ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1807 จ้าวบรรพกาลคนที่สอง (I
“ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีการเตรียมตัว ” จางหยูพูดขึ้น “ รอให้เสี่ยวเสียกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ”
“ เจ้าพูดถึงเจ้าตัวเล็กในสุสานสวรรค์รึ ?” ซุนเหยียนถามขึ้นมา
จางหยูพยักหน้า “ ด้วยจิตของมันในตอนนี้แล้วน่าจะแบกรับร่างบรรพกาลได้ เมื่อถึงตอนนั้นฝั่งเราก็มีกึ่งจ้าวโกลาหลถึง 3 คน หากสามคนร่วมมือกันแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าไห่อู่เซิงจะรับมือไหว”
แม้ว่าซุนเหยียนจะอดใจรอไม่ไหว แต่ในเมื่อรอมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่ถือสาที่จะต้องรออีกสักหน่อย
จางหยูพูดถูก แค่พวกเขาสองคน แม้ว่าจะมีโอกาสสูงที่จะเอาชนะไห่อู่เซิงได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นแบบนั้นล่ะ ?
ความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงไม่ใช่น้อยๆหลังจากที่บ่มเพาะมาหลายปี ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน ?
เมื่อรวมกับโกลาหลนภาที่เป็นอาณาเขตของไห่อู่เซิงแล้ว การที่พวกเขาไปที่นั่นไม่ใช่ว่าจะเป็นการเดินเข้าหากับดักอีกฝ่ายรึไง ?
แม้ว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้ ไห่อู่เซิงอาจจะหนีไปได้ ซึ่งพวกเขาอาจจะจับอีกฝ่ายไว้ไม่ได้
ตอนนั้นเองหุ่นเชิดทั้งหมดก็ได้สติกลับมา
ในบรรพกาลแห่งนี้พวกเขาพากันมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจพวกเขาก็ค่อยๆได้สติกันกลับมา
“ เรา…”
“ เราออกมาจากสุสานแล้วรึ ?”
“ โกลาหล นี่มันโกลาหล !”
“ ฮ่าฮ่า…” ทุกคนพากันตื่นเต้นและยินดี ก่อนจะหัวเราะกันออกมา
ตอนนั้นเองจางหยูก็พูดขึ้น “ ราชาอยู่ต่อ ส่วนคนอื่นไปได้”
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา จางหยูจึงไม่ต้องการผู้ควบคุมอีกต่อไป
คนเหล่านั้นไม่ทันได้ตั้งตัว จางหยูก็ได้สร้างรูหนอนส่งทุกคนเข้าไปในรูหนอนแล้วพูดขึ้น “ จำไว้ว่าข้าคือเจ้าสำนักของสำนักคังเฉียง จ้าวแห่งโลกป่า !”
เมื่อพูดจบทุกคนก็ถูกส่งออกไปจากโลกตันเถียนทันที
ราชาที่เหลืออยู่ต่างก็มองจางหยูด้วยสีหน้าตกตะลึงและสงสัย
จางหยูได้ส่งเหล่าผู้ควบคุมมากมายออกไป ทักษะเช่นนี้ทำให้เหล่าราชาพากันอึ้ง
พลังนี้เกินการรับรู้ของพวกเขา
“ มานี่” จางหยูโบกมือเรียกเหล่าราชา
เหล่าราชาลังเลกันสักพักก่อนจะบินเข้าไปหาจางหยู และหยุดอยู่ตรงหน้าจางหยูกับซุนเหยียน พวกเขาพากันกลั้นหายใจไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“ พวกเจ้าเดาถูกแล้ว ข้าได้ช่วยพวกเจ้าจากสุสานสวรรค์ “ จางหยูมองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นมาช้าๆ “ เงื่อนไขของข้าเรียบง่ายมาก จากนี้ไปพวกเจ้าต้องรับใช้สำนักคังเฉียง เมื่อผ่านไปยุคหนึ่งก็จะได้รับอิสระกลับคืนมา พวกเจ้าไม่มีปัญหาอะไรกันสินะ ?”
