ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1797 ดื้อด้าน
“ เจ้ากลืนกินปราณสุสานได้รึ ?” จางลู่แปลกใจ
เสี่ยวเสียเหมือนจะยังไม่พอใจและพูดขึ้น “ มันให้พลังมากกว่าจิตปฐมบทโกลาหลเสียอีก ! ข้ากลืนกินจิตปฐมบทโกลาหลอย่างน้อยหมื่นตัว ไม่สิ อาจจะเป็นล้านตัวก็ได้ซึ่งถือว่าทัดเทียมกับปราณสุสานที่ข้าได้กินไป”
จางลู่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา “ ดีมาก งั้นข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องลานหลักของสุสานแห่งนี้แล้ว”
แต่เดิมแล้วจางลู่กังวลถึงปราณสุสานที่ลานแห่งวิวรณ์ ปราณสุสานที่นั่นรุนแรงอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะจิตสุสานสวรรค์จำกัดมันเอาไว้ เกรงว่าเขาคงไม่อาจจะเข้าไปด้านในได้
“ ลานแห่งวิวรณ์รึ ?” นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเสียมายังสุสานแห่งนี้ เป็นธรรมดาที่มันจะไม่รู้ถึงลานนั่น จางลู่มองไปที่เสี่ยวเสียแล้วพูดขึ้น “ มันคือลานหลักของสุสาน ปราณที่นั่นหนาแน่นกว่าที่นี่เป็นหมื่นเท่า !”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเสี่ยวเสียก็แสดงท่าทียินดีออกมาทันที
“ เป็นหมื่นเท่า ?” เสี่ยวเสียคึกขึ้นมา เสียงของมันสั่นเพราะความตื่นเต้น “ นี่แหละสิ่งที่ข้ารอคอย ! นายท่าน ไปกันเถอะ เรารีบไปที่ลานนั่นกัน !”
หากมันได้กลืนกินปราณสุสานทั้งหมดโดยเฉพาะปราณที่ลานหลักแล้ว งั้นเดาว่าความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมากรึอาจจะขึ้นไประดับใหม่
“ แน่นอนว่าเราต้องไปแน่แต่ต้องระวังตัว ” จางลู่เตือนขึ้นมา “ จิตสุสานสามารถควบคุมปราณสุสานได้ มันอาจจะแกร่งกว่าเจ้า…”
เสี่ยวเสียมั่นใจในตัวเองอย่างมากและพูดขึ้น “ นายท่านสบายใจได้ มันไม่เป็นภัยต่อข้าหรอก !” หากได้ปราณที่ลานหลักมา งั้นเสี่ยวเสียก็ไม่มองจิตสุสานอยู่ในสายตา
“ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” จางลู่เห็นเสี่ยวเสียมั่นใจก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้ตรงไปยังลานแห่งวิวรณ์พร้อมกับเสี่ยวเสียทันที
จากส่วนนอกของสุสานเดินทางเข้ามาเรื่อยๆ ปราณสุสานระหว่างทางนั้นถูกเสี่ยวเสียกินจนหมด
สุดท้ายที่ที่เต็มไปด้วยปราณสุสานก็กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างช้าๆ แม้ว่าอาจจะมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไร
ที่ลานหลักของสุสาน
จิตมรณะรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของปราณสุสาน มันราวกับว่าร่างกายส่วนหนึ่งของมันโดนกัดกินไป มันโกรธขึ้นมา “ ใคร ! ใครกันที่กินชีวิตของข้า !” มันรีบตรวจสอบทั้งสุสานและไม่นานก็พบกับจางลู่และเสี่ยวเสีย “ เขานี่เอง !”
ต่อมามันกลับสนใจเสี่ยวเสีย เพราะปราณสุสานจำนวนมากไหลเข้าไปในตัวเสี่ยวเสีย จึงทำให้เสี่ยวเสียดูคล้ายกับหลุมดำกลืนพลัง
“ นี่มันอะไรกัน !” ในเวลาเดียวกันจิตสุสานก็โกรธขึ้นมาแต่ในความโกรธนี้ก็มีความกลัวแฝงอยู่
ร่างของเสี่ยวเสียราวกับหลุมดำ ไม่ว่าจะกินปราณสุสานไปมากแค่ไหนแต่ก็เหมือนไม่พอ มันยังกินต่อได้เรื่อยๆ
จิตสุสานรับรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของตนนั้นลดลงมาอย่างช้าๆ แม้ว่าความเร็วนี้จะมองข้ามได้แต่ก็ต้องรู้ว่ามันใช้เวลาหลายปีนับไม่ถ้วนกว่าจะสั่งสมปราณสุสานและความแข็งแกร่งระดับนี้ได้ หากเทียบกับเวลาที่เสี่ยวเสียแย่งชิงมันไปแล้ว มันต่างกันจนน่ากลัว
“ ตาย เจ้าต้องตาย !” จิตสุสานโกรธจัด มันได้ควบคุมหุ่นเชิดเพื่อเข้าไปจัดการจางลู่และเสี่ยวเสีย
ตอนนี้มันอยู่ในช่วงอ่อนแอ หากยังฝืนลงมือเอง อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บหนักขึ้นไปอีก
จางลู่และเสี่ยวเสียยังเดินหน้าต่อ ไม่นานก็พบกับหุ่นเชิดจำนวนมากทั้งผู้นำ, พวกระดับสิบเท่า, ร้อยเท่ารวมถึงราชาจำนวนมากแห่กันเข้ามา
ผู้นำและพวกระดับสิบเท่านั้นมีมากที่สุด
จางลู่ชะงักไปและมองไปรอบๆ
เสี่ยวเสียพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ พวกนี้ดีกว่าปราณสุสานเสียอีก !” เสี่ยวเสียมองไปที่ราชาพร้อมกับเลียปาก
ท่ามกลางหุ่นเชิดนั้นมีปราณสุสานก่อตัวเป็นร่างมนุษย์และมองมาที่จางลู่ด้วยท่าทีโกรธแค้น “ทำไมกัน ? ทำไมเจ้าถึงไม่ไปหาเรื่องไห่อู่เซิง แต่กลับมาหาเรื่องข้าแทน ?”
