ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1849 ซับซ้อน
“ ก็แล้วแต่ละกัน…” สือฉีได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา
ลั่วเกาเต็มใจจะช่วยหลินเหวิน แน่นอนว่าเขาต้องยินดีกับหลินเหวิน เพียงแต่มันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลั่วเกา
“ อย่าคิดมากนัก ” ลั่วเกาพูดขึ้นมา “ ตอนที่ข้าช่วยซุนกวน ก็ไม่เคยเห็นใครกล้าว่าข้าเรื่องนี้เลย ”
สือฉีถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่หลินเหวิน “ หลินเหวิน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ท่านลั่วเกาต้องผิดหวัง ”
หลินเหวินรับแหวนมาและพยักหน้าตอบรับ “ บุญคุณของท่านลั่วเกา ข้าจะไม่มีทางลืม !”
ลั่วเกาส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องมาทดแทนบุญคุณอะไรข้า ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นแล้วอย่าลืมว่าเจ้าเป็นสมาชิกของโกลาหลซื่อเซียว อย่าลืมว่าเจ้ามาจากหมู่บ้านเสี่ยวอัน…”
“ ไปได้แล้ว อย่ามารบกวนเวลางานข้า ” ลั่วเกาพูดขึ้น
ไม่นานยามทั้งหมดก็ได้เดินทางออกมา
ลั่วเกาหันไปมองคนจากสำนักคังเฉียง “ เรื่องลูกปัด สือฉีได้บอกพวกเจ้ารึยัง ?”
ทุกคนพากันพยักหน้า
“ งั้นพวกเจ้าก็จ่ายมาได้” ลั่วเกาพูดขึ้นอย่างใจเย็น เขาไม่คิดว่าจางหยูและคนอื่นๆไม่คิดจะจ่ายลูกปัด
ต้นไม้โกลาหลเอาลูกปัดที่เสียเวลากว่า 30 ล้านปีในการสร้างมันออกมาส่งให้กับลั่วเกา “ นี่คือลูกปัดของข้า ”
ลั่วเการับลูกปัดมาพร้อมกับดึงเอาหนังสือสีทองออกมาแล้วพูดขึ้น “ เอาไปลงทะเบียนซะ ข้อมูลทั้งหมดต้องเป็นความจริง หากมีอะไรผิดพลาด ข้าไม่อาจจะรับผิดชอบได้ ”
ต้นไม้โกลาหลเติมข้อมูลลงไปในหนังสือ ตอนนั้นเองลั่วเกาก็มองไปที่ซุนเหยียน “ แล้วเจ้าล่ะ ?”
ซุนเหยียนตอบกลับ “เราไม่คิดจะจ่ายค่าคุ้มครอง”
เสี่ยวเสียที่อยู่ข้างๆได้พูดขึ้นมา “ ใช่ เราไม่จำเป็นต้องจ่าย ”
“ ไร้สาระ” ลั่วเกาขมวดคิ้ว “ พวกเจ้าลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับซุนกวนไปแล้วรึ ? ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนแต่หากพวกเจ้าพบกับกุยหลิงเข้า พวกเจ้าก็ต้องตาย !”
“ ไม่ต้องกังวล เราไม่พบกับกุยหลิงหรอก” จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ เจ้าคงเป็นหัวหน้ากลุ่มสินะ ? ” หลังจากที่พูดคุยกันมาสักพัก ลั่วเกาก็รู้ว่าจางหยูมีฐานะพิเศษกว่าใคร “ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหน กุยหลิงน่ะมีอยู่ทั่วทุกที่ พวกมันเดินทางไปมาในทะเลโกลาหล ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครรึมาจากไหน แต่เจ้าอาจจะกลายเป็นเป้าหมายของกุยหลิงก็ได้ ในทะเลโกลาหลแห่งนี้นอกจากจักรพรรดิแล้วไม่มีใครหนีจากกุยหลิงพ้น เจ้ารู้รึไม่ว่าการไม่จ่ายค่าคุ้มครองนั้นจะทำให้โกลาหลของเจ้าเสี่ยงไปด้วย ? สิ่งที่เกิดขึ้นกับซุนกวนเป็นบทเรียนชั้นดี”
“ เราอยู่ในสถานการณ์พิเศษ เราไม่อาจจะอธิบายได้ในตอนนี้ สรุปคือท่านไม่ต้องกังวลหรอก” จางหยูพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ เรื่องซุนกวนนั้น ท่านบอกเราได้รึไม่ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ?”
