ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1734 การเปลี่ยนแปลง
ร่างเริ่มต้นของเสี่ยวเสียคือกฎสวรรค์ ดังนั้นมันจึงสามารถกลืนกินกฎสวรรค์หรือจิตอื่นๆได้ บังเอิญว่าร่างของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์เองก็เป็นกฎสวรรค์เช่นกัน นางถูกผูกมัดกับนรก ความแข็งแกร่งถูกจำกัดโดยนรก
นอกซะจากว่าหยวนฉิงจะปลดการเชื่อมต่อของนางกับนรกแล้ว นางก็จะอยู่ได้แค่ในนรก
การที่นรกขยายตัวนั้นทำให้นางแข็งแกร่งขึ้นไปด้วย หากนรกถูกทำลาย นางก็จะบาดเจ็บอย่างมาก
“ ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาทางแก้ปัญหานี้” จางหยูให้เสี่ยวหลิงเอ๋อร์รออยู่สักพักก่อนจะกลับไปยังโลกป่าเพื่อไปหา หยวนฉิง
หลังจากที่ได้ยินที่จางหยูบอกมา หยวนฉิงก็หัวเราะ “ ปลดผนึกระหว่างเสี่ยวหลิงเอ๋อร์กับนรกรึ ? ปัญหาเล็กน้อย” ถึงไม่มีเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ เขาก็สามารถสร้างกฎสวรรค์ขึ้นมาได้
แต่กฎสวรรค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นจะไม่มีความนึกคิดและความรู้สึก มันต้องใช้เวลานานและโอกาสจึงจะพัฒนามาถึงระดับเดียวกับเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ได้
ไม่นานจางหยูและหยวนฉิงก็ได้กลับไปยังดินแดนของโลกสวรรค์
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์เห็นจางหยูกลับมาก็ดีใจ แต่เมื่อเห็นหยวนฉิงนางก็กลับมาสำรวมทันที
หากเทียบกับหยวนฉิงแล้ว ชัดแล้วว่านางชอบจางหยูมากกว่าเพราะหยวนฉิงนั้นจริงจังเกินไป เขาคือผู้สร้างนางก็จริง แต่ก็ทำให้นางเกรงกลัวด้วยเช่นกัน
“ เจ้าน่ะโชคดี ” หยวนฉิงมองไปที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ “ เจ้าได้รับการรับรองจากศิษย์ของข้า ซึ่งมันไม่ง่ายเลยจริงๆ”
ตอนนั้นเองหยวนฉิงก็ได้สะบัดมือ ก่อนจะปลดการเชื่อมต่อระหว่างเสี่ยวหลิงเอ๋อร์กับนรกออกและพูดขึ้น “ ยินดีด้วย จากนี้ไปเจ้าเป็นอิสระแล้ว ”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ ขอบคุณนายท่าน ”
ตั้งแต่ตอนที่นางได้รับการยอมรับจากจางหยู หยวนฉิงก็ไม่ใช่เจ้านายของนางอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าหยวนฉิงจะควบคุมชีวิตของนางได้ แต่ในใจนางแล้วจางหยูคือเจ้านายที่แท้จริงของนาง
หยวนฉิงยิ้มออกมาและโบกมือ ก่อนจะมองไปที่จางหยู “ ข้าจัดการเรื่องนี้แล้ว ข้าขอตัวก่อน หากมีธุระอะไร ก็ไปหาข้าที่โลกป่าได้”
“ นี่หินแห่งการสร้างขั้นเทพ” จางหยูส่งหินให้กับเสี่ยวหลิงเอ๋อร์และพูดขึ้น “ เจ้าทำความเข้าใจการสร้างเอาไว้ หากเจ้าพัฒนาแล้ว เจ้าค่อยเดินทางไปกับข้าในโกลาหลภายนอก เจ้าจะได้ผจญภัยอีกครั้ง”
“ ขอบคุณนายท่าน !” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ยินดีและคาดหวังอย่างมาก เสี่ยวเสียพึมพำออกมา “ ยินดีอะไรนักหนา? เมื่อเจ้าออกไปภายนอก เจ้าจะรู้เองว่ามีคนจำนวนมากที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะฆ่าเราได้อย่างง่ายดาย”
เขามองไปที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์และไม่มีความคิดที่จะกลืนกินเสี่ยวหลิงเอ๋อร์อีกต่อไป
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ฮึดฮัดออกมา “ ข้ามีนายท่านอยู่ ข้าจะกลัวอะไร ?”