“ไม่มี” ทุกคนพากันส่ายหน้า เมื่อเห็นพลังของจางหยู ใครกันจะกล้าปฏิเสธ
จางหยูยิ้มออกมาอย่างพอใจ “ ดีมาก”
ราชาพวกนี้ดูน่าสนใจ อย่างน้อยก็น่าสนใจกว่าราชาคนแรกที่เขาเคยช่วยมาก่อน
“ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะให้ภารกิจกับพวกเจ้า พวกเจ้าไปยังโลกป่า คอยดูแลความเป็นระเบียบของที่นั่น พวกเจ้าต้องรักษาความปลอดภัยของสำนักคังเฉียง และทำตามคำสั่งของรองเจ้าสำนัก” จางหยูพูดขึ้น เมื่อสั่งการแล้ว จางหยูก็ได้ส่งเหล่าราชาออกจากโลกตันเถียน เขาไม่กังวลว่าพวกนี้จะหนีไป เพราะเขาได้วางเศษเสี้ยวพลังไว้ในตัวพวกนี้แล้ว แม้ว่าพวกนี้จะหนีไปจนสุดขอบโกลาหล แต่จางหยูก็หาพวกนี้พบ
…
ที่โลกป่า
มันก็เหมือนกับตอนที่เสี่ยวเสียได้สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในตอนที่ไล่กินจิตปฐมบทโกลาหล ตอนนี้โลกเพิ่งจะสงบลง มันไม่ง่ายที่จะใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่สงบสุขแบบนี้ แต่ทุกคนยังไม่ทันได้ผ่อนคลายก็มีคลื่นพลังอันน่ากลัวแผ่กวาดไปทั่วโลกป่า มันทำให้คนนับไม่ถ้วนพากันกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
นี่คือคลื่นพลังของผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ระดับเก้าพัน !
มันแกร่งพอที่จะทำให้ทุกคนไม่อาจจะหายใจได้ !
หลังจากคลื่นพลังนี้แผ่ออกมา ก็มีผู้คนมากมายปรากฏตัวขึ้นที่เมืองทะเลทราย พวกเขาพากันบินออกมาจากรูหนอนที่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง แต่ละคนพากันแผ่คลื่นพลังอันน่ากลัวออกมา แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นผู้นำขั้น 8
ตอนนั้นเวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง
พวกเขาพากันมองไปที่เมืองทะเลทรายและแผ่การรับรู้ออกไปทั่ว
“ กลับมาแล้ว !”
“ ฮาฮา…เรากลับมาแล้ว !”
เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทั้งโลก
ตอนนั้นทั้งโลกป่าตกอยู่ภายใต้ความตกใจและเกิดความกลัวขึ้นมาในใจ
ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 !
อย่างน้อยก็หมื่นคน !
ส่วนคนที่เหลือต่างก็เป็นผู้นำขั้นที่ 8 !
ต่อให้นำผู้นำขั้น 8 ทั้งโกลาหลรวมกับผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของคนเหล่านี้
จางเฮ่าหลันสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขามองไปยังกลุ่มคนบนท้องฟ้าและพูดขึ้นมา “ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีผู้ควบคุมขั้นที่ 9 และผู้นำมากแบบนี้ได้ ?”
