ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1827 เร็วกว่า
ไห่อู่เซิงอึ้ง แต่สุดท้ายก็สลัดความสับสนในหัวทิ้งและเข้าต่อสู้กับกลุ่มของจางหยู
เขาคิดว่าจะบดขยี้อีกฝ่ายได้แต่ผลลัพธ์กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรับได้ ?
จางหยูเพียงคนเดียวก็ทัดเทียมกับเขาได้แล้ว แต่ยังมีซุนเมิ่ง, ซุนวู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียอีก งานนี้มีแต่เขาที่เจ็บตัว!
เขาระวังตัวมาโดยตลอดไม่เคยทำเรื่องไม่แน่นอน มันเห็นได้จากสิ่งที่เขาทำในอดีตจนถึงตอนนี้ แม้ว่าเขาจะมีพลังเพียงพอที่จะบดขยี้โกลาหลได้ แต่เขาก็ต้องใช้พลังของมันเพื่อสร้างโกลาหลนภาขึ้นมา เขายังต้องคอยช่วยโกลาหลเพื่อหลอกผู้คนให้มาช่วยเขา เขายกตัวเองเป็นหัวหน้า เขาควบคุมสุสานได้ แต่จงใจปล่อยซุนเหยียนไว้ข้างในเพื่อที่ซุนเหยียนจะได้กลายเป็นหุ่นเชิดของเขาเพื่อหลอกล่อผู้คน ส่วนเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในโกลาหลนภาและแสร้งว่าแกร่งกว่าราชาเล็กน้อย การกระทำทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาระวังตัวมากแค่ไหน
เพราะความระวังตัวนี้ เมื่อรู้ถึงความแข็งแกร่งที่จางหยูมีแล้วเขาก็ยิ่งตะลึง, โกรธและไม่ยอมรับ แต่ในใจเขากลับบอกให้เขาหนี
หากเขายังสู้ต่อไปก็มีแต่จะเจ็บตัว เขาอาจจะทำอันตรายกับโลกป่าได้แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น
เขาไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง !
“ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน” ต่อหน้าจางหยูและคนอื่นๆ ไห่อู่เซิงเลือกที่จะถอย ก่อนจะถอยเขาได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ “พวกเจ้าควรภาวนาให้โกลาหลไม่ถูกทำลาย ไม่งั้นแล้ววันที่โกลาหลโดนทำลาย ข้าจะก้าวขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล ! ถึงตอนนั้นพวกเจ้าทุกคนต้องตาย !”
“ตาย ตาย….” เสียงของเขาดังก้องพร้อมกับร่างที่หายไป
จางหยูและคนอื่นๆพากันหยุดมือทันที
“ บัดซบ เขาหนีไปได้ !” ซุนวูกัดฟันแน่น
“ เป็นธรรมดา” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ ด้วยความแข็งแกร่งของเราแล้ว อย่างมากก็แค่เอาชนะเขาได้แต่ไม่อาจจะฆ่าเขาได้ในเวลาไม่กี่วินาที”
ตราบใดที่ไห่อู่เซิงยังมีชีวิตอยู่ เขาก็กลับไปที่โกลาหลนภาได้
ซุนเมิ่งย่นคิ้ว “ จากความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงแล้ว เมื่อเขากลับไปที่โกลาหลนภา เราอาจจะจัดการกับเขาไม่ได้ ”
ในโกลาหลนี้พวกเขาจะเอาชนะไห่อู่เซิงได้ แต่ถ้าเข้าไปในโกลาหลนภาแล้ว พวกเขาคงไม่อาจจะเป็นคู่มือของไห่อู่เซิงได้
“ ไม่มีทางอื่น ไม่มีใครคิดว่าไห่อู่เซิงจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ” จางหยูถอนหายใจออกมา
หากความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงไม่เพิ่มขึ้นมากแบบนี้ งั้นทั้งห้าคนร่วมมือกันก็คงเป็นไปได้ที่จะปลิดชีวิตไห่อู่เซิงในเวลาไม่กี่วินาที
จางหยูส่ายหน้า “ อันที่จริงเราควรจะยินดี โชคดีที่เราพบกับจุดเชื่อมต่อได้ทัน ไม่งั้นแล้วหากให้ไห่อู่เซิงเติบโตเช่นนี้ ข้ากลัวว่าด้วยสุสานและโกลาหลนภาแล้ว…ตอนนั้นเขาคงขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆ”
สุสานตอนนี้ก็เหมือนกับโกลาหลนภาในอดีต มันอยู่ระหว่างโกลาหลและมิติแยกส่วน
ซุนเหยียนพยักหน้าและพูดขึ้น “ หากสุสานยกระดับขึ้นมาจริงๆ งั้นไห่อู่เซิงก็จะหลอมรวมมันกับโกลาหลนภา ตอนนั้นเขาคงขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆ”
สีหน้าของซุนวูเปลี่ยนไป “ เราต้องป้องกันไม่ให้สุสานยกระดับ !”