“ เจ้าไปที่มิติมืดของโลกป่าก่อน” จางหยูพูดขึ้น “ เมื่อข้าจะเดินทางไปยังโกลาหลภายนอก ข้าจะไปรับเจ้าเอง”
ไม่นานจางหยูก็ได้กลับไปยังโลกป่า ส่วนเสี่ยวหลิงเอ๋อร์และเสี่ยวเสียก็กลับไปที่มิติมืด
จางหยูอยากจะทำการศึกษาคำสาป แต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่เขาเข้าไปในโลกตันเถียนนั้น อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าโลกตันเถียนได้เกิดปัญหาขึ้น
จากที่ไม่เคลื่อนไหวมาหลายปีแต่ตอนนี้กลับสั่นไหว โลกทั้งหมดได้ขยายตัวด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ มันขยายไปกว่าเดิมถึงร้อยเท่ารึพันเท่า ภูเขาสูงชันขึ้น พลังงานในโลกเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันราวกับโลกป่าที่พัฒนาจากขั้น 8 เป็น 9
“ เกิดอะไรขึ้นกัน ?” จางหยูพึมพำออกมา
เขาก้าวออกมาจากโลกบรรพกาลและเข้าสู่โลกผนึกเทพเพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ในใจเขามีแต่ความสับสน
ตอนที่หงจวิน, ไท่ช่างเหล่าจวิ้นและคนอื่นๆเลื่อนขึ้นเป็นระดับผู้สร้างนั้นไม่อาจจะทำให้โลกบรรพกาลยกระดับได้ แต่ตอนนี้โลกของพวกเขากลับพัฒนาขึ้นไป
ใช่ จางหยูรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าโลกผนึกเทพได้ขึ้นมาเป็นโลกขั้นที่ 9 แล้ว
เมื่อคิดได้แบบนั้นจางหยูก็เตรียมที่จะฝ่ากำแพงโลกผนึกเทพ เพื่อออกไปชมความปั่นป่วนที่ด้านนอก
แต่จางหยูก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าความว่างเปล่าที่ห่อหุ้มโลกผนึกเทพกลับหายไป พลังมิติเวลาด้านนอกก็หายไปด้วย มันถูกแทนที่ด้วยบรรพกาล มันเหมือนกับบรรพกาลด้านนอกโลกบรรพกาล แต่พลังกัดกร่อนของที่นี่ไม่ได้รุนแรงเท่า
จางหยูแผ่การรับรู้ออกไปเพื่อตรวจสอบบรรพกาล
โชคร้ายที่บรรพกาลนี้กว้างใหญ่ เขาไม่อาจจะรับรู้มันได้ทั้งหมด พลังมิติเวลาด้านนอกที่เคยมี ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยบรรพกาลแทน คล้ายกับว่าไม่มีพื้นที่ของพลังมิติเวลา
“ จิตผู้สร้างของข้า…” จางหยูพบว่าจิตผู้สร้างของเขาเพิ่มขึ้นมาสองเท่า เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา
การเพิ่มของจิตผู้สร้างทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้นไปอีก
แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการใช้พลังสร้าง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มเป็นสองเท่า ! “ การที่โลกยกระดับขึ้นมาเป็นโลกขั้นที่ 9 ทำให้มิติเวลาภายนอกเปลี่ยนเป็นบรรพกาล มันเท่ากับว่าขยายพื้นที่บรรพกาลงั้นรึ ?” จางหยูเดาในใจ
นี่คือคำอธิบายว่าทำไมพลังของเขาถึงได้เพิ่มขึ้นมาแบบนี้
“ ดูเหมือนว่าการคาดเดาในตอนแรกจะผิด ” จางหยูคิดเสมอว่าสักวันความว่างเปล่าระหว่างมิติเวลาในโลกตันเถียนจะหายไป มันจะไม่มีกำแพงโลก เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะปลดปล่อยจิตผู้สร้างในโลกตันเถียนออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อโลกผนึกเทพพัฒนาขึ้นมา มิติเวลากลับเปลี่ยนเป็นบรรพกาลที่คอยกลืนกินความว่างเปล่า และเขาก็ยังไม่อาจจะปลดปล่อยจิตผู้สร้างอันไร้เทียมทานออกมาได้
เมื่อกลับมาจากบรรพกาลนอกโลกผนึกเทพ จางหยูก็แวะไปยังโลกต่างๆ แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่ภายนอกโลกเหล่านั้นยังมีความว่างเปล่าปกคลุมและมีมิติเวลา