ความกังวลแพร่กระจายไปทั่วโลกป่า ทุกคนรู้สึกว่ามันคือจุดจบของโลก
ในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลกันอยู่นั้น ก็มีผู้ควบคุมขั้นที่9ระดับเก้าพันคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “ หุบปาก! ที่นี่คือโลกป่า ส่วนด้านล่างคือสำนักคังเฉียง ! พวกเจ้าอยากตายก็อย่าดึงข้าเข้าไปเกี่ยว !” ชัดแล้วว่าเขาเพิ่งแผ่การรับรู้ออกไปและรับรู้ข้อมูลจากคนในโลกป่า
ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 และเหล่าผู้นำต่างก็พากันเงียบเสียงลงในทันที
หลังจากนั้นพวกเขาก็ปกปิดพลังของตัวเองแล้วแยกย้ายกันออกไป
คนในโลกป่าพากันมองหน้ากันด้วยความสับสน
“ นี่มันเกิดออะไรขึ้นกันแน่ ?” ทุกคนต่างก็งุนงง
แต่ทุกคนรู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าสำนักแน่ๆ
..
ณ.บรรพกาลของโลกบรรพกาล
จางหยูได้กล่าวกับซุนเหยียนว่า “ เจ้าพักที่นี่ไปก่อน แล้วทำความคุ้นเคยกับบรรพกาลซะ เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
จางหยูก้าวเข้าไปในรูหนอนที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าก่อนจะหายตัวไป
ต่อมา จางหยูก็ได้ปรากฏตัวในโลกผนึกเทพ
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จางลู่และเสี่ยวเสียก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“ นายท่าน ที่นั่นมีปราณสุสานมากมาย ทำไมต้องรีบเรียกข้ากลับมาด้วย ! ข้าอยากกลับไป !” เสี่ยวเสียอยู่ในกำมือของจางลู่ ตัวของมันดิ้นไปมา
จางหยูโบกมือให้กับจางลู่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยเสี่ยวเสียออกมาแล้วหายตัวไป
“ เจ้ากินปราณสุสานเป็นยังไงบ้าง ?” จางหยูถามขึ้นมา
เสี่ยวเสียรีบลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าจางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเคียด มันก็ไม่กล้าบ่นอะไรต่อและตอบกลับตามจริง “ ข้ากินเกือบหมดแล้ว เหลืออีกแค่เล็กน้อย”
แม้ว่าจะเหลือไม่มาก แต่แม้แต่ยุงก็ยังมีเนื้อที่อร่อย แน่นอนว่าเสี่ยวเสียไม่อยากปล่อยให้มันเสียเปล่า
“ อืม ช่างปราณสุสานที่เหลือไปก่อน ข้ามีเรื่องบางอย่างให้เจ้าทำ” จางหยูพูดขึ้น
เสี่ยวเสียกังวลขึ้นมาทันที “ นายท่าน รอข้ากินปราณพวกนั้นหมดก่อนไม่ได้รึ ?”
จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าคิดว่าปราณสุสานนั้นน่าสนใจกว่าการได้เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลงั้นรึ ? หากเจ้าคิดเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้ากลับไป” “ กึ่งจ้าวโกลาหลรึ ?” เสี่ยวเสียชะงักไปทันทีและมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าแปลกใจ มันพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ท่านบอกว่าข้าจะเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้รึ ?”
หากมันเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้จริงๆ มันก็ไม่สนใจการกินปราณสุสานแม้แต่น้อย !
ขอบเขตการสร้างไร้จำกัดแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็เป็นแค่ราชาเท่านั้น แต่กึ่งจ้าวโกลาหลนั้น ต่อให้เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังถือได้ว่าเป็นจ้าวโกลาหล !
หากเทียบกับราชาแล้ว จ้าวโกลาหลนั้นคืออะไร ?
“ ข้าผิดไปแล้วนายท่าน ข้าไม่ต้องการปราณสุสานพวกนั้น“ เสี่ยวเสียรีบเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “ข้าแค่พูดเล่น ปราณสุสานอะไรกัน ข้ารังเกียจปราณสุสานที่สุด !”
เมื่อเห็นเสี่ยวเสียพูดราวกับปราณสุสานคือขยะ มุมปากของจางหยูก็กระตุกขึ้นมา
เสี่ยวเสียนี่…ยังคงน่าต่อยเหมือนเดิม!