ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1742 ซื่อซิน
“ เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” หลังจากที่รู้ต้นเหตุของเรื่องนี้จางหยูก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไรกับแมนด้าอีก
แมนด้าได้ทำความเคารพและรีบจากไปทันที
จางหยูพูดขึ้นด้วยสีหน้าเสียดาย “ พวกระดับพันเท่านั้นต้องมีมากกว่าหนึ่งคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ ไม่รู้เลยว่าข้าจะได้พบกับพวกเขารึไม่”
ตอนแรกเขาต้องการจะพบกับพวกระดับสิบและร้อยเท่าเพื่อตามหาคนระดับพันเท่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนระดับสิบและร้อยเท่านั้นอาจจะรู้ไม่เท่ากับเขาด้วยซ้ำ
“ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า ” จางหยูไม่ได้รีบร้อน หากหาตัวเจอก็ถือว่าดี ถึงหาไม่พบก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ไม่นานจางหยูก็เดินทางไปยังโลกขั้นที่ 9ใบต่อไป
เวลาผ่านอย่างรวดเร็วในพริบตาก็ผ่านไปอีกหลายปี
นอกจากแมนด้าแล้วก็มีพวกระดับสิบเท่ารวมถึงพวกระดับร้อยเท่าคนอื่นๆมาพบจางหยู โชคร้ายที่คนเหล่านี้ไม่ได้มีข่าวของพวกระดับพันเท่า
คนระดับพันเท่านั้นเหมือนจะหายตัวไป นอกจากจ้าวแห่งโลกพันเขตและหัวหน้าวิหารแล้วคนอื่นๆเหมือนจะหายตัวไปหมด
แม้จะชัดแล้วว่ามีคนระดับพันเท่าอย่างน้อยสองคนในเขตตะวันตกแต่ก็ไม่ง่ายที่จะหาตัวพวกนั้น
โชคดีที่จางหยูเตรียมใจเอาไว้แล้ว แม้ว่าจะผิดหวังแต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้
นอกจากนี้แล้วการพัฒนาของเสี่ยวเสียก็เป็นไปได้ด้วยดี แค่ไม่กี่ปีความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มขึ้นมาจนเกือบระดับพันเท่า
ด้วยหินขั้นเทพและจิตปฐมบทโกลาหลนั้นทำให้เสี่ยวเสียเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง บอกได้ว่ามันได้ยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ในสำนักคังเฉียงมันถือว่าเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแล้ว แม้แต่ร่างแยกของจางหยูก็ใช่ว่าจะเทียบกับมันได้
นอกจากจางหยูและจ้าวแห่งโลกพันเขตแล้ว คนที่แกร่งที่สุดในสำนักคังเฉียงตอนนี้อาจจะเป็นเสี่ยวเสีย ถึงอย่างนั้นเสี่ยวเสียก็ยังไม่พอใจ มันได้เห็นความแข็งแกร่งที่โจวทงมี แม้ว่าอีกฝ่ายจะโดนจางหยูกำจัดไปแล้ว แต่อีกฝ่ายก็มีความสามารถในการกำจัดมันได้ง่ายๆ นี่คือสิ่งที่มันไม่อาจจะรับได้ มันรับได้ที่โดนคนอื่นรังแก นอกจากจางหยูแล้ว มันไม่อยากให้ใครเป็นภัยต่อมัน
ยิ่งไปกว่านั้นจางหยูก็แข็งแกร่งมาก การที่มันเป็นสัตว์เลี้ยงของจางหยู มันจะอ่อนแอได้ยังไง ?
หากมันอ่อนแอ งั้นไม่ใช่ว่าจะทำให้ชื่อเสียงของจางหยูเสียหายรึไง ?