“ รึว่าข้าจะปลดปล่อยจิตผู้สร้างทั้งหมดได้ก็ต่อเมื่อโลกทั้งหมดขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 และมิติเวลาทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นบรรพกาล ? “ จางหยูครุ่นคิด
เขาหวังว่าจะขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลให้ได้โดยเร็ว เพราะความแข็งแกร่งของผู้ควบคุมนั้นไม่เพียงพอกับที่เขาต้องการ ที่สำคัญกว่านั้นเขายังหาทางทะลวงผ่านระดับหมื่นเท่าไม่ได้ เมื่อความแข็งแกร่งของเขาขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าแล้ว เส้นทางของผู้ควบคุมก็มาถึงทางตัน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเปิดเส้นทางใหม่ขึ้นมา เขาต้องหาวิธีในการทะลวงผ่าน
และวิธีนี้น่าจะเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับโลกตันเถียน
มีแค่โลกตันเถียนเท่านั้นที่จะทำให้เขาพัฒนาตัวเองต่อได้และเข้าสู่ขอบเขตจ้าวบรรพกาล
“ต้องพัฒนาโลกให้ขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 กี่ใบกัน ข้าถึงจะขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลได้ ?” จางหยูคิดในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบ่มเพาะมานานแล้วเจอกับทางตัน จางหยูคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้า “ ไม่สำคัญ ตอนนี้ต้องหาทางพัฒนาโลกเหล่านี้ให้กลายเป็นโลกขั้นที่ 9 ก่อน” เขาต้องขึ้นไประดับสูงสุดให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วย
เขารู้สึกว่าการทำแบบนี้ถึงจะทำให้เขาขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลได้
โชคดีที่เขาสร้างโลกไว้มากมายและโลกเหล่านั้นก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ผ่านมาหลายปีโลกเหล่านี้มีหลายใบที่พัฒนาขึ้นมา ตอนนี้โลกทั้งหมดได้พัฒนามาอยู่ขั้นที่ 8 แล้ว โลกผังหลงที่แต่เดิมทัดเทียมกับโลกผนึกเทพ ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาขึ้นมายังขั้นที่ 9 ได้เร็วที่สุด
“ ความแข็งแกร่งของข้าน่าจะไม่ด้อยกว่าหมื่นเท่าแล้วใช่ไหม? ” จางหยูรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของความแข็งแกร่ง การที่โลกผนึกเทพพัฒนาขึ้นมา แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เขาขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาล แต่ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก “ หากการใช้พลังสร้างของข้าพัฒนาขึ้น ความแข็งแกร่งของข้าจะไม่เกินหมื่นเท่ารึ? ” จางหยูเริ่มคาดหวังขึ้นมา ยอดฝีมือระดับหมื่นเท่าที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของโกลาหลกำลังจะกำเนิดขึ้นมา !
จางหยูเดินทางไปยังบรรพกาลนอกโลกผนึกเทพ ก่อนจะทำการศึกษาวิธีการใช้พลังสร้างอีกครั้ง เขาเปลี่ยนความเข้าใจเป็นการใช้งานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งที่แท้จริง รวมถึงจับตาดูสถานการณ์ในโลกตันเถียนไปด้วย
เวลาผ่านไปช้าๆสุดท้ายสำนักคังเฉียงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีผู้ควบคุมขั้น 8 และผู้นำขั้น 8 เป็นจำนวนมากกำเนิดขึ้นมา แม้แต่หยวนเทียนจี, เย่ฟาน, เซียวเหยียนและคนอื่นๆก็ขึ้นมาถึงขั้น 9 ได้สำเร็จ