ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1720 จ้าวแห่งโลกพันเขต
จางหยูพูดขึ้นมา “โกลาหลนั้นกว้างใหญ่ ข้าจะไปหาเขาจากที่ไหน ?”
ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 แข็งแกร่งก็จริงแต่ไม่แกร่งพอที่จะตรวจสอบทั่วทั้งโกลาหล
นี่ไม่ต้องพูดถึงทั้งโกลาหลเลย แค่เขตตะวันออกตอนบน จางหยูก็ไม่อาจจะตรวจสอบได้หมด
“ ทำยังไงกันดี ?” จางเฮ่าหลันกังวล “เด็กนี่คอยช่วยศิษย์และอาจารย์ในสำนักมาตลอดในช่วงแรก สำนักคังเฉียงอาจจะพัฒนามาถึงระดับนี้ไม่ได้หากไม่มีเขา เราจะมองข้ามเขาได้ยังไง ?”
จางหยูเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “ ข้ายังไม่มีเบาะแสในตอนนี้ ข้าคงได้แค่ค่อยๆตามหาตัวเขา” เขามองไปที่จางเฮ่าหลันแล้วพูดขึ้น “ ข้าจะบอกท่านตามตรง ข้าจะหาทางแต่รับรองไม่ได้ว่าจะหาเขาเจอ ท่านควรเผื่อใจไว้บ้าง”
แม้ว่าจะมีเบาะแสอยู่บ้างแต่เขาก็ไม่คิดจะพูดไป ปัญหาคือการหายตัวไปของเนี่ยเวิ่นนั้นแปลกประหลาดเกินไป เขาไม่มั่นใจว่าจะตามหาตัวเนี่ยเวิ่นเจอ
จางเฮ่าหลันถอนหายใจออกมา “ ดูเหมือนว่าคงจะเป็นเช่นนั้น”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่อนี้งเลย นี่หินขั้นเทพ ข้ารบกวนท่านแจกจ่ายมันให้กับคนในสำนักด้วย “ จางหยูส่งหินขั้นเทพที่เตรียมมาให้กับจางเฮ่าหลัน “ ตามกฎเดิม คนละก้อน ส่วนที่เหลือนั้นท่านก็เก็บเอาไว้เผื่อว่าจำเป็นต้องใช้”
หินขั้นเทพนี้มีพลังของผู้ควบคุมขั้น 9 !
ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 หลายคนไม่สนใจสร้างหินระดับนี้ขึ้นมาเพราะมันใช้เวลาและพลังมากเกินไป !
ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ทั่วไปนั้นจะทำให้พวกเขาสร้างหินขั้นเทพที่ไม่ต่างจากหินขั้นสวรรค์มากนัก คุณค่าของมันเกือบจะเท่ากัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสร้างหินขั้นเทพขึ้นมา
“ หินขั้นเทพรึ ?” จางเฮ่าหลันตาเป็นประกาย “ อีกทั้งยังเยอะอีกด้วย !”
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้น “ข้าเก็บตัวมานาน ทำให้ความเข้าใจของข้าพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ตอนนี้การสร้างหินขั้นเทพจึงง่ายกว่าเดิม”
จางหยูพูดขึ้นต่อ “ต่อไปข้าจะไปยังสำนักงานใหญ่ของวิหารอวี๋ฮุ่น เรื่องของสำนักนั้นคงต้องฝากท่านดูแล”
“ สำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่นงั้นรึ ?”
“ จ้าววิหารเชิญข้าเข้าพบ”
“ มันไม่อันตรายรึ ?”