ในเขตตะวันตกนี้มีโลกขั้นที่ 9 อยู่นับไม่ถวน แต่ละโลกนั้นราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน มันงดงามอย่างมาก มันราวกับโลกที่ให้กำเนิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาและมีพลังชีวิตไม่รู้จบ
จางหยูไม่อาจจำได้ว่าเขาไปยังโลกขั้น 9 มาแล้วกี่ใบ ตอนนี้มุมมองของเขาได้ยกระดับขึ้นไปด้วย
สุดท้ายหลังจากที่อยู่ในเขตตะวันตกมาหลายสิบปี ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียก็เพิ่มขึ้นมาระดับพันเท่า !
ความแข็งแกร่งของจางหยูก็เพิ่มขึ้นมาแค่เล็กน้อย มันน้อยกว่าความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียที่เพิ่มขึ้นมา สำหรับจางหยูแล้วการที่จะยกระดับความแข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก การที่ไม่มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและพึ่งแต่การใช้พลังสร้างของตัวเองนั้น ทำให้กว่าจะขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่า เดาว่าต้องใช้เวลาเป็นหมื่นปี
ถึงอย่างนั้นแค่ระดับของเขาในตอนนี้ก็ถือว่าน่าทึ่งพอแล้ว !
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้ว การจะยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้อาจจะใช้เวลามากกว่านี้เป็นสิบรึร้อยเท่า
ในวันนั้นจางหยูตั้งใจจะเดินทางไปยังโลกต่อไปแต่การรับรู้ของเขากลับตรวจจับตัวตนที่มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งได้ มันราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด !
“ สุดท้ายข้าก็พบแล้ว ! ” จางหยูหยุดทันที
เขามองไปยังโลกขั้นที่ 9 ตรงหน้า นี่คือโลกที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นแต่เขากลับรับรู้ถึงคลื่นพลังในโลกนี้ได้ “ โจวทงไม่ได้โกหก ในเขตตะวันตกมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จริงๆ ”
การที่ถูกเรียกว่ายอดฝีมือนั้นเห็นได้ว่าเจ้าของคลื่นพลังนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
“ จางหยู เจ้าสำนักของสำนักคังเฉียง ขอรบกวนให้ท่านปรากฏตัวด้วย” เสียงของจางหยูดังก้องไปทั่วทั้งโลก
ต่อมาร่างนั้นก็หายไปจากโลกขั้น 9 ก่อนจะมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจางหยู “ ไอ้พวกหัวโล้น !” เสี่ยวเสียเห็นชายหัวโล้นก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา
ชายแก่ที่ปรากฏตัวตรงหน้าจางหยูนั้นเป็นพระ เขาดูสุขุมและเยือกเย็น มันยากที่ใครจะรู้สึกไม่ดีกับเขา
“ คลื่นพลังของสหายนั้นหนาแน่นราวกับมหาสมุทร การรับรู้ก็แข็งแกร่ง ไม่คิดเลยว่าโกลาหลในวันนี้จะยังมียอดฝีมือแบบนี้อยู่” ชายแก่มองไปที่จางหยู “ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องอะไรถึงได้มาปลุกข้า ?”
“ ท่านไม่คิดจะแนะนำตัวหน่อยรึ ?” จางหยูถามด้วยรอยยิ้ม
“ ข้าซื่อซิน ” ท่าทีของชายแก่ยังสุขุมดังเดิมราวกับน้ำนิ่งไม่สั่นไหว “ ไม่รู้ว่าเจ้าพอใจกับคำตอบนี้รึไม่ ?”
จางหยูพยักหน้า “ ข้ามาเพื่อหาคู่มือในการเรียนรู้การใช้พลังสร้าง การที่ได้พบเจ้าวันนี้ข้าจึงอยากจะเรียนรู้จากท่าน ข้าขอรบกวนท่านชี้แนะข้าด้วย” “ เรียนรู้รึ ?” ชายแก่เหมือนจะไม่สนใจ “ มันผ่านมากว่าล้านปีแล้วที่ข้าไม่ได้สู้กับใคร ข้ากลัวกว่าสหายคงมาหาผิดคนแล้ว..”