“ งั้นเราทำลายสุสานได้รึไม่ ?” เสี่ยวเสียถามขึ้นมา
“ ข้าเกรงว่าคงจะไม่ได้ ” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ สุสานนั้นพิเศษอย่างมาก มันคือตัวแทนการทำลายล้างและความตาย มันอยู่ในสถานะพิเศษ นอกจากจ้าวโกลาหลแล้วไม่มีใครทำลายมันได้”
สีหน้าของซุนวูบิดเบี้ยวไป “ เราได้แต่มองดูสุสานเติบโตโดยไม่อาจจะทำอะไรได้รึ ? ”
“ สุสานอยู่ใจกลางเขตหวงห้าม มันคือบอลเลือด การเติบโตแต่ละครั้งก็หมายถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา เมื่อมันเติบโตจนถึงขีดจำกัด มันจะเติบโตเป็นโกลาหล ถึงตอนนั้นคงเป็นไปตามแผนการของไห่อู่เซิง ”
” ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือต้องพัฒนาตัวเองให้เร็วกว่าไห่อู่เซิง” ซุนเหยียนพูดขึ้น
ทุกคนพากันมองไปที่ซุนเหยียน “ เร็วกว่ารึ ? ”
“ ใช่ ” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ เราต้องขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลให้ได้ก่อน !”
“ นี่…” ซุนวูรู้สึกกดดันอย่างมาก เขารู้สึกจนปัญญา “ เราจะเทียบกับเขาได้จริงๆรึ ?” ซุนเมิ่งและเสี่ยวเสียก็พากันหนักใจ
“ มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไร” ซุนเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นมา “ นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา ”
ตอนนั้นทุกคนก็พากันเงียบไป
“ เมื่อไม่มีทางอื่น งั้นก็ตกลงตามนี้” จางหยูถอนหายใจออกมา “ ข้าจะไปดูแลสุสานเพื่อกันไม่ให้ไห่อู่เซิงเข้ามาในโกลาหล พวกเจ้าใช้เวลานี้ทำการบ่มเพาะไป ”
ไม่มีใครคิดหาทางอื่นออก
ไม่นานซุนเหยียน, ซุนเมิ่งและซุนวูก็แยกย้าย เสี่ยวเสียก็อยากจะกลับไปด้วยแต่จางหยูรั้งเอาไว้ก่อน
“ นายท่าน ข้าจะไปบ่มเพาะ อย่าห้ามข้าเลย !” เสี่ยวเสียพูดขึ้นด้วยความรีบร้อน
“ เจ้าไม่ต้องไปบ่มเพาะหรอก” จางหยูพูดขึ้น “เจ้าตามข้าไปที่สุสานสวรรค์ ”
เสี่ยวเสียได้แต่เชื่อฟังและตามจางหยูไปยังเขตหวงห้าม ไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านนอกบอลเลือด
“ ไห่อู่เซิงมาที่นี่รึไม่ ?” จางหยูถามต้นไม้โกลาหล
“ ตอนนี้ยังไม่มา” ต้นไม้โกลาหลตอบกลับ
จางหยูพยักหน้า ก่อนจะพาเสี่ยวเสียเข้าไปในบอลเลือด
“ นายท่าน ท่านจะดูแลที่นี่เองไม่ใช่รึ ? ทำไมท่านถึงได้พาข้ามาด้วย ? “ เสี่ยวเสียสลดนิดๆ
จางหยูพูดขึ้น “ เลิกไร้สาระและรีบกินปราณสุสานได้แล้ว “