“ มันไม่น่าจะอันตรายอะไร” จางหยูพูดขึ้น “ บางทีพวกเขาอาจจะเอาตราขั้นที่ 9 ให้กับข้ารึอาจจะเป็นเรื่องอื่น”
จางเฮ่าหลันพูดขึ้น “ หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ แต่อย่าลืมตามหาเนี่ยเวิ่น”
“ ข้าจำได้” จางหยูเองก็สนใจเรื่องนี้เช่นกันแต่เขาไม่คิดว่าเขาจะหาตัวเนี่ยเวิ่นเจอทันที
…
หลังจากที่บอกลาจางเฮ่าหลัน จางหยูก็ไปหาจ้านเทียนเกอและคนอื่นๆ
จ้านเทียนเกอและเบเกิลยังอยู่ขั้นที่ 8 ระดับการบ่มเพาะไม่ได้พัฒนาขึ้นมามากนักแต่ความเข้าใจของพวกเขานั้นเหมือนจะทะลวงผ่านได้แล้วโดยเฉพาะจ้านเทียนเกอ เขาห่างจากขั้น 9 แค่เพียงก้าวเดียว บางทีครั้งหน้าที่พบกันอีก จ้านเทียนเกออาจจะขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 ได้
หลินเป่ยชาน, เกลดันและคนอื่นๆก็ก้าวหน้าไม่ใช่น้อย คนของเบเกิลต่างก็ขึ้นมาถึงขั้นที่ 8 ระดับสูงกันแล้ว รวมไปถึงจงหรานและลู่ติงที่ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ หลินเป่ยชานและเกลดันเองก็เช่นกัน
ซานเหอและเหยียนอู้ก็ขึ้นมาถึงขั้นที่ 8 และยังเป็นระดับสูงอีกด้วย การเติบโตของทั้งสองไม่ได้ด้อยกว่าคนในทีมของเบเกิลเลย เดาว่าอีกไม่นานคงขึ้นมาถึงระดับหลินเป่ยชาน
ทั้งสำนักคังเฉียงรวมถึงคนมากมายที่เกี่ยวข้องกับจางหยู ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก โลกป่าตอนนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเขตตะวันออกตอนบนแล้ว
…..
หลังจากที่อยู่ในโลกป่า 2-3 วัน จางหยูก็ออกเดินทางอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาเดินทางไปคนเดียว เป้าหมายของเขาคือสำนักงานใหญ่ของวิหารอวี๋ฮุ่น
นี่คือวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโกลาหล !
การเดินทางไปเขตใต้ตอนล่างนั้นมีระยะทางที่ยาวไกล มันต้องเดินทางผ่านเขตตะวันออกตอนบนและเขตใต้ตอนบน จากนั้นก็ข้ามเขตใต้ตอนบนเพื่อเข้าสู่เขตใต้ตอนล่าง ต้องผ่านโลกขั้นที่ 9 นับไม่ถ้วนก่อนจะไปถึงโลกอวี๋ฮุ่นได้
ด้วยความเร็วของจางหยูในตอนนี้แล้ว หากเป็นการเดินทางปกติ มันต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะไปถึง แต่ด้วยพาหนะมิติที่ได้มา เขาก็สามารถย่นเวลาลงหลายเท่า หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง อย่างมากก็คงใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีเขาก็จะไปถึงโลกอวี๋ฮุ่นได้
ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่านั้น
สำหรับจางหยูก่อนหน้านี้แล้วเขาอาจจะใช้เวลาหลายเดือนรึหลายปีในการเดินทางข้ามเขต และอาจจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี แต่สำหรับจางหยูในตอนนี้แล้วเขาสามารถเดินทางข้ามเขตได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่เดือน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงระยะเวลาที่ใช้ในการข้ามเขต หากจะเดินทางทั่วเขตตะวันออกตอนบน เดาว่ามันคงใช้เวลาหลายสิบเท่ารึหลายร้อยเท่า ถึงจะเดินทางทั่วเขตตะวันออกตอนบน
“ หากข้าจำไม่ผิด ผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ภักดีต่อราชาตะวันออกนั้นอยู่ที่ชายแดนเขตตะวันออกตอนบน…” จางหยูผ่านที่นั่นพอดี เขาแค่ต้องเสียเวลาเล็กน้อยเพื่อไปยังโลกนั้น “ เมื่อได้เดินทางออกมาแล้ว ข้าก็ควรไปพบเขาหน่อย”
หลังจากขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 การรับรู้ของเขาก็พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรมากนัก
จางหยูใช้พาหนะมิติเดินทางมุ่งหน้าไปยังโลกพันเขต ไม่ว่าเขาจะได้อะไรกลับมาจากโลกนี้รึไม่แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงซะราชาตะวันออกก็ตายมา 1.3 ล้านปีแล้ว ทาสผู้ควบคุมขั้นที่ 9 จะยังจงรักภักดีอยู่รึไม่ก็ไม่อาจจะรู้ได้
ไม่กี่เดือนต่อมา จางหยูก็มาถึงโลกพันเขต
แม้ว่าจะผ่านมา 1.3 ล้านปีแล้วแต่โลกนี้ก็ยังคงอยู่ หากเทียบกับโลกอื่นๆในเขตตะวันออกตอนบนแล้วโลกนี้น่ะดูเก่าแก่
เมื่อเข้ามาในโลกนี้ จางหยูก็ได้เดินทางตามข้อมูลที่ตราให้มาก่อนจะพบเกาะแห่งหนึ่ง เกาะนี้มีขนาดใหญ่ มันใหญ่กว่าโลกขั้นที่ 9 ที่กำเนิดขึ้นใหม่เสียอีก เกาะนี้มีคนอยู่กว่าพันล้านคน ไม่ว่าจะกุยหยวนหรือผู้ควบคุมขั้นต่ำก็มีอยู่ทั่วทุกที่ เกาะแห่งนี้ราวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศูนย์รวมของยอดฝีมือทั้งโลก
จางหยูกวาดตามองไปที่เกาะแห่งนั้นก่อนจะพบกับผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ที่อยู่ในทะเลหมอก !
สิ่งที่เรียกว่าทะเลหมอกนั้นคือส่วนที่ลึกลับและอันตรายที่สุดของเกาะ ผู้คนเรียกที่นี่ว่าเขตหวงห้าม มันตั้งอยู่ในหุบเหว
จางหยูเดินทางไปที่นั่นทันที
เมื่อมีตราในมือ ตอนที่เดินทางเข้าไปในทะเลหมอกนั้น หมอกก็ได้ถอยห่างออกจากเขา
“ แสดงตัวด้วย” เมื่อมาถึงจุดที่หมอกหนาแน่นที่สุด จางหยูก็หยุดและยกตราขึ้นก่อนจะพูดขึ้นมา
ผ่านไปสักพักหมอกรอบตัวจางหยูก็สลายไปเผยให้เห็นคฤหาสน์อันงดงามออกมา
จางหยูยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีชายแก่ผมเงินปรากตัวขึ้นมาตรงหน้า เขามองไปที่ตราในมือจางหยูด้วยท่าทีสงสัย
“ เจ้าคือทายาทของราชาตะวันออกรึ ?” จ้าวแห่งโลกพันเขตถามขึ้นมา
“ ไม่” จางหยูส่ายหน้า
“ งั้น…เจ้าก็คือจางหยูสินะ ?” เหมือนเขาเคยได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในสุสานของราชาตะวันออก
จางหยูพยักหน้า “ ผ่านมา 1.3 ปีล้านปีแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่”
ก่อนหน้านี้จางหยูไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่ เขาจึงแปลกใจอย่างมาก
ชายแก่ไม่อ้อมค้อมและพูดขึ้นมา “ ข้ารับปากกับราชาตะวันออกแล้ว ใครที่มีตรานี้ข้าจะรับใช้ 100 ปี เมื่อครบกำหนด ข้าก็จะได้อิสระกลับมา” เขามองไปที่จางหยู “ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นทายาทราชาตะวันออกหรือจางหยู แต่ตราบใดที่เจ้ามีตรานี้ ข้าก็จะรับใช้เจ้า 100 ปี นี่คือสิ่งที่ข้ารับปากกับราชาตะวันออกเอาไว้”
การได้ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 มาช่วย แน่นอนว่าจางหยูพอใจอย่างมากแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นนัก
“ ข้าถามอะไรเจ้าได้รึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา “ ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน ?”