ซุนเหยียนเองก็พูดขึ้นมา “ ท่านลั่วเกา ช่วยบอกเราสักเรื่องสองเรื่องที ”
มันดูน่าอายที่เขาซึ่งเป็นร่างแยก แต่กลับต้องมาฟังเรื่องราวของร่างหลักจากคนอื่น
เมื่อเห็นว่าจางหยูและคนอื่นๆไม่ได้ใส่ใจกุยหลิง ลั่วเกาก็คิ้วขมวดแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
เขาโกรธนิดๆ เขาไม่ได้อยากได้ลูกปัดดั้งเดิม เพราะสุดท้ายแล้วเจ้าสิ่งนี้ก็จะถูกส่งออกไป ซึ่งตัวเขานั้นไม่สามารถเก็บไว้กับตัวได้ เหตุผลจริงๆที่เขาโกรธก็คือจางหยูและคนอื่นๆไม่ใส่ใจกับอันตรายนี้เลย
หากจางหยูและคนอื่นๆไม่รู้ว่ากุยหลิงคืออะไรก็แล้วไปเถอะ แต่นี่พวกเขาต่างก็รู้ว่ากุยหลิงคืออะไร ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คิดจะใส่ใจ ไม่แปลกเลยที่ลั่วเกาจะโกรธขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้วพวกจางหยูก็ถือว่าเป็นสมาชิกของหมู่บ้านเสี่ยวอัน โชคชะตาของพวกนี้ได้ผูกติดกับหมู่บ้านเสี่ยวอันตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้ามาในโกลาหลซื่อเซียวแล้ว หากจางหยูและคนอื่นๆตายไป หมู่บ้านเสี่ยวอันก็จะเสียชื่อเสียงไปด้วย มันทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่ซุนกวนตาย เขาเองก็เศร้าและรู้สึกเสียดายอย่างมาก
จนตอนนี้เขาก็ยังโทษตัวเอง หากเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาคงจ่ายลูกปัดแทนซุนกวนไปแล้ว
“ เรื่องซุนกวนนั้นข้าไม่ได้รู้อะไรมากนัก” ลั่วเกาตอบกลับด้วยท่าทีไม่พอใจ “ ข้ารู้แค่ว่าซุนกวนน่ะไม่ธรรมดา เขาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวมากมาย พวกเจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่ง มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเจ้า มันอาจจะทำให้เกิดการเข่นฆ่ากันอีก”
จางหยูยักคิ้ว “ ต้นเหตุมันเพราะอะไร ?”
“ ข้าไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุ” ลั่วเกาพึมพำออกมา “ ตอนที่ซุนกวนมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เขาก็เป็นแค่จ้าวโกลาหลหน้าใหม่ เขาเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่พรสวรรค์ของเขาต่างจากคนทั่วไป เขาบ่มเพาะอย่างหนัก ข้าไม่เคยเห็นคนที่ขยันแบบนี้มาก่อน…”
ลั่วเกาพูดต่อ “ ข้าเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูเขา ข้ายกลูกปัดที่สั่งสมมาให้กับเขา เด็กนั่นก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ไม่นานเขาก็เป็นกองกำลังสำรองของกองทัพเทียนลั่ว และยังได้รับความสนใจจากคนระดับสูงด้วย”
“ ข้าคิดว่าเด็กนี่คงเติบโตขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ อนาคตของเขาจะต้องไร้ขีดจำกัด แต่ไม่คิดเลยว่าเขากลับมีเรื่องกับคนระดับสูง ข้าไม่อยากให้เขาเป็นอะไร ดังนั้นข้าจึงได้ไปหานายท่านเพื่อหวังว่าเขาจะช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้ว นายท่านกลับปฏิเสธที่จะช่วยไกล่เกลี่ย เขาเตือนข้าว่าห้ามเข้าไปยุ่งกับซุนกวน “
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็พากันสับสนขึ้นมา
ซุนกวนทำอะไรกันถึงทำให้คนระดับสูงไม่พอใจ ?
เรื่องอะไรที่ทำให้คนระดับสูงอีกคนถึงกับต้องกลัว ?
“ จากนั้นทหารระดับสูงก็มาที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน เพื่อมาหาซุนกวน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งสองจึงได้ทะเลาะกัน สุดท้ายทหารนั้นก็จากไปด้วยความโกรธ….ตอนแรกข้าคิดว่าทหารระดับสูงกับซุนกวนมีเรื่องขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นข้าก็พบว่ามันไม่ใช่แบบที่ข้าคิด ในทางกลับกันแล้วทหารระดับสูงเหมือนอยากจะปกป้องซุนกวน และยังกดดันซุนกวนด้วย อีกทั้งทหารคนนั้นเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับผู้นำระดับสูง ซึ่งผู้นำระดับสูงคนนั้นเหมือนอยากจะปกป้องซุนกวน ”
งั้นทหารระดับสูงก็ไม่ใช่ศัตรูของซุนกวนรึ ?