เสี่ยวเสียชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแสร้งทำหน้าโง่เง่าออกมา “ นายท่าน ท่านพูดถึงอะไรกัน ? ข้าไม่เข้าใจ”
“ งั้นรึ ?” จางหยูแสยะยิ้มออกมาและมองไปที่เสี่ยวเสีย
เสี่ยวเสียหดหัวกลับมาทันที “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะกินมันเอง” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่เสี่ยวเสียไม่ได้รีบลงมือ มันกลับพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย “ นายท่าน ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ากินปราณสุสานได้ ? ท่านก็รู้ว่าข้าได้หลอมรวมกับร่างบรรพกาลแล้ว ข้าไม่มีความสามารถในการควบคุมปราณสุสานได้ดังเดิม “
“ อย่าลืมว่าเจ้าผูกจิตกับข้า เจ้าคิดอะไรอยู่ ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง ?” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย “ และเจ้ากับไห่อู่เซิงก็มีพื้นฐานไม่ต่างกันเลย ไห่อู่เซิงได้ทิ้งที่นี่ไว้ให้กับซุนเหยียน แต่ไม่ได้สูญเสียความสามารถในการควบคุมปราณสุสานไป แค่นี้พอจะไขข้อข้องใจได้หรือไม่?”
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…ก่อนหน้านี้จางหยูเห็นตอนที่ไห่อู่เซิงโจมตีเสี่ยวเสีย ปราณสุสานไม่ได้ทำอันตรายเสี่ยวเสียเลย
“ ก็ได้” เสี่ยวเสียได้แต่ตอบกลับด้วยท่าทีหดหู่
“ ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้า หากเจ้าไม่เชื่อฟังอีก เจ้าคงรู้ผลที่ตามมา” จางหยูพูดขึ้น“ อย่าเกียจคร้าน !”
เสี่ยวเสียไม่กล้าจะปฏิเสธ
มันไม่สนใจความเป็นความตายของผู้คน ยังไงซะหากโกลาหลโดนทำลาย มันก็มีชีวิตต่อได้ในบรรพกาล
ตอนนี้แม้ว่ามันจะกินปราณสุสานเข้าไปแต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีอะไร มันคืองานที่ยุ่งยาก แน่นอนว่ามันไม่อยากทำ
“ หากไม่มีปราณสุสาน มันคงยากที่สุสานจะพัฒนาต่อได้ มันจะลดความเร็วในการทำลายโกลาหลลง ” จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมาก่อนจะเตือนขึ้น “ หากเจ้ายังเกียจคร้านอีก ข้ารับปากว่าเจ้าจะตายก่อนที่โกลาหลนี้จะโดนทำลาย ”
เสี่ยวเสียกลัวขึ้นมา “ ได้ นายท่าน !”
โกลาหลเกี่ยวข้องกับมันยังไงกัน ?
“ ข้ารับปากว่าจะกินปราณสุสานให้หมด นายท่านอย่าฆ่าข้าเลย !” เสี่ยวเสียกลัวขึ้นมาจริงๆ ครั้งนี้จางหยูไม่ได้สนใจเสี่ยวเสีย แต่กลับเดินไปยังลานขั้นต้นแห่งหนึ่งและล็อคเป้าไปที่จุดเชื่อมต่อ
ที่ปลายของสุสาน เสี่ยวเสียตัวสั่นและเริ่มทำการกินปราณสุสานเข้าไป
….
