ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1723 ปฏิเสธ
“ วิหารอวี๋ฮุ่นไม่รับขั้นที่ 9 ธรรมดา ” จางหยูยักไหล่ “ ทำไมผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ถึงไม่ได้มีค่าเหมือนกัน ?”
ผู้ควบคุมขั้น 9 คือตัวตนที่ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ยกย่องไม่ใช่รึ ?
แต่จากปากของจ้าววิหารแล้ว พวกเขากลับกลายเป็นแค่ขยะข้างทาง หากผู้ควบคุมขั้น 9 คนอื่นได้ยินเข้า ไม่รู้เลยว่าพวกนั้นจะรู้สึกยังไง
“ มันก็เกินไปที่จะเรียกว่าธรรมดา ” จ้าววิหารพยักหน้า “ แต่วิหารอวี๋ฮุ่นน่ะแค่รักษามาตรฐานเอาไว้ เราเชิญคนที่ผ่านเกณฑ์เท่านั้น” เขามองไปที่จางหยูและไม่ปิดบังว่าเขาเองก็ชื่นชมจางหยู “ ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องเจ้ามา เจ้าเกิดมาในโลกที่ไม่ใช่โลกขั้นที่ 9 แท้ด้วยซ้ำแต่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเจ้ากลับประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง เจ้าน่ะใช้เวลาไม่ถึงหมื่นปีก็ขึ้นมาขั้นที่ 9 ได้ ในประวัติศาสตร์ของโกลาหลแล้วเจ้าเป็นคนแรกที่ทำได้ !”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวแห่งโลกพันเขตที่ยืนอยู่ข้างๆก็ต้องตะลึง
“ หมื่นปีอาจจะเป็นแค่งีบเดียวสำหรับเราแต่ในเวลาสั้นๆแบบนี้เจ้ากลับเติบโตขึ้นมาถึงขั้น 9 ได้ มันถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ !” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จ้าววิหารก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีแปลกใจออกมา “ พรสวรรค์และโชคเช่นนี้ จางหยู เจ้าน่ะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ !”
จางหยูยิ้มรับ “ ชมเกินไปแล้ว”
ชัดแล้วว่าจ้าววิหารตรวจสอบเขาได้ไม่ละเอียดพอ อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาเกิดใหม่มาหลายครั้งแล้ว
แน่นอนว่าถึงจะรวมเวลาในชีวิตก่อนแต่มันก็ไม่ถึง 1 ยุค ความสำเร็จแบบนี้ก็ยังถือว่าน่าประทับใจ
“ ในอดีตเรามียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากรวมไปถึงราชาตะวันออก แต่แม้ว่าจะเอาความสามารถพวกนั้นมารวมกัน แต่เจ้าก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง มันแสดงให้เห็นแล้วว่าโชคกับพรสวรรค์ของเจ้านั้นสูงส่งแค่ไหน ” จ้าววิหารพูดขึ้น “ คนแบบเจ้าคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุด ! ”
ไม่มีใครมองข้ามพรสวรรค์ระดับนี้ได้ แม้ว่าจางหยูจะไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาแต่ก็ยังได้รับความสนใจจากวิหารอยู่ดี
จ้าววิหารสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วมองไปที่จางหยู “ เข้าร่วมกับเรา เจ้ามีทั้งโชคและพรสวรรค์ที่น่ากลัว ส่วนเรามีทรัพยากรมากที่สุดในโกลาหล เมื่อรวมกันแล้วเจ้าจะสร้างปาฏิหาริย์และความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ด้วยการร่วมมือกับเรา! 100 เท่าอาจจะเป็นแค่เกณฑ์ขั้นต่ำ ข้าเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์ของเจ้าและทรัพยากรที่เรามีนั้นในอนาคตเจ้าจะต้องขึ้นไปถึงระดับพันเท่าได้แน่ เจ้าอาจจะมีหวังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาตะวันออกก็ได้ ! ”