มันเสียปราณสุสานไปจำนวนมาก ปราณสุสานที่มันใช้เวลาหลายปีนับไม่ถ้วนสั่งสมมา !
หัวใจของมันกำลังหลั่งเลือด !
“ จิตสวรรค์ ไม่สิ ข้าควรเรียกเจ้าว่าจิตมรณะจะดีกว่าสินะ ?” จางลู่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เราได้พบกับอีกแล้ว”
“ ไห่อู่เซิง…ข้าไปหาเขามาแล้ว” จางลู่ยิ้มออกมา “ แต่ข้าอาจจะทำให้เจ้าผิดหวัง ข้าได้ยินเรื่องเล่าจากปากเขามา ซึ่งแตกต่างจากที่เจ้าเล่าให้ข้าฟัง ครั้งนี้ข้าจึงเดินทางมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้…”
จิตมรณะแสดงท่าทีแปลกใจออกมา “ เจ้าไปมาแล้วรึ ? เขา…ไม่ได้ฆ่าเจ้ารึ ?”
“ เขาไม่ได้ฆ่าข้า เจ้าผิดหวังรึไง ?” จางลู่พูดขึ้นมา “ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้ฉลาดสักเท่าไหร่”
เขามองไปที่จิตมรณะแล้วพูดขึ้นมา “ บอกมาซะว่าเจ้าเป็นใคร ? ทำไมถึงต้องสร้างลานแห่งวิวรณ์แห่งนี้ ?”
จิตมรณะมองจางลู่ด้วยสายตาอาฆาตแต่ก็ยังไม่ลงมือ “ ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ ? ข้าเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหล”
“ เจ้ายังไม่เล่าความจริงอีกรึ ?” จางลู่หัวเราะออกมา “ เมื่อเจ้าไม่พูด งั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง เจ้าน่ะคือจิตมรณะที่เป็นตัวแทนการทำลายล้างและความตาย ข้าพูดถูกรึไม่ ?”
“ ฮ่าฮ่า…” จิตมรณะกลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้เต็มไปด้วยท่าทีเยาะเย้ย “ นี่คือสิ่งที่ไห่อู่เซิงบอกเจ้ามารึ ? เจ้าเชื่อเขางั้นรึ ?”
“ แล้วมันไม่ใช่รึ ?” จางลู่คิ้วขมวด
“ การทำลายล้างก็คือการทำลายล้าง ความตายก็คือความตาย แล้วความจริงคืออะไร? การเกิดใหม่ล่ะมาจากไหน ? “ จิตมรณะอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ เรื่องแบบนั้นเจ้าเชื่อลงด้วยรึ ?”
เสี่ยวเสียเริ่มไม่พอใจ จิตมรณะตรงหน้ากลับไม่คิดจะสนใจมันเลยรึไง ?
“ นายท่าน เมื่อมันไม่เชื่อฟัง ข้าจะสั่งสอนมันเอง” เสี่ยวเสียอยากจะลองฝีมือแต่ก็ต้องรอให้จางลู่อนุญาตก่อน “ ข้ารับปากว่าหลังจากที่สั่งสอนบทเรียนแล้ว มันจะเชื่อฟังแน่ๆ”
จางลู่โบกมือและมองไปที่จิตมรณะ “ ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าเป็นใครและมีเป้าหมายอะไร ?”
จิตมรณะโกรธขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเสีย มันทำให้มันโกรธจัด มันกลับเป็นฝ่ายโดนรังแก สำหรับคำถามของจางลู่นั้น จิตมรณะก็ไม่พอใจเช่นกัน “ ข้าบอกไปแล้ว ข้าเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหล ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้า ? หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ไปถามต้นไม้โกลาหลดู ! ไม่มีใครรู้จักข้าดีไปกว่าต้นไม้โกลาหลแล้ว !”