ที่โกลาหลนภา
ไห่อู่เซิงรับรู้ได้ว่าจางหยูและเสี่ยวเสียเข้ามาในสุสาน เขาอดไม่ได้ที่จะสีหน้าหม่นลง “ บังอาจนัก !”
เขาอยากออกไปสู้กับจางหยู แต่ตอนนี้มันดูไม่เข้าท่า ในทางกลับกันแล้วหากสู้กับจางหยูตอนนี้ มันมีแต่เขาเองที่จะบาดเจ็บ เขาไม่อยากเสียเวลาฟื้นฟูตัวเองซึ่งมันจะส่งผลต่อการเติบโตของโกลาหลนภาและสุสาน มันไม่ใช่เรื่องดีเลย
แทนที่จะเป็นเช่นนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยให้เสี่ยวเสียกินปราณสุสานเข้าไปดีกว่า อย่างมากการเติบโตของสุสานก็ช้าลงเล็กน้อย “ โกลาหลต้องถูกทำลาย ไม่มีใครหยุดได้นอกซะจากว่าจ้าวโกลาหลจะลงมือเอง” ไห่อู่เซิงฮึดฮัดออกมา “ไม่นานข้าจะได้เป็นจ้าวโกลาหล…” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้
เขาอยู่มาหลายปี เขาไม่ยอมให้แผนการของเขาเสียเปล่า!
แม้ว่าแผนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนผลลัพธ์ได้
“ รอก่อนเถอะ วันที่โกลาหลโดนทำลาย วันนั้นคือวันตายของเจ้า !” ไห่อู่เซิงแสดงสายตาแค้นเคืองออกมา
จางหยูนั่งอยู่ข้างๆรูหนอน แม้ว่าเขาไม่อาจจะรับรู้ถึงไห่อู่เซิงได้แต่เขาก็รู้ดีว่าไห่อู่เซิงต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“ เร็วกว่ารึ ?” จางหยูยิ้มออกมา “ ข้าไม่เคยกลัวใครในเรื่องนี้ ”
ไห่อู่เซิงห่างจากจ้าวโกลาหลแค่ก้าวเดียวแล้วจางหยูล่ะ ? ไห่อู่เซิงไม่รู้ว่าจางหยูขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ง่ายกว่าไห่อู่เซิงคิดเอาไว้
ด้วยความแข็งแกร่งของจางหยูในตอนนี้แล้ว บางทีตอนที่บรรพกาลที่สี่กำเนิดขึ้นมาและสร้างจ้าวบรรพกาลคนต่อไปนั้นเขาอาจจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลก็ได้
เมื่อถึงตอนนั้นไห่อู่เซิงคงอยู่ในกำมือของจางหยู
“ หากเขาเสี่ยงออกมากลืนกินโกลาหล งั้นก็อาจจะมีความหวังอยู่บ้าง ” จางหยูส่ายหน้า “น่าเสียดายที่เขายอมแพ้โอกาสที่จะพลิกวิกฤตนี้”
จางหยูไม่ได้กลัวไห่อู่เซิงจะหลบซ่อนตัว แต่เขากลัวไห่อู่เซิงออกมากลืนกินทุกอย่างด้วยความสิ้นหวังมากกว่า
เมื่อไม่มีภัยในตอนนี้ งั้นในอนาคตอันใกล้นี้ก็ไม่มีอันตรายใดๆ
เมื่อแผ่การรับรู้ออกไปในโลกตันเถียนก็พบว่าโลกหลายใบเกือบจะพัฒนาขึ้นมาแล้วจางหยูเผยรอยยิ้มกว้างออกมายิ่งกว่าเก่า “ ต้องบอกว่าผู้ควบคุมและกุยหยวนเหล่านี้มีบทบาทต่อโลกตันเถียนจริงๆ แทบทุกโลกเติบโตเร็วกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ”
โลกเดิมรวมถึงโลกที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นเติบโตด้วยความเร็วที่น่าตกใจ มันถึงกับทำให้จางหยูรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นมา
ไห่อู่เซิงไม่ได้กลืนกินผู้คนต้องโดนจางหยูจัดการได้แน่