นี่คือตำนานที่ทุกคนถวิลหา
หากวิหารอวี๋ฮุ่นมีคนแบบนั้นกำเนิดขึ้นมา มันคงสร้างชื่อเสียงให้กับวิหารอวี๋ฮุ่นอย่างมาก
ตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกันอยู่แล้วแต่เมื่อเทียบกับยุครุ่งโรจน์แล้วมันก็ต่างกันอย่างมาก มันเรียกได้ว่าตกต่ำเลยก็ว่าได้
แน่นอนแม้ว่าวิหารอวี๋ฮุ่นจะตกต่ำลงมาแต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขา พวกเขายังมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งและกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโกลาหลอยู่
แต่วิหารอวี๋ฮุ่นในตอนนี้ไม่มีพลังเพียงพอที่จะปกครองโกลาหล
“ ราชาตะวันออกรึ ?” จางหยูอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ความเข้าใจของเขาได้ขึ้นไปถึงขีดจำกัดของขั้นที่ 9 แล้ว มันอยู่ระดับหมื่นเท่าแต่การใช้พลังนั้นยังตามไม่ทัน ตราบใดที่เขาตั้งใจงั้นก็ใช้เวลาไม่นาน เขาก็จะขึ้นไปทัดเทียมกับราชาตะวันออกได้ เขาจะกลายเป็นราชาที่แท้จริง เพราะแบบนั้นทรัพยากรของวิหารอวี๋ฮุ่นจึงไม่อาจจะทำให้เขาสนใจได้
ภายใต้สายตาจริงใจของอีกฝ่าย จางหยูก็ไม่ลังเลที่จะปฏิเสธ “ ขอโทษด้วย ข้ายังไม่คิดที่จะเข้าร่วมวิหารอวี๋ฮุ่น”
“ ทำไม?” จ้าววิหารไม่คิดว่าจางหยูจะปฏิเสธ “ เราคงอยู่มาไม่รู้กี่ยุค ไม่มีกองกำลังไหนที่เทียบกับเราได้ ด้วยความช่วยเหลือจากเราแล้ว เจ้าจะขึ้นไปถึงระดับ 100 เท่าในเวลาที่สั้นที่สุดรึอาจจะพันเท่าก็ได้ …” เขาคิ้วขมวดและพูดต่อ “ หากเจ้ากังวลเรื่องอิสระ งั้นข้าจะบอกเลยว่าวิหารจะไม่จำกัดอิสระของเจ้า ตราบใดที่เจ้าเป็นคนของเรา เมื่อเราต้องการให้เจ้าช่วย เจ้าแค่มาช่วยเราก็พอ เราต้องการเพียงเท่านั้น”
เงื่อนไขเปิดกว้างแบบนี้แม้แต่ตอนที่จ้าววิหารเข้าร่วมก็ยังไม่ได้เงื่อนไขที่ดีแบบนี้เลย
นี่คือเงื่อนไขที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวิหารอวี๋ฮุ่น
“ ขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับข้า ” จางหยูยังคงส่ายหน้า “ แต่ข้าชอบความอิสระ ข้าไม่อยากข้องแวะเรื่องผิดถูกของใคร…” วิหารอวี๋ฮุ่นนั้นมีอำนาจแทบจะปกครองทั้งโกลาหลแต่ปัญหาของวิหารเองก็มีมากเช่นกัน มันมีหลายคนที่คิดจะควบคุมวิหารแห่งนี้ จางหยูไม่สนใจที่จะเข้าไปยุ่งด้วย “ เมื่อเจ้าตรวจสอบข้าแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าเองก็มีกองกำลังของตัวเอง ข้าเป็นเจ้าสำนักของสำนักคังเฉียง ข้าต้องรับผิดชอบสำนัก หากข้าเข้าร่วมกับวิหารอวี๋ฮุ่น หากในอนาคตวิหารอวี๋ฮุ่นกับสำนักคังเฉียงมีเรื่องขัดแย้งกัน แล้วข้าจะทำตัวยังไง ?”
เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าพูดว่าไม่มีทางเกิดขึ้น?
สำนักคังเฉียงพัฒนาขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานมันจะเป็นภัยต่ออำนาจของวิหารอวี๋ฮุ่น
เมื่อถึงวันนั้นเขากลัวว่าท่าทีของวิหารอวี๋ฮุ่นจะไม่เป็นมิตรดังเดิม
“ เจ้าคิดว่าแค่มีเจ้าจะทำให้สำนักคังเฉียงทัดเทียมกับวิหารอวี๋ฮุ่นได้รึ ?” จ้าววิหารราวกับได้ยินเรื่องตลก “ สำนักคังเฉียงจะคุกคามวิหารอวี๋ฮุ่นได้รึ ?”
“ ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่อนาคตก็ไม่แน่ ” จางหยูยิ้มออกมา
“จางหยู ข้าคิดว่าเจ้าน่ะมีพรสวรรค์ แต่ดูเหมือนว่านอกจากพรสวรรค์แล้ว ความคิดของเจ้าก็ไม่ต่างจากผู้ควบคุมขั้นที่ 9 คนอื่นๆนัก…” จ้าววิหารมีชีวิตอยู่มานาน เขาได้เห็นยอดฝีมือมานับไม่ถ้วน เขาถึงกับเคยเผชิญช่วงเวลาอันโหดร้ายกับราชาตะวันออกมา แต่ก็ยังยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือพวกเขายังปกครองโกลาหลมาโดยตลอดและยังไม่สูญเสียอำนาจนี้ไปง่ายๆ
“ มีขุมกำลังมากมายที่อยากจะแทนที่วิหารอวี๋ฮุ่น ในแต่ละยุคไม่เคยขาดแคลนคนเหล่านี้ แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ สิ่งนี้ยังยืนยันความแข็งแกร่งของวิหารอวี๋ฮุ่นไม่พออีกรึ? จางหยู ข้าน่ะชื่นชมเจ้า คนอื่นๆในวิหารก็เช่นกัน ถึงเจ้าจะมีพรสวรรค์ที่สูงส่งแต่หากไม่มีเราแล้ว เจ้าก็ไม่อาจจะใช้พรสรวรรค์นั้นได้เต็มที่ เจ้าจำราชาตะวันออกได้รึไม่” จ้าววิหารพูดขึ้นมา “ ในอดีตเขาก็เหมือนกับเจ้า เขามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง เขาได้กลายเป็นตัวตนที่สูงส่งในโกลาหล น้อยคนนักที่จะทำแบบราชาตะวันออกได้ วิหารอวี๋ฮุ่นก็มีส่วนช่วยอย่างมาก ไม่งั้นแล้วด้วยนิสัยอันธพาลของเขา วิหารอวี๋ฮุ่นจะคงอยู่จนมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จ้าววิหารก็แสดงท่าทีภูมิใจออกมา “ มันยังไม่เพียงพอที่จะบอกว่าคนที่แกร่งที่สุดกับวิหารอวี๋ฮุ่นนั้นเกี่ยวข้องกันรึไง ?”
จางหยูไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ได้ “ มันอาจจะเป็นแบบนั้นแต่ข้าก็ยังอยากขึ้นไปถึงจุดนั้นด้วยตัวข้าเอง”
เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของวิหารเลยแม้แต่น้อย
“ งั้นเราก็ตกลงกันไม่ได้” สีหน้าของจ้าววิหารไม่สู้ดีนัก เขาอยากจะด่าจางหยูว่าช่างไม่รู้ดีชั่วจริงๆ แต่ก็ไม่อาจจะบังคับจางหยูให้เข้าร่วมกับวิหารอวี๋ฮุ่นได้ ไม่งั้นแล้วหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป วิหารอวี๋ฮุ่นก็จะเสียภาพลักษณ์ “ งั้นข้าจะรอดูว่าด้วยความพยายามของเจ้าแล้ว เจ้าจะไปถึงระดับไหน”
เขาคิดว่าอีกไม่นานจางหยูก็ต้องตกลงกับพวกเขา ยังไงซะวิหารอวี๋ฮุ่นก็ยิ่งใหญ่ นอกจากไม่กี่คนแล้ว คนส่วนมากไม่มีทางปฏิเสธคำเชิญของวิหารอวี๋ฮุ่นได้
บอกได้ว่าจางหยูเป็นเหมือนคนไม่กี่คนที่ปฏิเสธวิหารอวี๋ฮุ่น !
ต้องรู้ก่อนว่าเงื่อนไขที่วิหารอวี๋ฮุ่นเสนอให้กับจางหยูนั้นไม่มีใครดีกว่านี้ไปได้ แต่เขาก็ยังปฏิเสธ มันไม่แปลกที่ทางวิหารอวี๋ฮุ่นจะไม่พอใจ
“ ก็ดี” จางหยูพูดขึ้นมา “ งั้นเจ้าก็บอกเรื่องที่สามมา”