จางหยูไม่ได้ลนลาน “ การที่ท่านเก็บตัวในโลกที่เงียบสงบเช่นนี้การได้ออกมาดูโลกภายนอกก็ถือว่าเป็นเรื่องดี การที่ได้เรียนรู้จากกันก็อาจจะทำให้เราก้าวหน้าขึ้น ท่านอยู่ระดับที่สูงก็จริงแต่หากท่านไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ข้าเกรงว่าท่านคงไม่อาจจะก้าวหน้าได้ ”
พลังสร้างและความเข้าใจของซื่อซินอยู่ระดับแปดพันเท่าแล้ว
ในหมู่ระดับพันเท่านั้นซื่อซินถือว่าเป็นยอดฝีมือ คงมีน้อยคนนักที่จะเทียบกับเขาได้ !
ซื่อซินเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “ พูดไปแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ข้าก็ก้าวหน้าแค่เพียงเล็กน้อย บางทีเสี่ยวหยูอาจจะพูดถูก”
มีผู้ควบคุมขั้น 9 คนไหนบ้างที่ไม่อยากจะก้าวหน้า ? ไม่งั้นแล้วพวกเขาจะขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ได้ยังไง ?
“ เมื่อสหายออกปากชวน ข้าก็จะเรียนรู้จากเจ้า ” ซื่อซินไม่ได้ดื้อด้าน บางทีในใจของเขาเองก็อยากจะหาคู่มือมานานแล้ว
ชัดแล้วว่าจางหยูเหมาะที่จะเป็นคู่มือของเขา !
“ ขอบคุณที่ตกลง” จางหยูยิ้มกว้างออกมา ยังไงซะตอนนี้ซื่อซินก็มีฝีมือมากกว่าเขา
ซื่อซินไม่เข้าใจความคิดของจางหยู ถึงความแข็งแกร่งจะมากกว่าแต่เขาก็ไม่ได้ดูถูกจางหยู “ เชิญ ” ยังไงซะเขาก็แก่แล้ว เขาไม่คิดจะลงมือก่อน
จางหยูส่ายหน้า “ ท่านลงมือได้เลย ด้วยระดับของเราแล้วทำไมต้องสนใจมารยาทมากนัก ?”
เขากลัวว่าหากเขาลงมือก่อนอาจจะทำให้ซื่อซินกลัว ยังไงซะแม้ว่าการใช้พลังสร้างของเขาจะไม่ได้สูงนักและด้อยกว่า ซื่อซินอย่างมาก แต่จิตผู้สร้างของเขานั้นเพราะการที่โลกผนึกเทพยกระดับขึ้นมาจึงทำให้จิตผู้สร้างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน หากต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ระดับหมื่นเท่า เขาก็ยังไม่กลัว นี่ไม่ต้องนับซื่อซินเลย
ซื่อซินคิดว่าจางหยูดูถูกตนแต่เขาก็ไม่ได้โกรธ มีแต่ต้องแสดงความแข็งแกร่งออกมา คำพูดนั้นไม่จำเป็น
เมื่อจางหยูให้เขาลงมือก่อน งั้นเขาก็จะลงมือก่อน หากจางหยูรับมือไม่ไหว มันก็มีแต่จางหยูที่จะเสียหน้า
“ หากเช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจ ” ซื่อซินตบเข้าที่อกตัวเองก่อนที่จะมีจิตผู้สร้างปะทุออกมา จากนั้นร่างของเขาก็ขยายขึ้นพร้อมคลื่นพลังที่เพิ่มขึ้นจนราวกับภูเขาไฟที่ระเบิดออกแล้วก่อตัวเป็นพายุอันน่ากลัว
แค่คลื่นพลังก็ทำให้เกิดพายุเช่นนี้ขึ้น มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของซื่อซินได้แล้ว จางหยูไม่ได้แปลกใจ เขากลับดีใจ พลังที่ซื่อซินแผ่ออกมาทำให้เขารู้สึกกดดันแต่แน่นอนว่ามันกดดันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น