาเปลี่ยนเป็นคุกขังทัลซาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “ เมื่อต้องตาย มันก็ไม่จำเป็นต้องไขข้อสงสัย ” เมื่อพูดจบคุกนั้นก็หดลง สุดท้ายมันก็เปลี่ยนเป็นมือและลบจิตของทัลซาไป
ผู้นำได้ตายไปอีกคน
“ไปหาคนอื่นกันเถอะ ” จางหยูหันกลับมาและบินไปยังทางออกของสุสาน “ เราได้สมบัติมาแล้ว เมื่อออกไปแล้วเราค่อยเจรจากัน ”