เมื่อไม่ใช่ศัตรูแล้วทำไมถึงทะเลาะกับซุนกวน และถึงกับกดดันซุนกวน ด้วย ?
“ น่าเสียดายที่เด็กนั่นเจอกับกุยหลิงเข้า สุดท้ายเขาก็โดนฆ่า…” ลั่วเกาถอนหายใจออกมา “ ข้าจำได้ว่าตอนที่ข่าวการตายของเขาแพร่ออกมา ทหารระดับสูงคนนั้นหงุดหงิดอย่างมาก จนเกือบจะทำให้กองทัพเทียนลั่วโกลาหล แม้กระทั่งกองทัพสังเกตการณ์ก็ยังถูกลากเข้ามาเอี่ยว ”
กองทัพสังเกตการณ์คือหนึ่งในสามกองทัพภายใต้จักรพรรดิซื่อเซียว
กองทัพสังเกตการณ์ กองทัพเทียนลั่วและกองทัพซื่อเซียวต่างก็ถือว่าเป็นดาบของจักรพรรดิ แม่ทัพทั้งสามคนนั้นคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจักรพรรดิ !
ลั่วเกามองไปที่จางหยูและคนอื่นๆ “ทหารระดับสูงคนนั้นเป็นคนของกองทัพเทียนลั่ว พลังของเขาลึกล้ำมาก ว่ากันว่าเขาคือมือขวาของผู้บัญชาการกองทัพเทียนลั่ว ฐานะของเขาทัดเทียมกับเจ้าเมือง แม้แต่ข้าในตอนที่ยังรุ่งโรจน์ก็ไม่อาจจะเป็นศัตรูกับเขาได้ นี่ไม่ต้องนับตอนนี้เลย…แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับเขาคนนั้นได้ ฟังที่ข้าแนะนำไว้ เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่ง”
เขาเห็นว่าคนจากสำนักคังเฉียงนั้นโดดเด่นแต่ไม่ว่าจะโดดเด่นแค่ไหน แต่จะเทียบกับแม่ทัพได้ยังไง ?
“ เราแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้บอกว่าจะเข้าไปยุ่ง” จางหยูพูดขึ้น “ ซุนกวนนั้นได้ช่วยเหลือเราไว้มาก เราถามเรื่องของเขาก็เพื่อทำความเข้าใจเขา มันผิดด้วยรึ ?”
“ ซุนกวนช่วยเหลือพวกเจ้ารึ ?” ลั่วเกาถามขึ้นมา “ พวกเจ้าบอกได้รึไม่ว่าช่วยยังไง ?”
“ เอาตามตรงคือหากไม่มีซุนกวนคงไม่มีเราในตอนนี้ “ จางหยูบอกความจริงแต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดออกมา “ ท่านรู้ชื่อของทหารระดับสูงคนนั้นรึไม่ ? เขาอยู่ที่ไหนกัน ?”
“ ข้าไม่รู้” ลั่วเกาส่ายหน้า “ ข้าเป็นแค่ผู้นำเล็กๆ จะไปรู้ข้อมูลนั้นได้ยังไง? แม้แต่ฐานะของทหารระดับสูงข้าก็รู้จากเจ้าเมือง”
จางหยูตาเป็นประกายขึ้นมา “ งั้นเจ้าเมืองก็น่าจะรู้ “
ลั่วเกาพยักหน้าและพูดต่อ “ เขารู้ก็จริงแต่หากเจ้าอยากรู้คำตอบจากเขาแล้ว ข้าว่าเจ้าควรทิ้งความคิดนี้ไปเสียดีกว่า “
“ ทำไมกัน ?”
“ เพราะเขาถูกย้ายไปที่กองทัพซื่อเซียวเมื่อหลายล้านปีก่อน ตอนนี้เจ้าเมืองได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ แม้ว่าเจ้าจะพบเขา แต่ก็คงไม่อาจจะถามข้อมูลจากเขาได้ อีกอย่างต่อให้เขาไม่โดนสั่งย้าย แต่เจ้าก็ไม่อาจจะพบกับเขาได้..ยังไงซะเจ้าเมืองก็มีตำแหน่งที่สูง มันยากที่คนทั่วไปจะเข้าพบได้”